เพื่อนๆ นักกอล์ฟที่เล่นกอล์ฟมานาน หลงใหลกับเกมเดินตามลูกขาวๆกลมๆ ผ่านสนามมามากมาย จากเหนือจรดใต้ ตะวันออกยันตะวันตก ย่อมต้องมีช็อตประทับใจกันทุกคน วันนี้ขอเชิญชวนเพื่อนๆ มาร่วมย้อนความทรงจำถึงความประทับใจครั้งนั้น ที่เชื่อว่าทั้งภาพและความรู้สึกจะยังฝังลึกในใจไปตราบนานแสนนาน
ส่วนตัวผมก็มีช็อตหนึ่งที่นึกถึงคราวใดก็มีความสุขทุกครั้ง ในการแข่งขันที่จัดขึ้นโดยบริษัทซัพพลายเออร์ที่ขายเครื่องจักรไลน์การผลิต SMT สำหรับโรงงานผู้ประกอบแผงวงจรไฟฟ้า (printed circuit board assemblies) ซึ่งจะเชิญนักกอล์ฟจากบริษัทที่เป็นโรงงานอิเลคทรอนิกส์ทั่วประเทศ มาดวลวงสวิงกันประจำทุกปี ปีนั้นน่าจะ 2006 หรือ 2007 นี่แหละ จัดขึ้นที่สนามเกียรติธานี กอล์ฟคลับ ย่านบางนา ซึ่งเป็นสนามที่ผมไม่เคยเล่นมาก่อน
ขอบคุณ: ภาพเลย์เอาท์หลุม 9 จากรีวิวสนามเกียรติธานีของคุณ GumpzZ
http://topicstock.ppantip.com/supachalasai/topicstock/2008/12/S7340222/S7340222.html
หลุมที่เกิดเหตุ เป็นหลุม 9 พาร์ 4 ระยะ 382 หลา ผมทีออฟออกไปค่อนข้างดี ลูกไปอยู่กลางแฟร์เวย์เหลือระยะขึ้นกรีนราว 150 หลา กรีนหลุมนี้มีรูปร่างเหมือนเม็ดถั่วแนวขวาง มีบังเกอร์ทรายประกบข้างหน้าเกือบตลอดแนวกรีน หน้ากรีนก็เป็นน้ำขวางตลอด ช็อตสองยังไงก็ต้องตีผ่านน้ำ ซึ่งช็อตแอพโพรชจะคล้ายๆกับหลุม 12 ของออกัสต้า เนชั่นแนล ที่เป็นจุดเปลี่ยนทำให้ไทเกอร์ได้แชมป์เดอะ มาสเตอร์ ปี 2019 แต่ก็เป็นหลุมที่วูดส์ทำสถิติสุดแย่ในปีถัดมา หลังตีตกน้ำถึงสามครั้งก่อนเดินลงกรีนด้วยสกอร์ 10
วันนั้นมีกระแสลมจากขวามาซ้ายค่อนข้างแรง ซึ่งตอนที่เล่นมาถึงหลุมนี้ สกอร์ผมน่าจะเกินเจ็ดหรือแปดช็อตไปแล้ว มีแค่เบอร์ดี้เดียว (หลุม 18 พาร์ 5 สั้น) แถมมีดับเบิลตั้งแต่หลุมแรก (ช็อตกันผมออกหลุม 16 พาร์ 3 ยาว) และยังออกโบกีอีกหลายหลุม ไม่ได้คิดหวังรางวัลอะไรกับเขาแล้ว จึงตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดในหลุมนี้ ความคิดคืออยากตีให้เหมือนโปรที่เห็นในทีวี ไม่มีไรจะเสีย ขอลองทำสิ่งที่อยากทำ ทำได้หรือไม่ได้ช่างมัน จึงตัดสินใจว่าจะต้องตีคัทเฟดสู้ลมเข้าหาธง
ปกติระยะนี้จะตีเหล็ก 7 แต่เนื่องจากลมแรงบวกกับเชพของกรีนและตำแหน่งธง จึงบอกแคดดี้ขอเหล็ก 6 ผมเล็งไปทางซ้ายของกรีน กะว่าจะให้ลูกเฟดเข้าหาธงที่ปักค่อนข้างเยื้องขวาของกรีนและอยู่หลังส่วนหนาที่สุดของบังเกอร์ทราย ก่อนตีผมล้วงเอาโพยจากถุงกอล์ฟมาอ่าน ปกติเวลาออกรอบหรือเล่นแมทช์สำคัญ ผมมักจะเตรียมช็อร์ทโน้ตถึงวิธีการเล่นช็อตต่างๆ ตามที่ซ้อมมาและคิดว่าได้ผล เช่น ตำแหน่งลูกและการวางเท้า การทิ้งน้ำหนักตัว สำหรับการเล่นช็อตต่างๆที่ไม่คุ้นเคย เช่น การตีคัทหรือดรอว์ ลูกหน้าต่ำหลังสูง ฯลฯ
ตอนนั้นยอมรับว่ากำลังเห่อกอล์ฟ ประสบการณ์กอล์ฟก็ราว 5-6 ปี แม้งานจะยุ่งก็พยายามหาเวลาไปซ้อม อีกอย่าง การแข่งกอล์ฟรายการนี้ก็มีโอกาสได้เจอคนในวงการเดียวกัน ทั้งลูกค้าและซัพพลายเออร์ การได้ถ้วยรางวัลก็มีส่วนสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรเราด้วย หรืออย่างน้อยก็ทำให้คนอื่นรู้จักบริษัทเรา มีโอกาสสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมอาชีพ (เผื่ออยากเปลี่ยนงานในอนาคต) ลูกค้าที่เป็นคนญี่ปุ่นก็เยอะซึ่งส่วนใหญ่จะเล่นกอล์ฟ (บริษัทผมเคยได้งานจากลูกค้าญี่ปุ่นในนิคม 304 ที่ผลิตบอร์ดให้กับเครื่องเสียงอัลไพน์จากการแข่งรายการนี้ในปีก่อนหน้านี้)
เคยมีโอกาสถามคนญี่ปุ่นที่ทำงานเมืองไทยว่า ทำไมถึงโปรดปรานการเล่นกอล์ฟเหลือเกิน ตอนที่ถามก็พอรู้เหมือนกันว่ากอล์ฟเป็นเหตุผลต้นๆที่ทำให้ผู้บริหารญี่ปุ่นยินดีย้ายมาทำงานที่เมืองไทย คำตอบที่ได้คือ กอล์ฟคือการพักผ่อนที่เป็นค่านิยมของคนทำงานญี่ปุ่น เขาบอกว่า คนญี่ปุ่นทำงานหนักและมีสองทางเลือก คือดื่มกับเล่นกอล์ฟ ถ้าเป็นระดับพนักงานหรือผู้บริหารระดับล่างก็นิยมไปดื่มหลังเลิกงานในวันสุดท้ายของสัปดาห์ หากเป็นผู้บริหารระดับกลางหรือสูงถึงจะมีโอกาสเล่นกอล์ฟ เพราะการออกรอบในญี่ปุ่นนั้นแพงมาก การดื่มในค่ำคืนวันศุกร์จึงเป็นทางเลือกที่นิยมกว่าสำหรับคนทำงานทั่วไป ผมบังเอิญได้เห็นด้วยตัวเองครั้งที่ไปงานแสดงเครื่องจักรที่ญี่ปุ่น (JIMTOF)
ตอนหัวค่ำของวันศุกร์ผมได้ไปนั่งกินเบียร์ร้านเนื้อย่างเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นซอยเล็กๆลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ ได้เห็นบรรยากาศที่คนทำงานได้มาดื่มกินสังสรรค์หลังเลิกงาน เป็นร้านเล็กๆ โต้ะเก้าอี้ก็เล็กๆ แต่ก็มีลูกค้าแน่นแทบจะไหล่ชนไหล่ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนทำงาน พอเข้าร้านมาก็เก็บสูทเหลือเสื้อแขนยาวสีขาว แม้ผมจะฟังญี่ปุ่นไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พอจะเดาได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยระบายความอัดอั้นเรื่องงาน มีรายหนึ่งที่นั่งดื่มกับเพื่อนอีกสองคนที่โต้ะเยื้องๆกับผม (ผมนั่งตรงเคาท์เตอร์บาร์) ถึงกับร้องไห้ฟูมฟายออกมา
ตอนเกือบๆ เที่ยงคืนผมมาต่อรถไฟฟ้ากลับที่พักที่สถานีโตเกียวสีแดงๆ ที่เป็นสถาปัตยกรรมภายนอกแบบตะวันตก ก็ได้เห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในประเทศญี่ปุ่น นั่นคือคนทำงานใส่สูทในสภาพเมามาย เดินโซซัดโซเซ มีทั้งคนรุ่นหนุ่มยันรุ่นใหญ่อายุไม่น้อย บางรายก็ต้องให้เพื่อนประคองปีก ผมเห็นก็ได้แต่อมยิ้ม เข้าใจหัวอกคนทำงานด้วยกัน เข้าใจโดยดุษฎีว่า ทำไมการได้ระบายเรื่องงานในระหว่างการดื่มจึงเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนญี่ปุ่น แต่ที่จริง ไม่จำกัดว่าเป็นคนชาติไหน น่าจะเป็นเหมือนกันทุกที่ ไม่ว่าจะทำงานออฟฟิศ หรือทำในโรงงาน
กลับมาที่กอล์ฟ สมัยนั้นไม่ได้มีคลิปกอล์ฟหรือยูทูปให้ศึกษามากเหมือนยุคนี้ ซึ่งวิธีการเล่นลูกเฟดผมก็จดไว้ในโพยเช่นกัน วันนั้นผมเล่นตามตำราของเลดเบทเทอร์ คือ วางหน้าไม้ชี้ไปที่ธง (target) วางแนวเท้า (เข่าสะโพกไหล่) ไปทางซ้ายเป็นสตาร์ทไลน์ เผื่อเหล็กหนึ่งเบอร์ แล้วก็สวิงตามแนวเท้า
ปรากฏว่าลูกที่ตีออกไปเลี้ยวจากซ้ายไปขวาอย่างที่ตั้งใจ แต่ด้วยลมขวางที่แรงกว่าที่คิด แม้ลูกจะออนระยะธง แต่ก็ห่างธงไปทางซ้ายร่วมสามคันธงและเป็นทางลงด้วย อาศัยที่เพื่อนร่วมก๊วนตกน้ำตกทราย จึงใช้เวลาอ่านกรีนเต็มที่ ถึงตอนพัตต์จำได้ว่ามีสมาธิค่อนข้างมาก ลูกออกจากหน้าพัตเตอร์ตรงไลน์อย่างที่ตั้งใจ ลูกวิ่งไปเกือบจะไม่ถึงหลุม แต่สุดท้ายก็หยดลงหลุม เป็นเบอร์ดี้ที่สองของวัน แม้วันนั้นจะไม่ได้รางวัลอะไร (ผมลงไฟลท์ B) แต่ก็ดีใจกับเบอร์ดี้นี้ แต่ที่ภูมิใจและประทับใจมากที่สุดคือ ช็อตคัทเฟดที่ทำได้ คือได้อย่างตั้งใจ ทั้งกระบวนการและผลลัพธ์
นี่คือช็อตประทับใจที่สุดของผม แม้มันจะไม่ใช่ระยะไดรฟ 300 หลา หรือการทำโฮลอินวัน แต่มันเป็นช็อตที่เราเล่นด้วยจินตนาการ มีภาพช็อตในหัวอย่างแจ่มชัด จนนำไปสู่ความสำเร็จในการ execute เพื่อนๆ มีช็อตประทับใจในแมทช์ไหน ที่สนามไหน ลองมาเล่าสู่กันฟังได้ครับ
Probably The Best Shot I’ve Ever Hit : ช็อตประทับใจ ใครก็ไม่ลืม
เพื่อนๆ นักกอล์ฟที่เล่นกอล์ฟมานาน หลงใหลกับเกมเดินตามลูกขาวๆกลมๆ ผ่านสนามมามากมาย จากเหนือจรดใต้ ตะวันออกยันตะวันตก ย่อมต้องมีช็อตประทับใจกันทุกคน วันนี้ขอเชิญชวนเพื่อนๆ มาร่วมย้อนความทรงจำถึงความประทับใจครั้งนั้น ที่เชื่อว่าทั้งภาพและความรู้สึกจะยังฝังลึกในใจไปตราบนานแสนนาน
ส่วนตัวผมก็มีช็อตหนึ่งที่นึกถึงคราวใดก็มีความสุขทุกครั้ง ในการแข่งขันที่จัดขึ้นโดยบริษัทซัพพลายเออร์ที่ขายเครื่องจักรไลน์การผลิต SMT สำหรับโรงงานผู้ประกอบแผงวงจรไฟฟ้า (printed circuit board assemblies) ซึ่งจะเชิญนักกอล์ฟจากบริษัทที่เป็นโรงงานอิเลคทรอนิกส์ทั่วประเทศ มาดวลวงสวิงกันประจำทุกปี ปีนั้นน่าจะ 2006 หรือ 2007 นี่แหละ จัดขึ้นที่สนามเกียรติธานี กอล์ฟคลับ ย่านบางนา ซึ่งเป็นสนามที่ผมไม่เคยเล่นมาก่อน
ขอบคุณ: ภาพเลย์เอาท์หลุม 9 จากรีวิวสนามเกียรติธานีของคุณ GumpzZ
http://topicstock.ppantip.com/supachalasai/topicstock/2008/12/S7340222/S7340222.html
หลุมที่เกิดเหตุ เป็นหลุม 9 พาร์ 4 ระยะ 382 หลา ผมทีออฟออกไปค่อนข้างดี ลูกไปอยู่กลางแฟร์เวย์เหลือระยะขึ้นกรีนราว 150 หลา กรีนหลุมนี้มีรูปร่างเหมือนเม็ดถั่วแนวขวาง มีบังเกอร์ทรายประกบข้างหน้าเกือบตลอดแนวกรีน หน้ากรีนก็เป็นน้ำขวางตลอด ช็อตสองยังไงก็ต้องตีผ่านน้ำ ซึ่งช็อตแอพโพรชจะคล้ายๆกับหลุม 12 ของออกัสต้า เนชั่นแนล ที่เป็นจุดเปลี่ยนทำให้ไทเกอร์ได้แชมป์เดอะ มาสเตอร์ ปี 2019 แต่ก็เป็นหลุมที่วูดส์ทำสถิติสุดแย่ในปีถัดมา หลังตีตกน้ำถึงสามครั้งก่อนเดินลงกรีนด้วยสกอร์ 10
วันนั้นมีกระแสลมจากขวามาซ้ายค่อนข้างแรง ซึ่งตอนที่เล่นมาถึงหลุมนี้ สกอร์ผมน่าจะเกินเจ็ดหรือแปดช็อตไปแล้ว มีแค่เบอร์ดี้เดียว (หลุม 18 พาร์ 5 สั้น) แถมมีดับเบิลตั้งแต่หลุมแรก (ช็อตกันผมออกหลุม 16 พาร์ 3 ยาว) และยังออกโบกีอีกหลายหลุม ไม่ได้คิดหวังรางวัลอะไรกับเขาแล้ว จึงตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดในหลุมนี้ ความคิดคืออยากตีให้เหมือนโปรที่เห็นในทีวี ไม่มีไรจะเสีย ขอลองทำสิ่งที่อยากทำ ทำได้หรือไม่ได้ช่างมัน จึงตัดสินใจว่าจะต้องตีคัทเฟดสู้ลมเข้าหาธง
ปกติระยะนี้จะตีเหล็ก 7 แต่เนื่องจากลมแรงบวกกับเชพของกรีนและตำแหน่งธง จึงบอกแคดดี้ขอเหล็ก 6 ผมเล็งไปทางซ้ายของกรีน กะว่าจะให้ลูกเฟดเข้าหาธงที่ปักค่อนข้างเยื้องขวาของกรีนและอยู่หลังส่วนหนาที่สุดของบังเกอร์ทราย ก่อนตีผมล้วงเอาโพยจากถุงกอล์ฟมาอ่าน ปกติเวลาออกรอบหรือเล่นแมทช์สำคัญ ผมมักจะเตรียมช็อร์ทโน้ตถึงวิธีการเล่นช็อตต่างๆ ตามที่ซ้อมมาและคิดว่าได้ผล เช่น ตำแหน่งลูกและการวางเท้า การทิ้งน้ำหนักตัว สำหรับการเล่นช็อตต่างๆที่ไม่คุ้นเคย เช่น การตีคัทหรือดรอว์ ลูกหน้าต่ำหลังสูง ฯลฯ
ตอนนั้นยอมรับว่ากำลังเห่อกอล์ฟ ประสบการณ์กอล์ฟก็ราว 5-6 ปี แม้งานจะยุ่งก็พยายามหาเวลาไปซ้อม อีกอย่าง การแข่งกอล์ฟรายการนี้ก็มีโอกาสได้เจอคนในวงการเดียวกัน ทั้งลูกค้าและซัพพลายเออร์ การได้ถ้วยรางวัลก็มีส่วนสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรเราด้วย หรืออย่างน้อยก็ทำให้คนอื่นรู้จักบริษัทเรา มีโอกาสสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมอาชีพ (เผื่ออยากเปลี่ยนงานในอนาคต) ลูกค้าที่เป็นคนญี่ปุ่นก็เยอะซึ่งส่วนใหญ่จะเล่นกอล์ฟ (บริษัทผมเคยได้งานจากลูกค้าญี่ปุ่นในนิคม 304 ที่ผลิตบอร์ดให้กับเครื่องเสียงอัลไพน์จากการแข่งรายการนี้ในปีก่อนหน้านี้)
เคยมีโอกาสถามคนญี่ปุ่นที่ทำงานเมืองไทยว่า ทำไมถึงโปรดปรานการเล่นกอล์ฟเหลือเกิน ตอนที่ถามก็พอรู้เหมือนกันว่ากอล์ฟเป็นเหตุผลต้นๆที่ทำให้ผู้บริหารญี่ปุ่นยินดีย้ายมาทำงานที่เมืองไทย คำตอบที่ได้คือ กอล์ฟคือการพักผ่อนที่เป็นค่านิยมของคนทำงานญี่ปุ่น เขาบอกว่า คนญี่ปุ่นทำงานหนักและมีสองทางเลือก คือดื่มกับเล่นกอล์ฟ ถ้าเป็นระดับพนักงานหรือผู้บริหารระดับล่างก็นิยมไปดื่มหลังเลิกงานในวันสุดท้ายของสัปดาห์ หากเป็นผู้บริหารระดับกลางหรือสูงถึงจะมีโอกาสเล่นกอล์ฟ เพราะการออกรอบในญี่ปุ่นนั้นแพงมาก การดื่มในค่ำคืนวันศุกร์จึงเป็นทางเลือกที่นิยมกว่าสำหรับคนทำงานทั่วไป ผมบังเอิญได้เห็นด้วยตัวเองครั้งที่ไปงานแสดงเครื่องจักรที่ญี่ปุ่น (JIMTOF)
ตอนหัวค่ำของวันศุกร์ผมได้ไปนั่งกินเบียร์ร้านเนื้อย่างเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นซอยเล็กๆลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ ได้เห็นบรรยากาศที่คนทำงานได้มาดื่มกินสังสรรค์หลังเลิกงาน เป็นร้านเล็กๆ โต้ะเก้าอี้ก็เล็กๆ แต่ก็มีลูกค้าแน่นแทบจะไหล่ชนไหล่ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนทำงาน พอเข้าร้านมาก็เก็บสูทเหลือเสื้อแขนยาวสีขาว แม้ผมจะฟังญี่ปุ่นไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พอจะเดาได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยระบายความอัดอั้นเรื่องงาน มีรายหนึ่งที่นั่งดื่มกับเพื่อนอีกสองคนที่โต้ะเยื้องๆกับผม (ผมนั่งตรงเคาท์เตอร์บาร์) ถึงกับร้องไห้ฟูมฟายออกมา
ตอนเกือบๆ เที่ยงคืนผมมาต่อรถไฟฟ้ากลับที่พักที่สถานีโตเกียวสีแดงๆ ที่เป็นสถาปัตยกรรมภายนอกแบบตะวันตก ก็ได้เห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในประเทศญี่ปุ่น นั่นคือคนทำงานใส่สูทในสภาพเมามาย เดินโซซัดโซเซ มีทั้งคนรุ่นหนุ่มยันรุ่นใหญ่อายุไม่น้อย บางรายก็ต้องให้เพื่อนประคองปีก ผมเห็นก็ได้แต่อมยิ้ม เข้าใจหัวอกคนทำงานด้วยกัน เข้าใจโดยดุษฎีว่า ทำไมการได้ระบายเรื่องงานในระหว่างการดื่มจึงเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนญี่ปุ่น แต่ที่จริง ไม่จำกัดว่าเป็นคนชาติไหน น่าจะเป็นเหมือนกันทุกที่ ไม่ว่าจะทำงานออฟฟิศ หรือทำในโรงงาน
กลับมาที่กอล์ฟ สมัยนั้นไม่ได้มีคลิปกอล์ฟหรือยูทูปให้ศึกษามากเหมือนยุคนี้ ซึ่งวิธีการเล่นลูกเฟดผมก็จดไว้ในโพยเช่นกัน วันนั้นผมเล่นตามตำราของเลดเบทเทอร์ คือ วางหน้าไม้ชี้ไปที่ธง (target) วางแนวเท้า (เข่าสะโพกไหล่) ไปทางซ้ายเป็นสตาร์ทไลน์ เผื่อเหล็กหนึ่งเบอร์ แล้วก็สวิงตามแนวเท้า
ปรากฏว่าลูกที่ตีออกไปเลี้ยวจากซ้ายไปขวาอย่างที่ตั้งใจ แต่ด้วยลมขวางที่แรงกว่าที่คิด แม้ลูกจะออนระยะธง แต่ก็ห่างธงไปทางซ้ายร่วมสามคันธงและเป็นทางลงด้วย อาศัยที่เพื่อนร่วมก๊วนตกน้ำตกทราย จึงใช้เวลาอ่านกรีนเต็มที่ ถึงตอนพัตต์จำได้ว่ามีสมาธิค่อนข้างมาก ลูกออกจากหน้าพัตเตอร์ตรงไลน์อย่างที่ตั้งใจ ลูกวิ่งไปเกือบจะไม่ถึงหลุม แต่สุดท้ายก็หยดลงหลุม เป็นเบอร์ดี้ที่สองของวัน แม้วันนั้นจะไม่ได้รางวัลอะไร (ผมลงไฟลท์ B) แต่ก็ดีใจกับเบอร์ดี้นี้ แต่ที่ภูมิใจและประทับใจมากที่สุดคือ ช็อตคัทเฟดที่ทำได้ คือได้อย่างตั้งใจ ทั้งกระบวนการและผลลัพธ์
นี่คือช็อตประทับใจที่สุดของผม แม้มันจะไม่ใช่ระยะไดรฟ 300 หลา หรือการทำโฮลอินวัน แต่มันเป็นช็อตที่เราเล่นด้วยจินตนาการ มีภาพช็อตในหัวอย่างแจ่มชัด จนนำไปสู่ความสำเร็จในการ execute เพื่อนๆ มีช็อตประทับใจในแมทช์ไหน ที่สนามไหน ลองมาเล่าสู่กันฟังได้ครับ