สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
แจ้งตำรวจหรือฟ้องได้ เพราะเค้าเดือดร้อน บ้านคุณสร้างความรำคาญให้เค้า บ้านพักอาศัย แบบบ้านเดี่ยวติดๆกันรึเปล่าคะ ? คือถ้าใช่ บ้านจัดสรรสมัยใหม่ที่สร้างคิดๆกัน แค่บ้านข้างๆหรือบ้านตรงข้ามคุยกันธรรมดาในบริเวณรั้วบ้านเค้า บ้านติดกันยังได้ยินเลยค่ะ เสียงเด็กร้องไห้นี่ดังข้ามไปที 4-5 บ้านเลยนะคะ
คิดยังไงใช้บ้านพักอาศัยในหมู่บ้านมาเลี้ยงเด็กเล็กๆ 14 คน ? มันไม่เหมาะสมอ่ะค่ะ ไม่เกรงใจบ้านใกล้เคียงเหรอคะ ? เข้าใจว่าอยากได้เงิน แต่ถ้าต้องรับเลี้ยงเด็กหลายคนและจะทำเป็นธุรกิจ แบบนี้ออกไปหาเช่าที่ทำเลห่างไกลบ้านเรือนคนดีกว่าค่ะ ไม่งั้นก็ต้องจำกัดจำนวน เด็ก 5-6 คนก็เยอะแล้วนะสำหรับบ้านเดี่ยวขนาดปานกลาง เกิน 10 คน นี่คงไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนบ้าน เพราะเด็กเล็กๆต้องส่งเสียงร้องอยู่แล้ว
เราเคยเอาลูกไปเนอสตอนอายุขวบปลายๆ เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ เราเดินไปรับลูก ได้ยินเสียงลูกร้องดังมาถึงกลางซอย โชคดีเรารีบเอาลูกออกมา ไปแค่ 2 วัน รู้แล้วว่าลูกไม่โอเค
อวก นอนละเมอ ผวาตลอด หลังจากออกมาลูกกลัวคนแปลกหน้า ติดแม่หนักกว่าเดิมมากๆ เค้าฝังใจที่เราเคยพาเค้าไปบ้านหลังหนึ่งแล้วทิ้งเค้าไว้กับใครก็ไม่รู้ หลังจากนั้นเวลาไปสถานที่ๆเป็นบ้านหรือห้องปิด เค้าจะกลัวให้อุ้มตลอด
เป็น trauma ที่ใช้เวลาเป็นปีๆกว่าคนเป็นแม่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาว่าแม่อยู่นี่ไม่ต้องกลัวนะลูก หลังจากนั้นเริ่มศึกษาเรื่องพัฒนาการเด็กเล็ก ฟังและดูงานวิจัยเกี่ยวกับเด็ก attachment ระหว่างเด็กและแม่ ถึงรู้ว่าเราไม่ควรเอาลูกไปปล่อยให้เค้าทรมานแบบนั้นเลย นึกย้อนไปยังรู้สึกผิดต่อลูก ไม่ใข่สปอยลูก แต่เพราะเด็กเล็กๆตามธรรมชาติไม่ควรต้องห่างแม่ ไม่มีนักจิตวิทยาเด็กคนไหนสนับสนุนให้เด็กห่างแม่ไปอยู่เนอสทั้งวันก่อน 3 ขวบเลยค่ะ ลองอ่านของไทยก็มี นพ.ประเสิรฐ คุณหมอเคยเขียนไว้ว่า "ผู้ปกครองและเจ้าของเนอสเซอรี่ เจ้าของโรงเรียนยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก" คนทำธุรกิจเด็กส่วนมากไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กด้วยซ้ำ เด็กทีมี temperament ต่างกันต้องใช้วิธีเข้าใจและเข้าถึงต่างกัน จะใช้วิธีเลี้ยงเป็นระบบเดียวกันเหมือนหุ่นยนต์ไม่ได้ ที่เมืองนอกเอาเด็กไปทำกิจกรรม 2-3 ชม ก็ไปรับ แรกๆแม่ต้องอยู่ด้วยก่อน ไม่ควรไปถึงแล้วทิ้งลูกกับใครไม่รู้ เด็กอายุขวบกว่าจนถึง 2 ขวบครึ่งจะติดแม่หรือคนเลี้ยงมาก วัยนี้ไม่ควรเอาเข้าเนอสไปให้คนอื่นเลี้ยง เพราะคนที่เนอสไม่มีใครรู้ใจเด็กเท่าแม่หรือคนที่บ้าน แล้วเด็กจะรู้สึกเคว้งคว้าง ทรมานมาก
เด็กที่ร้องไม่หยุด ทางเนอสหรือร.ร.ต้องโทรให้แม่มารับกลับ อย่าฝืนถ้ารู้ว่าเอาเด็กไม่อยู่ คือคุณทำยังไงเด็กก็ร้องเพราะเด็กต้องการแม่ ไม่ได้ต้องการใคร มันทรมานเด็กคนนึงมากๆ อย่าคิดว่าฝึกเด็กไม่เป็นไรหรอก นึกถึงตัวคุณเองร้องไห้หนักๆครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ? การร้องไห้หนักๆเด็กหลั่งสารเครียดออกมา กระทบต่อร่างกายและจิตใจเด็ก การฝึกต้องค่อยเป็นค่อยไป เช่น แรกๆพ่อแม่ไปด้วยให้เด็กคุ้นกับคนเลี้ยงและสถานที่ก่อน ต่อมาให้อยู่เองแค่ 1 ชม.แล้วค่อยๆเพิ่มเวลา ให้เด็กรู้สึกคุ้นเคยว่าที่นี่ safe เด็กบางคนใช้เวลาในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่และคนที่ไม่คุ้นเคยๆยาก คนเลี้ยงต้องทำความเข้าใจเด็กทีมีพื้นฐานอารมณ์ sensitive /ปรับตัวยาก / slow to warm up ลองหาไปอ่านดูนะคะ ทำงานกับเด็กต้องรู้จักพื้นฐานทางอารมณ์ของเด็กที่เราเลี้ยง เราจะเข้าถึงเค้าง่ายขึ้น
ถ้าร้องไห้ทีเป็น ชม วันแรกต้องโทรให้แม่มารับแล้วค่ะ หลายๆวันติดให้แม่มารับบอกแม่เลยว่าน้องยังไม่พร้อม ชีวิต และจิตใจเด็กสำคัญกว่าเงินค่ะ เพราะถ้าเด็กเครียดมากๆจะส่งผลต่อการเรียนรู้ นึกถึงตัวเราผู้ใหญ่ร้องไห้เสียใจหนักๆ เราจะมีอารมณ์อยากไปนั่งร้องเพลง ทำกิจกรรมหรือมีจิตใจอยากคิดงานอะไรมั๊ย คนเราจะเรียนรู้ได้ดีเมื่ออารมณ์ดี ปล่อยให้เด็กไปร้องไห้ทั้งวันเด็กก็ไม่ได้เรียนรู้อะไร ได้แต่ความ "ทรมาน" บางคนหนักถึงขั้นกินไม่ลง ร่างกายแปรปรวน นอนไม่หลับ นอนแล้วละเมอ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตอีก
ส่วนเรื่องบ้านข้างๆจะฟ้องหรือไม่ ไม่ต้องสนใจ ประเด็นคือบ้านคุณ "สร้างความเดือดร้อน" ให้ผู้อื่น ไม่ใช่เด็กคนนี้ร้องแล้วเค้ารำคาญหรอก คงมีเด็กอื่นๆร้องจนเค้ารำคาญมาก่อน ถ้ามีความเกรงใจเพื่อนบ้านก็ไม่ควรเปิดรับเลี้ยงเด็กที่บ้านค่ะ
เด็กใหม่ที่รับเข้ามาถ้าน้องร้องนาน ปลอบเท่าไหร่ก็ยังร้อง ต้องโทรให้ ผปค น้องมารับ ระหว่างนี้ลองพาน้องมาเดินเล่นชมนกชมไม้หน้าบ้าน รดน้ำต้นไม้ เล่นขุดดิน นับใบไม้ อย่าให้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม เด็กอึกอัด ต้องเปลี่ยนบรรยากาศ ทำยังไงก็ได้ให้เค้ารู้สึกดี ถ้าทำไมได้ ทำทุกทางแล้ว น้องยังร้องไม่หยุด แสดงว่าน้องยังไม่พร้อมจะห่างจากแม่หรือคนที่บ้าน แนะนำอย่าฝืนน้องค่ะ ปล่อยน้องกลับไปสู่อ้อมกอดแม่ เด็กบางคนหยุดร้องไม่ใช่ปรับตัวได้แล้ว แต่หยุดเพราะเหนื่อย ร่างกายร้องติดต่อกันนานไม่ได้เค้าก็หยุด แต่ใจเค้ายังเศร้าอยู่ บางคนรู้สึกกระทบจิตใจมากๆกลายเป็นเด็กนิ่งๆซึมเศร้าไปเลย ลองหาข้อมูลโรคเครียดหรือซีมเศร้าในเด็กเล็ก จริงๆไม่มีเด็กคนไหนพร้อมห่างแม่ตั้งแต่เล็ก เด็กคนไหนไม่ร้องไห้ไม่ใช่เก่งนะคะ หมอเคยบอกว่าเด็กที่ไม่ร้องไห้เวลาเจอคนแปลกหน้าแบบนั้นกลับน่าเป็นห่วง แสดงว่าแม่ไม่ค่อยเลี้ยงตอนเล็กลูกเลยไม่สนิทกับแม่หรือไม่ก็เด็กพิเศษ ที่ขาดความรู้สึกทางอารมณ์ ให้ไปอยู่ไหนกับใครก็ได้ ถ้าเด็กปกติ ที่มีความสัมพันธ์กับแม่ดีแต่เล็กจะต้องร้องไห้หนักเลยถ้าแม่เอาไปปล่อยที่เนอสในวัยเล็กๆแบบนี้ เพราะธรรมชาติสร้างมาให้เด็กวัยเล็กอยู่กับแม่
คิดยังไงใช้บ้านพักอาศัยในหมู่บ้านมาเลี้ยงเด็กเล็กๆ 14 คน ? มันไม่เหมาะสมอ่ะค่ะ ไม่เกรงใจบ้านใกล้เคียงเหรอคะ ? เข้าใจว่าอยากได้เงิน แต่ถ้าต้องรับเลี้ยงเด็กหลายคนและจะทำเป็นธุรกิจ แบบนี้ออกไปหาเช่าที่ทำเลห่างไกลบ้านเรือนคนดีกว่าค่ะ ไม่งั้นก็ต้องจำกัดจำนวน เด็ก 5-6 คนก็เยอะแล้วนะสำหรับบ้านเดี่ยวขนาดปานกลาง เกิน 10 คน นี่คงไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนบ้าน เพราะเด็กเล็กๆต้องส่งเสียงร้องอยู่แล้ว
เราเคยเอาลูกไปเนอสตอนอายุขวบปลายๆ เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ เราเดินไปรับลูก ได้ยินเสียงลูกร้องดังมาถึงกลางซอย โชคดีเรารีบเอาลูกออกมา ไปแค่ 2 วัน รู้แล้วว่าลูกไม่โอเค
อวก นอนละเมอ ผวาตลอด หลังจากออกมาลูกกลัวคนแปลกหน้า ติดแม่หนักกว่าเดิมมากๆ เค้าฝังใจที่เราเคยพาเค้าไปบ้านหลังหนึ่งแล้วทิ้งเค้าไว้กับใครก็ไม่รู้ หลังจากนั้นเวลาไปสถานที่ๆเป็นบ้านหรือห้องปิด เค้าจะกลัวให้อุ้มตลอด
เป็น trauma ที่ใช้เวลาเป็นปีๆกว่าคนเป็นแม่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาว่าแม่อยู่นี่ไม่ต้องกลัวนะลูก หลังจากนั้นเริ่มศึกษาเรื่องพัฒนาการเด็กเล็ก ฟังและดูงานวิจัยเกี่ยวกับเด็ก attachment ระหว่างเด็กและแม่ ถึงรู้ว่าเราไม่ควรเอาลูกไปปล่อยให้เค้าทรมานแบบนั้นเลย นึกย้อนไปยังรู้สึกผิดต่อลูก ไม่ใข่สปอยลูก แต่เพราะเด็กเล็กๆตามธรรมชาติไม่ควรต้องห่างแม่ ไม่มีนักจิตวิทยาเด็กคนไหนสนับสนุนให้เด็กห่างแม่ไปอยู่เนอสทั้งวันก่อน 3 ขวบเลยค่ะ ลองอ่านของไทยก็มี นพ.ประเสิรฐ คุณหมอเคยเขียนไว้ว่า "ผู้ปกครองและเจ้าของเนอสเซอรี่ เจ้าของโรงเรียนยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก" คนทำธุรกิจเด็กส่วนมากไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กด้วยซ้ำ เด็กทีมี temperament ต่างกันต้องใช้วิธีเข้าใจและเข้าถึงต่างกัน จะใช้วิธีเลี้ยงเป็นระบบเดียวกันเหมือนหุ่นยนต์ไม่ได้ ที่เมืองนอกเอาเด็กไปทำกิจกรรม 2-3 ชม ก็ไปรับ แรกๆแม่ต้องอยู่ด้วยก่อน ไม่ควรไปถึงแล้วทิ้งลูกกับใครไม่รู้ เด็กอายุขวบกว่าจนถึง 2 ขวบครึ่งจะติดแม่หรือคนเลี้ยงมาก วัยนี้ไม่ควรเอาเข้าเนอสไปให้คนอื่นเลี้ยง เพราะคนที่เนอสไม่มีใครรู้ใจเด็กเท่าแม่หรือคนที่บ้าน แล้วเด็กจะรู้สึกเคว้งคว้าง ทรมานมาก
เด็กที่ร้องไม่หยุด ทางเนอสหรือร.ร.ต้องโทรให้แม่มารับกลับ อย่าฝืนถ้ารู้ว่าเอาเด็กไม่อยู่ คือคุณทำยังไงเด็กก็ร้องเพราะเด็กต้องการแม่ ไม่ได้ต้องการใคร มันทรมานเด็กคนนึงมากๆ อย่าคิดว่าฝึกเด็กไม่เป็นไรหรอก นึกถึงตัวคุณเองร้องไห้หนักๆครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ? การร้องไห้หนักๆเด็กหลั่งสารเครียดออกมา กระทบต่อร่างกายและจิตใจเด็ก การฝึกต้องค่อยเป็นค่อยไป เช่น แรกๆพ่อแม่ไปด้วยให้เด็กคุ้นกับคนเลี้ยงและสถานที่ก่อน ต่อมาให้อยู่เองแค่ 1 ชม.แล้วค่อยๆเพิ่มเวลา ให้เด็กรู้สึกคุ้นเคยว่าที่นี่ safe เด็กบางคนใช้เวลาในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่และคนที่ไม่คุ้นเคยๆยาก คนเลี้ยงต้องทำความเข้าใจเด็กทีมีพื้นฐานอารมณ์ sensitive /ปรับตัวยาก / slow to warm up ลองหาไปอ่านดูนะคะ ทำงานกับเด็กต้องรู้จักพื้นฐานทางอารมณ์ของเด็กที่เราเลี้ยง เราจะเข้าถึงเค้าง่ายขึ้น
ถ้าร้องไห้ทีเป็น ชม วันแรกต้องโทรให้แม่มารับแล้วค่ะ หลายๆวันติดให้แม่มารับบอกแม่เลยว่าน้องยังไม่พร้อม ชีวิต และจิตใจเด็กสำคัญกว่าเงินค่ะ เพราะถ้าเด็กเครียดมากๆจะส่งผลต่อการเรียนรู้ นึกถึงตัวเราผู้ใหญ่ร้องไห้เสียใจหนักๆ เราจะมีอารมณ์อยากไปนั่งร้องเพลง ทำกิจกรรมหรือมีจิตใจอยากคิดงานอะไรมั๊ย คนเราจะเรียนรู้ได้ดีเมื่ออารมณ์ดี ปล่อยให้เด็กไปร้องไห้ทั้งวันเด็กก็ไม่ได้เรียนรู้อะไร ได้แต่ความ "ทรมาน" บางคนหนักถึงขั้นกินไม่ลง ร่างกายแปรปรวน นอนไม่หลับ นอนแล้วละเมอ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตอีก
ส่วนเรื่องบ้านข้างๆจะฟ้องหรือไม่ ไม่ต้องสนใจ ประเด็นคือบ้านคุณ "สร้างความเดือดร้อน" ให้ผู้อื่น ไม่ใช่เด็กคนนี้ร้องแล้วเค้ารำคาญหรอก คงมีเด็กอื่นๆร้องจนเค้ารำคาญมาก่อน ถ้ามีความเกรงใจเพื่อนบ้านก็ไม่ควรเปิดรับเลี้ยงเด็กที่บ้านค่ะ
เด็กใหม่ที่รับเข้ามาถ้าน้องร้องนาน ปลอบเท่าไหร่ก็ยังร้อง ต้องโทรให้ ผปค น้องมารับ ระหว่างนี้ลองพาน้องมาเดินเล่นชมนกชมไม้หน้าบ้าน รดน้ำต้นไม้ เล่นขุดดิน นับใบไม้ อย่าให้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม เด็กอึกอัด ต้องเปลี่ยนบรรยากาศ ทำยังไงก็ได้ให้เค้ารู้สึกดี ถ้าทำไมได้ ทำทุกทางแล้ว น้องยังร้องไม่หยุด แสดงว่าน้องยังไม่พร้อมจะห่างจากแม่หรือคนที่บ้าน แนะนำอย่าฝืนน้องค่ะ ปล่อยน้องกลับไปสู่อ้อมกอดแม่ เด็กบางคนหยุดร้องไม่ใช่ปรับตัวได้แล้ว แต่หยุดเพราะเหนื่อย ร่างกายร้องติดต่อกันนานไม่ได้เค้าก็หยุด แต่ใจเค้ายังเศร้าอยู่ บางคนรู้สึกกระทบจิตใจมากๆกลายเป็นเด็กนิ่งๆซึมเศร้าไปเลย ลองหาข้อมูลโรคเครียดหรือซีมเศร้าในเด็กเล็ก จริงๆไม่มีเด็กคนไหนพร้อมห่างแม่ตั้งแต่เล็ก เด็กคนไหนไม่ร้องไห้ไม่ใช่เก่งนะคะ หมอเคยบอกว่าเด็กที่ไม่ร้องไห้เวลาเจอคนแปลกหน้าแบบนั้นกลับน่าเป็นห่วง แสดงว่าแม่ไม่ค่อยเลี้ยงตอนเล็กลูกเลยไม่สนิทกับแม่หรือไม่ก็เด็กพิเศษ ที่ขาดความรู้สึกทางอารมณ์ ให้ไปอยู่ไหนกับใครก็ได้ ถ้าเด็กปกติ ที่มีความสัมพันธ์กับแม่ดีแต่เล็กจะต้องร้องไห้หนักเลยถ้าแม่เอาไปปล่อยที่เนอสในวัยเล็กๆแบบนี้ เพราะธรรมชาติสร้างมาให้เด็กวัยเล็กอยู่กับแม่
แสดงความคิดเห็น
บ้านรับเลี้ยงเด็กเสียงดัง สามารถฟ้องได้มั้ยคะ?
**อาจจะพิมพ์ไม่ค่อยรู้เรื่องนะคะ เบลอๆค่ะ5555**
ขอบคุณสำหรับคำตอบและความคิดเห็นทุกๆความคิดเห็นค่ะ ขอบคุณค่ะ ♡♡