สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
ผมคิดว่า เรื่องร้ายๆ เชื่อไว้ก่อนดีกว่าไม่เชื่อ
เราก็ไม่รู้ว่า มันจริงไม่จริง
ถ้าไม่จริง เราก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรเลย
ถ้าจริง เราก็ควรให้กำลังใจเค้าตั้งแต่ตอนเค้ายังไม่เสียมากกว่า
มันเปล่าประโยชน์ ที่จะทำตัวใจร้ายกันนะผมว่า ถ้าเป็นเรื่องแบบ มาหลอกลงทุน มาขอบริจาค เออ แบบนี้ค่อยหาหลักฐาน
แต่เรื่องมาขอกำลังใจ ขอความเห็น ขอความเห็นใจ เราก็ให้ได้นี่ ไม่เห็นต้องไปคิดว่าจริงไม่จริงเลย
อย่างเราให้กำลังใจ ให้ความเห็นใจ เราไม่เห็นเสียอะไรเลย ถ้าโดนหลอกก็แค่เสียรู้ ไม่ได้เสียตังค์ หรือจริงๆคือไม่เสียอะไรเลย ไม่รู้จะไปคิดว่าไม่จริงเพื่ออะไร
เราก็ไม่รู้ว่า มันจริงไม่จริง
ถ้าไม่จริง เราก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรเลย
ถ้าจริง เราก็ควรให้กำลังใจเค้าตั้งแต่ตอนเค้ายังไม่เสียมากกว่า
มันเปล่าประโยชน์ ที่จะทำตัวใจร้ายกันนะผมว่า ถ้าเป็นเรื่องแบบ มาหลอกลงทุน มาขอบริจาค เออ แบบนี้ค่อยหาหลักฐาน
แต่เรื่องมาขอกำลังใจ ขอความเห็น ขอความเห็นใจ เราก็ให้ได้นี่ ไม่เห็นต้องไปคิดว่าจริงไม่จริงเลย
อย่างเราให้กำลังใจ ให้ความเห็นใจ เราไม่เห็นเสียอะไรเลย ถ้าโดนหลอกก็แค่เสียรู้ ไม่ได้เสียตังค์ หรือจริงๆคือไม่เสียอะไรเลย ไม่รู้จะไปคิดว่าไม่จริงเพื่ออะไร
ความคิดเห็นที่ 6
น้องใจเย็นนะครับ ตอนนี้ไม่ต้องกลับบ้านเลยไม่ต้องเลย
อยู่ยันเรียนจบหรือหางานทำก็ได้ น้องไม่ผิด จำไว้นะ
ในเมื่อออกมาแล้วลองใช้ชีวิตดู ชีวิตเป็นของน้อง
ไม่ใช่ของพ่อแม่ ไม่ใช่นะ ถ้ามีคนบอกว่าใช่คนนั้นหลอกตัวเอง
มันมี ผู้กำกับหนังคนนึง ที่ชอบเขียนบทนู้นนี่นั่น
และครูก็เรียกไปเตือน เรียกแม่มาพบ แม่ก็ยังด่าเขาซ้ำเลย
เขาก็ไม่ลดละความพยายาม จนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์จนได้
มีเงินเป็นล้านเหรียญ แต่เขาให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่เคยให้เงินแม่เขา แม้แต่แดงเดียว
เพราะโดนเหยียบย้ำความฝันและสิ่งที่ชอบทำ มาโดยเสมอ
ไม่มีอะไรผิดถูก มันเป็นสิทของน้องตราบใดที่เขามีกำลังส่งให้เรียนอยู่
ไม่ต้องกลับไป อ้างว่าเรียนยุ่ง ไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น
ถ้าสภาพจิตใจไม่ไหวหาโรงพยาบาลรัฐและพบจิตแพทย์
หมออาจจะให้ยาต้านเศร้ามา และจงจำไว้ว่าห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด แม้จะดีขึ้นแล้วก็ตาม
เพราะการดื้อยาและกลับมาเป็นซ้ำมันจะหนักกว่าเดิม ซึ่งตอนนั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าน้องจะมีชีวิตอยู่หรือไม่
เรามีค่ากับโลกใบนี้ครับ ทุกคนมีค่า อย่างน้อยถ้าคิดจะตายบริจาคร่างกายไว้เลย
ก่อนตายจะได้คิดว่า ฆ่าตัวตายยังไงให้อวัยวะ ยังสมบูรณ์ หรือไปเป็นครูใหญ่ได้ก็ยังดี
พี่ไม่ห้ามเลยว่าน้องจะทำอะไร พี่ผ่านมาได้น้องก็ต้องผ่านมาได้หลายคนก็ผ่านมาได้
ไม่ต้องกังวลนะครับถ้าเป็นยาต้านเศร้า แพทย์ เภสัช เวลาเครียดๆมากเขาก็สั่งกินกัน
เป็นเรื่องธรรมดามากเลยในวงการนี้ ไม่ต้องกังวลนะ
วันนึงน้องได้ทำงาน พอมีเงิน ค่อยกลับเอาไปให้เขา บ้าง
มันไม่ใช่ว่าพ่อแม่เราจะถูกเสมอ อย่างที่เขาบอก หรือใครบอกก็ตาม
จงไปหาสิ่งที่น้องทำแล้วสบายใจ อาจเป็นทางเลือกที่ล้มเหลว
และไม่ว่าจะตกต่ำขนาดไหน ไปลองดูด้วยตัวเอง
การมีชีวิตอยู่ สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แค่น้องหงายมือขึ้นมา
ลองกำและแบ ดู น้องรู้สึกมั้ย ว่ามือของน้องพร้อมจะสู้ไปกับน้องเสมอ
โดยไม่ฟังคำสั่งใดๆนอกจากตัวน้อง มนุษย์ผิดพลาดเพื่อเรียนรู้
และมนุษย์ยังผิดพลาดซ้ำๆๆ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แล้วก็ให้น้องมองไปที่หลอดไฟ
ทำไมสัญลักษณ์เวลาคนมีคนคิดอะไรบางอย่างที่ดีออก ถึงเป็นหลอดไฟขึ้นที่หัว อันนี้พี่ไม่รู้แต่พี่เดาได้ว่า
มันคือความพยายายามที่ล้มเหลวต่อกี่ครั้งจนสามารถเป็นหลอดไฟให้แสงสว่างจนทุกวันนี้
และพัฒนาไปเรื้อยๆ อ้อ พี่ไม่ได้อวย เอดิสันนะ เพราะลูกจ้างเขาเป็นคนทำสำเร็จ
ในด้านลิขสิทธิเขาเป็นคนคิด แต่ไม่จำเป็นต้องทำเองงานนั้นก็เป็นลิขสิทธ์ของเขา
ตราบใดที่น้องมีเงินจ้างคนมาทำงานแล้วสั่งว่าเราจะสร้างดาวใหม่ขึ้นมาให้ดีกว่าโลกที่เป็นอยู่
แม้น้องนั่งกระดิกเท้ารอวันสำเร็จที่ทุกคนคงหัวเราะ แล้วลูกจ้างของน้องร่วมกันสร้างสำเร็จ
ลิขสิทธ์จะตกเป็นของน้องอยู่ดี ชีวิตไม่ว่าจะสั้นหรือยาว แค่เราทำมันแล้วมีความสุข
โดยไม่เดือดร้อนใคร แค่นี่มันก็มีค่าพอที่จะอยู่แล้วครับ ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าตื่นเต้นรอน้องอยู่
เป็นกำลังใจให้ครับ
อยู่ยันเรียนจบหรือหางานทำก็ได้ น้องไม่ผิด จำไว้นะ
ในเมื่อออกมาแล้วลองใช้ชีวิตดู ชีวิตเป็นของน้อง
ไม่ใช่ของพ่อแม่ ไม่ใช่นะ ถ้ามีคนบอกว่าใช่คนนั้นหลอกตัวเอง
มันมี ผู้กำกับหนังคนนึง ที่ชอบเขียนบทนู้นนี่นั่น
และครูก็เรียกไปเตือน เรียกแม่มาพบ แม่ก็ยังด่าเขาซ้ำเลย
เขาก็ไม่ลดละความพยายาม จนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์จนได้
มีเงินเป็นล้านเหรียญ แต่เขาให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่เคยให้เงินแม่เขา แม้แต่แดงเดียว
เพราะโดนเหยียบย้ำความฝันและสิ่งที่ชอบทำ มาโดยเสมอ
ไม่มีอะไรผิดถูก มันเป็นสิทของน้องตราบใดที่เขามีกำลังส่งให้เรียนอยู่
ไม่ต้องกลับไป อ้างว่าเรียนยุ่ง ไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น
ถ้าสภาพจิตใจไม่ไหวหาโรงพยาบาลรัฐและพบจิตแพทย์
หมออาจจะให้ยาต้านเศร้ามา และจงจำไว้ว่าห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด แม้จะดีขึ้นแล้วก็ตาม
เพราะการดื้อยาและกลับมาเป็นซ้ำมันจะหนักกว่าเดิม ซึ่งตอนนั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าน้องจะมีชีวิตอยู่หรือไม่
เรามีค่ากับโลกใบนี้ครับ ทุกคนมีค่า อย่างน้อยถ้าคิดจะตายบริจาคร่างกายไว้เลย
ก่อนตายจะได้คิดว่า ฆ่าตัวตายยังไงให้อวัยวะ ยังสมบูรณ์ หรือไปเป็นครูใหญ่ได้ก็ยังดี
พี่ไม่ห้ามเลยว่าน้องจะทำอะไร พี่ผ่านมาได้น้องก็ต้องผ่านมาได้หลายคนก็ผ่านมาได้
ไม่ต้องกังวลนะครับถ้าเป็นยาต้านเศร้า แพทย์ เภสัช เวลาเครียดๆมากเขาก็สั่งกินกัน
เป็นเรื่องธรรมดามากเลยในวงการนี้ ไม่ต้องกังวลนะ
วันนึงน้องได้ทำงาน พอมีเงิน ค่อยกลับเอาไปให้เขา บ้าง
มันไม่ใช่ว่าพ่อแม่เราจะถูกเสมอ อย่างที่เขาบอก หรือใครบอกก็ตาม
จงไปหาสิ่งที่น้องทำแล้วสบายใจ อาจเป็นทางเลือกที่ล้มเหลว
และไม่ว่าจะตกต่ำขนาดไหน ไปลองดูด้วยตัวเอง
การมีชีวิตอยู่ สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แค่น้องหงายมือขึ้นมา
ลองกำและแบ ดู น้องรู้สึกมั้ย ว่ามือของน้องพร้อมจะสู้ไปกับน้องเสมอ
โดยไม่ฟังคำสั่งใดๆนอกจากตัวน้อง มนุษย์ผิดพลาดเพื่อเรียนรู้
และมนุษย์ยังผิดพลาดซ้ำๆๆ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แล้วก็ให้น้องมองไปที่หลอดไฟ
ทำไมสัญลักษณ์เวลาคนมีคนคิดอะไรบางอย่างที่ดีออก ถึงเป็นหลอดไฟขึ้นที่หัว อันนี้พี่ไม่รู้แต่พี่เดาได้ว่า
มันคือความพยายายามที่ล้มเหลวต่อกี่ครั้งจนสามารถเป็นหลอดไฟให้แสงสว่างจนทุกวันนี้
และพัฒนาไปเรื้อยๆ อ้อ พี่ไม่ได้อวย เอดิสันนะ เพราะลูกจ้างเขาเป็นคนทำสำเร็จ
ในด้านลิขสิทธิเขาเป็นคนคิด แต่ไม่จำเป็นต้องทำเองงานนั้นก็เป็นลิขสิทธ์ของเขา
ตราบใดที่น้องมีเงินจ้างคนมาทำงานแล้วสั่งว่าเราจะสร้างดาวใหม่ขึ้นมาให้ดีกว่าโลกที่เป็นอยู่
แม้น้องนั่งกระดิกเท้ารอวันสำเร็จที่ทุกคนคงหัวเราะ แล้วลูกจ้างของน้องร่วมกันสร้างสำเร็จ
ลิขสิทธ์จะตกเป็นของน้องอยู่ดี ชีวิตไม่ว่าจะสั้นหรือยาว แค่เราทำมันแล้วมีความสุข
โดยไม่เดือดร้อนใคร แค่นี่มันก็มีค่าพอที่จะอยู่แล้วครับ ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าตื่นเต้นรอน้องอยู่
เป็นกำลังใจให้ครับ
ความคิดเห็นที่ 17
งงมากว่าเม้นแรกๆคือตลาดล่างในพันทิปหรอ? ยุคนี้ยังมีคนที่คิดว่าพ่อแม่ถูกเสมอ? เจตนาก็ส่วนนึง แต่การกระทำก็สำคัญนะคะ อะไรที่มันเกินควร มันขาดความยับยั้งช่างใจ มันก็ไม่ควรถูกเห็นดีเห็นงามมั้ย เราว่าไม่ว่าลูกทำผิดแค่ไหน พ่อแม่ไม่มีสิทธิลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายนะคะ เราควรแยกให้ออกระหว่างการทำโทษ กับการทำร้ายร่างกายค่ะ และไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ควรจะเอามาวิจารณ์หรือคอมเม้นแบบนี้นะคะ ถ้าเกิดจริงแล้วน้องเค้าต้องการที่พึ่ง ยังต้องมาเจอแบบนี้อีกคงรู้สึกแย่ไม่น้อย ส่วนใครที่คิดว่าเป็นเรื่องแต่งก็ข้ามไปค่ะ ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องอวดฉลาดในสิ่งที่คุณไม่รู้
ความคิดเห็นที่ 21
สำหรับคนที่มีข้อสงสัยก็ไปตามสืบกันดูนะครับ สำหรับผม พอแล้ว
คำพูดคือของฟรีและมีคม แล้วแต่ว่าใครจะเลือกทางไหน ควรใช้มันกับใคร ในกรณีไหน
จริงไม่จริงไม่รู้ และก็ไม่ได้ปลอบใจตัวเองผมเองด้วย
ผมก็จะให้กำลังใจเขาอยู่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม เพราะคำพูดคือของฟรี เราแบ่งปันกำลังใจกันได้ครับ
ขอบคุณทุกคน ทุกความเห็นมากครับ
คำพูดคือของฟรีและมีคม แล้วแต่ว่าใครจะเลือกทางไหน ควรใช้มันกับใคร ในกรณีไหน
จริงไม่จริงไม่รู้ และก็ไม่ได้ปลอบใจตัวเองผมเองด้วย
ผมก็จะให้กำลังใจเขาอยู่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม เพราะคำพูดคือของฟรี เราแบ่งปันกำลังใจกันได้ครับ
ขอบคุณทุกคน ทุกความเห็นมากครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากจบชีวิตเพราะครอบครัว
ตลอดจนขึ้นมาปี 2 เราได้ทำผิด แล้วครอบครัวจับได้ วันนั้นเราโดนพ่อทุบตี จนช้ำและเจ็บไปทั้งตัว แต่ตอนนั้นเรารู้ค่ะว่าเราทำผิดพ่อคงโมโหมาก พอเวลาผ่านไปเรามีอาการรู้สึกว่าราปวดตรงเอวฝั่งซ้ายมาก เพราะเราโดนพ่อถีบเข้าเต็มๆ เราจึงได้ไปหาหมอ และพบว่ามันช้ำเลือด มันจะมีอาการปวดแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราก็ได้แต่ทานยาและไปหาหมอเพื่อดูอาการ เราได้โทรไปหาป้าเล่าให้ป้าฟัง แต่ป้าเราได้ไปดุพ่อว่าทำกับเราเกินไป พอเสร็จพ่อได้โทรมาตำหนิเรา ว่าทำไมเขาถึงจะไม่มีสิทธิ์ทำร้ายลูกแบบนั้น ที่ทำเพราะราทำผิดต้องการให้เราเข็ด ตอนนั้นเรารู้สึกน้อยใจนะคะว่า เราตกเลือดยางออก ช้ำเลือดขนาดนี้ พ่อยังไม่ห่วงเราเลย ถามว่าแม่คิดยังไง แม่ได้แต่บอกว่า พ่อทำถูกแล้ว ไม่รักพ่อคงไม่ทุบตี ค่ะหลังจากนั้นเราก็กลายเป็นคนต้องเก็บความรู้สึกกับครอบครัวมีปัญหาอะไรไม่กล้าปรึกษา และไม่กล้าเข้าหาพวกท่านอีกเลย จากที่เคยกลับบ้านอาทิตย์ละครั้ง กลายเป็นกลับบบ้านเดือนละครั้ง และล่าสุดมาเรามีปัญหาชีวิต เราเครียดกับการเรียน อยากขอดรอป เราจำเป็นต้องไปปรึกษาทางครอบครัว แต่สิ่งที่ได้คำตอบมา คือคำด่าและอารมณ์โมโหของพ่อแม่ พ่อขู่จะเอาเราให้ตาย ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาที่เราได้ปรึกษา พ่อกับแม่คอยแต่โทรมาด่าเรา เราเครียดมากค่ะ ทำไมคนในครอบครัวถึงกลายเป็นคนที่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้เราได้ เอาแต่พูดว่าเราเป็นลูกต้องำตามที่พ่อแม่สั่ง ตอนนี้เราเครียดมานานแล้วค่ะ เราคิดอยากจะจบชีวิต เราไม่มีกำลังใจทำอะไรเลยถ้าพ่อแม่เป็นแบบนี้ บางทีก็ใช้คำพูดดีๆล่อให้เรากลับบ้าน พอเราใจอ่อนกลับบ้านก็เริ่มดุด่า พร้อมที่จะทำร้ายเราตลอด เอาพี่ชายมาเปรียบเทียบทุกครั้งที่ทะเลาะเราควรทำยังไงดีคะ เราไม่ไหวแล้วจริงๆ หรือใครแนะนำที่บำบัดจิตได้บ้างคะ