หน่วยงานอย่าง คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง. ) เป็นเจ้าภาพสั่งปรับลด ราคาดีเซลB7 1 บ. ทันที ต่อด้วยลดเงินเข้ากองทุนของดีเซลB7 จาก 1 บ. เหลือ 0.01 บ. ถึง สิ้นเดือนนี้ และ ปรับค่าการตลาดดีเซลไม่ให้เกิน 1.4 บ. จากที่เดิม 1.8 บ. นอกเหนือจากนี้ก็จะเน้นให้ไปผลิตน้ำมันดีเซลB6 เพื่อลดต้นทุนที่แพงขึ้น เพราะ ไบโอดีเซลB100 ที่ใช้ผสมก็ปรับสูงแตะ = 41.66 บ./ล. (ปรับขึ้นทุกสัปดาห์)
 
จากที่ดูมา รัฐบาลพยายามประคองราคาน้ำมันโดยเฉพาะ ชนิดดีเซล ให้อยู่ในกรอบตามแรงหนุนจากราคาตลาดน้ำมันทั่วโลกที่สูงขึ้น จนใกล้โซน 90 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ก็ให้ชวนคิดเรื่อง ค่าการตลาดดีเซลของปั๊มน้ำมันต้องเหลือเพียง 1.4 บ. มองว่าคงจะกระทบผู้ประกอบการน้ำมันได้ด้วยเหมือนกัน อย่างวันนี้ 7/10/2564 ค่าการตลาดดีเซลB7 ติดลบ -0.0047 บ. B10 เหลือ 0.33 บ. / B20 เหลือ 0.32 บ. ถือว่าน้อยมากๆเมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่ สนพ. ตั้งไว้
 
เวลานี้คงเป็นผลดีกับ ปชช.ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้าเราลองเช็กราคาน้ำมันวันนี้ในแต่ละปั๊ม ก็เห็นบางปั๊มอย่าง ปั๊มสีเหลืองมีราคาดีเซลB7 ,B10 สูงกว่าปั๊มอื่น 90 สต. / เบนซิน แก๊สโซฮอล์ สูงกว่า 80 สต. รวมถึงปั๊มดาวที่เพิ่งปรับราคาเช้าวันนี้ หรือการที่ราคาน้ำมันทั้ง 2 ปั๊มนี้มีราคาแพงกว่านั้น จะสะท้อนให้เห็นถึงราคาต้นทุนเนื้อน้ำมันที่แพงขึ้น + กับกำไรขั้นต้นผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันที่ควรได้รับหรือไม่ ? และถ้าตลาดน้ำมันโลกยังปรับราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องค่าการตลาดของปั๊มก็น่ากังวลเหมือนกัน และวันนี้ถึงขั้นติดลบไปแล้วด้วย สัปดาห์นี้คงต้องติดตามราคาตลาดอ้างอิงต่อไป มันขึ้นมาสูงเรื่อยๆแล้วครับผม 

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Spoil  1. ประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมในธุรกิจพลังงาน
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงนี้จัดทำขึ้นเผยแพร่ให้สาธารณะใช้เพื่อการอ้างอิง มิใช่ราคาซื้อขายที่ภาครัฐกำหนด
2. เกณฑ์อ้างอิงค่าการตลาดที่เหมาะสม จากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) โดยใช้การคำนวณแบบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ของทุกชนิดน้ำมัน อยู่ที่ 1.85 บาท/ลิตร
ที่มา : http://www.eppo.go.th/index.php/th/