สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เรียน สมาชิกหมายเลข 2306995
กรณีที่ลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนกองทุนประกันสังคม และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ไม่ว่าคุณจะลาออกมาแล้วนานเพียงใดยังสามารถรับเงินชราภาพของประกันสังคมได้ค่ะ ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ มีทั้งบำเน็จ และ บำนาญ ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำนาญชราภาพ
1. จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
2. มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
3. ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำเหน็จชราภาพ
1. จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน
2. ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
3. มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย
เอกสารและหลักฐาน
1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01 )
2. บัตรประจำตัวประชาชน
3. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ (สำเนา 1 ชุด)(เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ ) (กรณีมีการเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล)
4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ได้แก่
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
กรณีรับเงินทางระบบพร้อมเพย์
- ผู้ประกันตนที่ขอรับเงินกรณีชราภาพ ผ่านพร้อมเพย์ต้องลงทะเบียนพร้อมเพย์กับธนาคารที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน
- ไม่ต้องยื่นสำเนาหน้าบัญชีงินฝากธนาคารกับสำนักงานประกันสังคมในการขอรับปะโยชน์ทดแทน
สถานที่ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
ยื่นเรื่องได้ที่ สำนักงานประกันสังคมทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศ (ติดต่อสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ /ติดต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัด) (ยกเว้น สำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
หมายเหตุ : ผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนต้องยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนภายใน 2 ปีนับแต่วันที่มีสิทธิ
Chutima
กรณีที่ลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนกองทุนประกันสังคม และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ไม่ว่าคุณจะลาออกมาแล้วนานเพียงใดยังสามารถรับเงินชราภาพของประกันสังคมได้ค่ะ ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ มีทั้งบำเน็จ และ บำนาญ ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำนาญชราภาพ
1. จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
2. มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
3. ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำเหน็จชราภาพ
1. จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน
2. ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
3. มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย
เอกสารและหลักฐาน
1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01 )
2. บัตรประจำตัวประชาชน
3. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ (สำเนา 1 ชุด)(เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ ) (กรณีมีการเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล)
4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ได้แก่
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
กรณีรับเงินทางระบบพร้อมเพย์
- ผู้ประกันตนที่ขอรับเงินกรณีชราภาพ ผ่านพร้อมเพย์ต้องลงทะเบียนพร้อมเพย์กับธนาคารที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน
- ไม่ต้องยื่นสำเนาหน้าบัญชีงินฝากธนาคารกับสำนักงานประกันสังคมในการขอรับปะโยชน์ทดแทน
สถานที่ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
ยื่นเรื่องได้ที่ สำนักงานประกันสังคมทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศ (ติดต่อสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ /ติดต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัด) (ยกเว้น สำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
หมายเหตุ : ผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนต้องยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนภายใน 2 ปีนับแต่วันที่มีสิทธิ
Chutima
แสดงความคิดเห็น
ถ้าไม่ได้ส่งประกันสังคมนานเป็น10ปี พอเกษียรแล้วไปเอาเงินที่เคยส่งไว้คืนได้ไหม