คนไทยอ่วมพิษโควิด‘หนี้ท่วม’ ฉุดตลาดเที่ยวไทยปีนี้ซึมหนัก
https://www.bangkokbiznews.com/business/965530
“สทท.” เผยผลสำรวจคนไทยหนี้ท่วม เงินหมดส่อ “อดเที่ยว” พบตัวเลขน่าตกใจกว่า 70% รายได้ลดลงเซ่นวิกฤติโควิด 20% ไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้ว ทุบตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศปีนี้ชะลอตัว
นางสาว
ผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวว่า ผลสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาส 3/2564” ซึ่งจัดทำร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สำรวจความเห็นคนไทยทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 1,540 คน และผู้ประกอบการ 740 ราย ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-5 ก.ย.2564 ผ่านแบบสอบถามออนไลน์ และลงพื้นที่ พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในไตรมาส 4 นี้มากอันดับ 1 ที่ 83% คือจำนวนผู้ติดเชื้อหรือความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามด้วย 36% เป็นเรื่องสถานะทางการเงิน อันดับ 3 วันหยุดยาว 33% และโปรโมชั่นต่าง ๆ ส่วนลดด้านค่าเดินทางและที่พักจากภาครัฐหรือสถานประกอบการ 23%
“วิกฤติโควิดกระทบต่อรายได้คนไทย 73% โดย 70% มีรายได้ลดลง มีเพียง 3% เท่านั้นที่ระบุว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น”
เมื่อเจาะกลุ่มคนไทย 70% ที่มีรายได้ลด พบว่าลดลงเฉลี่ยคนละ 40% ของรายได้ที่เคยรับ กว่า 78% มีภาวะหนี้สิน ในจำนวนนี้ 30% มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคนละ 40% ของรายได้เดิม
ทั้งนี้คนไทยที่มีหนี้สินจะต้องจ่ายเฉลี่ย 40% ของรายได้ต่อเดือน หนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อซื้อสินค้า 55% รองลงมาเป็นหนี้เพื่อการบริโภคประจำวัน 44% และหนี้เพื่อที่อยู่อาศัย 43% ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ คนไทย 20% ไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้ว อีก 20% ไม่แน่ใจว่าจะชำระได้หรือไม่ นับเป็นเรื่องน่าตกใจ ทำให้การตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวจากนี้เป็นไปได้ยาก และอาจทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปีนี้ชะลอตัว
สำหรับแผนการเดินทางของประชาชนในไตรมาส 4 พบว่า 36% มีแผนเดินทางไปต่างจังหวัด และ 33% มีแผนเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว กว่า 44% ยังไม่ตัดสินใจเดินทาง รอดูสถานการณ์การแพร่ระบาด มาตรการควบคุมโรคว่าเอื้อต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ และรอดูมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐและภาคเอกชน
ทั้งนี้ 54% ของคนไทยที่มีแผนเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว จะไปจังหวัดใกล้เคียงหรือจังหวัดที่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน 41% มีแผนท่องเที่ยวภายในจังหวัดตัวเอง 32% มีแผนเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดห่างไกลหรือจังหวัดที่ใช้เวลาเดินทางนาน ส่วนภูมิภาคที่คนไทยมีแผนไปท่องเที่ยวมากที่สุด คือ ภาคเหนือ 59% รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ได้รับความนิยมใกล้เคียงกันที่ 39% และ 40% คนไทยที่วางแผนท่องเที่ยวช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2564 มีสัดสวนไม่สูงมากนัก 8% และ 11% ตามลำดับ ส่วนช่วงเวลาที่คนไทยมีแผนเดินทางท่องเที่ยวมากที่สุดคือ เดือน ธ.ค. ประมาณ 28%
ด้านการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดหรือเทศกาลในไตรมาส 4 ซึ่งมีเทศกาล 5 ช่วงเวลานั้น สัดส่วนคนไทยที่วางแผนท่องเที่ยวในวันคล้ายวันสวรรคต ร.9 (13 ต.ค.) อยู่ที่ 8% วันปิยมหาราช (หยุดยาว 23-25 ต.ค.) อยู่ที่ 13% วันคล้ายวันพระราชสมภพ ร.9 (หยุดยาว 4-6 ธ.ค.) อยู่ที่ 11% วันรัฐธรรมนูญ (หยุดยาว 10-12 ธ.ค.) อยู่ที่ 14% และวันสิ้นปี (หยุดยาว 31 ธ.ค.64-2 ม.ค.65) อยู่ที่ 37% แต่ยังมีประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจอีกประมาณ 40%
ส่วนผู้ประกอบการคาดการณ์ในทิศทางเดียวกันว่าวันหยุดเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ในระดับสูง คาดว่าประชาชนจะมีความเชื่อมั่นเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นในเดือน ธ.ค. สะท้อนได้จากค่าดัชนีคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลจะค่อย ๆ สูงขึ้นตามลำดับ และสูงที่สุดในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีค่าดัชนี 42 สูงกว่าไตรมาส 3 ในระดับสูงมาก และคาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะสูงกว่าช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงที่ไม่มีการระบาดของโรคโควิด-19
ผู้ว่าฯเมืองคอน ไม่มั่นใจ เปิดเรียนได้ 1 พ.ย.นี้ หลังโควิดยังระบาดหนัก
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6674273
ผู้ว่าฯเมืองคอน ไม่มั่นใจ เปิดเรียนได้ 1 พ.ย.นี้ หลังโควิดยังระบาดหนัก ป่วยรายใหม่วันเดียว 510 คน ตายพุ่ง 10 ศพ พบคลัสเตอร์ใหม่ในเรือนจำทุ่งสง-ปากพนัง
วันที่ 13 ต.ค.64 นาย
ไกรศร วิศิษฐ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการเปิดโรงเรียนในวันที่1พ.ย.2564ว่า ในส่วนของจังหวัดนครฯ ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถได้หรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังมีการติดเชื้อกันค่อนข้างสูง ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครฯได้หารือในเรื่องนี้
โดยเบื้องต้นจะมีการตั้งมาตราการและการเตรียมแผนความพร้อมในการเปิดเรียนตามระบบของกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับโรงเรียนที่จะเปิดให้ไปทำ มาเสนอต่อที่ประชุมโรคติดต่อจังหวัดฯ ในวันที่ 26 ต.ค.64นี้ ก่อนเปิด 1 สัปดาห์
ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจะประเมินว่า รร.จะสามารถทำตามแผนความพร้อมได้หรือไม่ หากโรงเรียนใดไม่ผ่านการประเมินก็จะต้องเลื่อนการเปิดไปอีก 1 สัปดาห์ นี้คือมติของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครฯ และจะมีการสุ่มตรวจในแต่ละเขตการศึกษาอย่างน้อย 5 โรง
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานเรา จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า รร.ในนครฯจะสามารถเปิดได้หรือไม่ในวันที่1พ.ย.นี้ ต้องดูตามที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งตอนนี้เราก็ได้ให้โจทย์แก่รร.ไปแล้วคิดว่าในวันที่ 19 ต.ค.นี้ ก็จะมีการรายงานกลับมาว่า รร.ใดได้เตรียมแผนรองรับทั้งภายในและภายนอกอย่างไรนี้เป็นมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครฯในการจะเปิดรร.
นาย
ไกรศร กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลขของผู้ติดเชื้อในนครฯนั้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขค่อนข้างสูงเราก็กำลังดูว่าเป็นช่วงพีคสุดหรือยังเพราะตัวเลขที่สูง เนื่องจากมีการตรวจเชิงรุกเมื่อพบ 1 ก็ตรวจกลุ่มเสี่ยงบวกอีก 50 จึงทำให้ตัวเลขค่อนข้างสูง แต่ก็ดำเนินการตามระบบอย่างเต็มที่ ซึ่งได้สั่งการให้มีการกำชับและบังคับใช้ทุกมาตรการอย่างเคร่งครัดไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมโรค ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ท้องถิ่น และ กอ.รมน. เพื่อให้คุมเข้มการบังคับใช้มาตรการเพิ่มขึ้น
พร้อมทั้งได้เร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ การเร่งค้นหาคนติดเชื้อติดเชื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าระบบสู่การรักษา และรักษาตัวให้มีการกำชับและบังคับใช้ทุกมาตรการอย่างเคร่งครัดไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมโรค ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ท้องถิ่น และ กอ.รมน. เพื่อให้คุมเข้มการบังคับใช้มาตรการเพิ่มขึ้น
พร้อมทั้งได้เร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ การเร่งค้นหาคนติดเชื้อติดเชื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าระบบสู่การรักษา และรักษาตัวให้หายโดยเร็ว ส่วนกลุ่มเสี่ยงสัมผัสโรคสูงต้องให้กักตัวในทันที ขณะที่กลุ่มเสี่ยงสูง หรือกลุ่ม 608 ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100%
รวมทั้งได้ขอความร่วมมือประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และพื้นที่รอบนอก หากไม่มีธุระจำเป็นให้งดเข้าไปพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด หรือพบมีการติดเชื้อสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ในจังหวัดนครฯวันนี้ 13ตุลาคม 2564 510 ราย เสียชีวิต 10 ราย ใน 21อำเภอ โดยถือเป็นตัวเลขที่นิวไฮ ทั้งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต มีการพบคลัสเตอร์ใหม่คือในเรือนจำอ.ทุ่งสง มีผู้ติดเชื้อวันนี้ 9 ราย และ เรือนจำปากพนัง มีผู้ติดเชื้อวันนี้ 1 ราย โดยมียอดรวมสะสมระลอกเดือนเมษายน 21,607รายรักษาหาย15,043 รายและเสียชีวิต 134 ราย
ฤทธิ์พายุคมปาซุ ‘เขื่อนป่าสักฯ’ แจ้งด่วนที่สุด ให้ประชาชนขนของขึ้นที่สูง-ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด
https://www.matichon.co.th/region/news_2989106
ฤทธิ์พายุคมปาซุ ‘เขื่อนป่าสักฯ’ แจ้งด่วนที่สุด ให้ประชาชนขนของขึ้นที่สูง-ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นาย
อภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ลงนามแจ้งด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ให้แจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน
“คมปาซุ” ส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์จะเพิ่มการระบายน้ำโดยทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากอัตรา 100 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในวันที่ 13 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป จนถึงอัตรา 300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชนจากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 เมตร (จากปัจจุบันเวลา 12.00 น.วันนี้) จึงขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไว้ในที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป
JJNY : คนไทย‘หนี้ท่วม’ฉุดเที่ยวไทย│ผู้ว่าฯเมืองคอนไม่มั่นใจเปิดเรียนได้│‘เขื่อนป่าสักฯ’แจ้งด่วน ขนของ│ฝนถล่มเมืองจันท์
https://www.bangkokbiznews.com/business/965530
“สทท.” เผยผลสำรวจคนไทยหนี้ท่วม เงินหมดส่อ “อดเที่ยว” พบตัวเลขน่าตกใจกว่า 70% รายได้ลดลงเซ่นวิกฤติโควิด 20% ไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้ว ทุบตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศปีนี้ชะลอตัว
นางสาวผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวว่า ผลสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาส 3/2564” ซึ่งจัดทำร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สำรวจความเห็นคนไทยทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 1,540 คน และผู้ประกอบการ 740 ราย ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-5 ก.ย.2564 ผ่านแบบสอบถามออนไลน์ และลงพื้นที่ พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในไตรมาส 4 นี้มากอันดับ 1 ที่ 83% คือจำนวนผู้ติดเชื้อหรือความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามด้วย 36% เป็นเรื่องสถานะทางการเงิน อันดับ 3 วันหยุดยาว 33% และโปรโมชั่นต่าง ๆ ส่วนลดด้านค่าเดินทางและที่พักจากภาครัฐหรือสถานประกอบการ 23%
“วิกฤติโควิดกระทบต่อรายได้คนไทย 73% โดย 70% มีรายได้ลดลง มีเพียง 3% เท่านั้นที่ระบุว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น”
เมื่อเจาะกลุ่มคนไทย 70% ที่มีรายได้ลด พบว่าลดลงเฉลี่ยคนละ 40% ของรายได้ที่เคยรับ กว่า 78% มีภาวะหนี้สิน ในจำนวนนี้ 30% มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคนละ 40% ของรายได้เดิม
ทั้งนี้คนไทยที่มีหนี้สินจะต้องจ่ายเฉลี่ย 40% ของรายได้ต่อเดือน หนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อซื้อสินค้า 55% รองลงมาเป็นหนี้เพื่อการบริโภคประจำวัน 44% และหนี้เพื่อที่อยู่อาศัย 43% ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ คนไทย 20% ไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้ว อีก 20% ไม่แน่ใจว่าจะชำระได้หรือไม่ นับเป็นเรื่องน่าตกใจ ทำให้การตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวจากนี้เป็นไปได้ยาก และอาจทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปีนี้ชะลอตัว
สำหรับแผนการเดินทางของประชาชนในไตรมาส 4 พบว่า 36% มีแผนเดินทางไปต่างจังหวัด และ 33% มีแผนเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว กว่า 44% ยังไม่ตัดสินใจเดินทาง รอดูสถานการณ์การแพร่ระบาด มาตรการควบคุมโรคว่าเอื้อต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ และรอดูมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐและภาคเอกชน
ทั้งนี้ 54% ของคนไทยที่มีแผนเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว จะไปจังหวัดใกล้เคียงหรือจังหวัดที่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน 41% มีแผนท่องเที่ยวภายในจังหวัดตัวเอง 32% มีแผนเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดห่างไกลหรือจังหวัดที่ใช้เวลาเดินทางนาน ส่วนภูมิภาคที่คนไทยมีแผนไปท่องเที่ยวมากที่สุด คือ ภาคเหนือ 59% รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ได้รับความนิยมใกล้เคียงกันที่ 39% และ 40% คนไทยที่วางแผนท่องเที่ยวช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2564 มีสัดสวนไม่สูงมากนัก 8% และ 11% ตามลำดับ ส่วนช่วงเวลาที่คนไทยมีแผนเดินทางท่องเที่ยวมากที่สุดคือ เดือน ธ.ค. ประมาณ 28%
ด้านการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดหรือเทศกาลในไตรมาส 4 ซึ่งมีเทศกาล 5 ช่วงเวลานั้น สัดส่วนคนไทยที่วางแผนท่องเที่ยวในวันคล้ายวันสวรรคต ร.9 (13 ต.ค.) อยู่ที่ 8% วันปิยมหาราช (หยุดยาว 23-25 ต.ค.) อยู่ที่ 13% วันคล้ายวันพระราชสมภพ ร.9 (หยุดยาว 4-6 ธ.ค.) อยู่ที่ 11% วันรัฐธรรมนูญ (หยุดยาว 10-12 ธ.ค.) อยู่ที่ 14% และวันสิ้นปี (หยุดยาว 31 ธ.ค.64-2 ม.ค.65) อยู่ที่ 37% แต่ยังมีประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจอีกประมาณ 40%
ส่วนผู้ประกอบการคาดการณ์ในทิศทางเดียวกันว่าวันหยุดเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ในระดับสูง คาดว่าประชาชนจะมีความเชื่อมั่นเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นในเดือน ธ.ค. สะท้อนได้จากค่าดัชนีคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลจะค่อย ๆ สูงขึ้นตามลำดับ และสูงที่สุดในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีค่าดัชนี 42 สูงกว่าไตรมาส 3 ในระดับสูงมาก และคาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะสูงกว่าช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงที่ไม่มีการระบาดของโรคโควิด-19
ผู้ว่าฯเมืองคอน ไม่มั่นใจ เปิดเรียนได้ 1 พ.ย.นี้ หลังโควิดยังระบาดหนัก
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6674273
ผู้ว่าฯเมืองคอน ไม่มั่นใจ เปิดเรียนได้ 1 พ.ย.นี้ หลังโควิดยังระบาดหนัก ป่วยรายใหม่วันเดียว 510 คน ตายพุ่ง 10 ศพ พบคลัสเตอร์ใหม่ในเรือนจำทุ่งสง-ปากพนัง
วันที่ 13 ต.ค.64 นายไกรศร วิศิษฐ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการเปิดโรงเรียนในวันที่1พ.ย.2564ว่า ในส่วนของจังหวัดนครฯ ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถได้หรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังมีการติดเชื้อกันค่อนข้างสูง ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครฯได้หารือในเรื่องนี้
โดยเบื้องต้นจะมีการตั้งมาตราการและการเตรียมแผนความพร้อมในการเปิดเรียนตามระบบของกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับโรงเรียนที่จะเปิดให้ไปทำ มาเสนอต่อที่ประชุมโรคติดต่อจังหวัดฯ ในวันที่ 26 ต.ค.64นี้ ก่อนเปิด 1 สัปดาห์
ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจะประเมินว่า รร.จะสามารถทำตามแผนความพร้อมได้หรือไม่ หากโรงเรียนใดไม่ผ่านการประเมินก็จะต้องเลื่อนการเปิดไปอีก 1 สัปดาห์ นี้คือมติของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครฯ และจะมีการสุ่มตรวจในแต่ละเขตการศึกษาอย่างน้อย 5 โรง
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานเรา จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า รร.ในนครฯจะสามารถเปิดได้หรือไม่ในวันที่1พ.ย.นี้ ต้องดูตามที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งตอนนี้เราก็ได้ให้โจทย์แก่รร.ไปแล้วคิดว่าในวันที่ 19 ต.ค.นี้ ก็จะมีการรายงานกลับมาว่า รร.ใดได้เตรียมแผนรองรับทั้งภายในและภายนอกอย่างไรนี้เป็นมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครฯในการจะเปิดรร.
นายไกรศร กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลขของผู้ติดเชื้อในนครฯนั้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขค่อนข้างสูงเราก็กำลังดูว่าเป็นช่วงพีคสุดหรือยังเพราะตัวเลขที่สูง เนื่องจากมีการตรวจเชิงรุกเมื่อพบ 1 ก็ตรวจกลุ่มเสี่ยงบวกอีก 50 จึงทำให้ตัวเลขค่อนข้างสูง แต่ก็ดำเนินการตามระบบอย่างเต็มที่ ซึ่งได้สั่งการให้มีการกำชับและบังคับใช้ทุกมาตรการอย่างเคร่งครัดไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมโรค ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ท้องถิ่น และ กอ.รมน. เพื่อให้คุมเข้มการบังคับใช้มาตรการเพิ่มขึ้น
พร้อมทั้งได้เร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ การเร่งค้นหาคนติดเชื้อติดเชื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าระบบสู่การรักษา และรักษาตัวให้มีการกำชับและบังคับใช้ทุกมาตรการอย่างเคร่งครัดไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมโรค ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ท้องถิ่น และ กอ.รมน. เพื่อให้คุมเข้มการบังคับใช้มาตรการเพิ่มขึ้น
พร้อมทั้งได้เร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ การเร่งค้นหาคนติดเชื้อติดเชื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าระบบสู่การรักษา และรักษาตัวให้หายโดยเร็ว ส่วนกลุ่มเสี่ยงสัมผัสโรคสูงต้องให้กักตัวในทันที ขณะที่กลุ่มเสี่ยงสูง หรือกลุ่ม 608 ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100%
รวมทั้งได้ขอความร่วมมือประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และพื้นที่รอบนอก หากไม่มีธุระจำเป็นให้งดเข้าไปพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด หรือพบมีการติดเชื้อสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ในจังหวัดนครฯวันนี้ 13ตุลาคม 2564 510 ราย เสียชีวิต 10 ราย ใน 21อำเภอ โดยถือเป็นตัวเลขที่นิวไฮ ทั้งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต มีการพบคลัสเตอร์ใหม่คือในเรือนจำอ.ทุ่งสง มีผู้ติดเชื้อวันนี้ 9 ราย และ เรือนจำปากพนัง มีผู้ติดเชื้อวันนี้ 1 ราย โดยมียอดรวมสะสมระลอกเดือนเมษายน 21,607รายรักษาหาย15,043 รายและเสียชีวิต 134 ราย
ฤทธิ์พายุคมปาซุ ‘เขื่อนป่าสักฯ’ แจ้งด่วนที่สุด ให้ประชาชนขนของขึ้นที่สูง-ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด
https://www.matichon.co.th/region/news_2989106
ฤทธิ์พายุคมปาซุ ‘เขื่อนป่าสักฯ’ แจ้งด่วนที่สุด ให้ประชาชนขนของขึ้นที่สูง-ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายอภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ลงนามแจ้งด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ให้แจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “คมปาซุ” ส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์จะเพิ่มการระบายน้ำโดยทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากอัตรา 100 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในวันที่ 13 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป จนถึงอัตรา 300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชนจากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 เมตร (จากปัจจุบันเวลา 12.00 น.วันนี้) จึงขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไว้ในที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป