วันนี้เราขอมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองว่าเราวางแพลนชีวิตไว้ยังไงบ้างก่อนอายุ 30 ตอนนี้เราอายุ 26 ย่าง 27 แล้วค่ะ เราค่อนข้างเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตเลยแหละ ตั้งแต่เราเรียนมาเราก็ทำงานหาเงินควบคู่มาตลอด เพราะไม่ชอบอยู่เฉยๆ เราเป็นเซลล์ขายยาตามคลินิกเสริมความงามค่ะ พวก ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ รวมไปถึงเครื่องเลเซอร์ต่างๆ
งานดีนะคะตอบโจทย์เราเลยคือ รายได้ดีค่ะ บางเดือนได้ค่าคอม เป็นแสนเลย เราเลยเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ไว้เยอะๆ เมื่อปีที่แล้วเราได้ลงไปเป็นผู้แทนยาที่คลินิกโซนภาคใต้ โอโหห ร่างแทบพัง แต่สนุกมากค่ะ งานแบบนี้มันดีอย่างนึงตรงที่เราสามารถเมเนจเวลาเองได้ แต่ยังไม่จบแค่นี้เพราะเราก็ทำงานกับครอบครัวอีกด้วยนะ เป็นธุรกิจเล็กๆของครอบครัวค่ะ ทำมานานแล้วแต่เรามีหน้าที่ช่วยบริหารค่ะ ส่วนตัวเราเองก็วิ่งงานไปทั่วเลย ทำทั้งงานประจำทั้งงานของทางบ้าน
สมัยนี้ถ้าเรามีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง เราคิดว่ามันยิ่งทำให้เป้าหมายที่เราตั้งไว้สำเร็จได้ไวขึ้นค่ะ เรื่องธุรกิจของที่บ้าน เราอยากทำให้ธุรกิจของเรามั่นคงขึ้น เราจริงจังกับมันมาก เพราะคิดไว้ว่าในอนาคตธุรกิจเล็กๆของเราอันนี้ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางรายได้หลักของเรา ช่วงนี้ที่ยังพอมีแรงทำงานให้กับที่อื่น เราก็คิดว่าถือเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์และโกยเงินค่ะ ถ้าตั้งใจก็ถึงเป้าหมายได้แน่นอน
ในชีวิตเรา เราเคยทำงานมาหลายอย่างค่ะ ช่วงเรียนเรารับงานพาร์ทไทม์ เป็น Pc ชงชิมในห้างถามว่าเงินดีมั้ย สำหรับเราในช่วงเรียนตอนนั้น ก็ถือว่าดีเลยค่ะ แต่มัน Fail ตรงที่ เคยโดนบิดเงินหนี เสียเวลายืนฟรีๆไปเลยค่ะ เราเลยเลิกทำไป เคยเป็น Admin ให้แบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์นึง เรานั่งตอบแชททั้งวันเงินดีมากเลยนะคะ แต่สุขภาพก็เสียมากเช่นกัน เพราะเรียนไปทำงานไป เกือบแยกประสาทไม่ออก ช่วงที่ทำงานใหม่ๆก่อนหน้าจะเป็นเซลล์ เราก็ได้ร่วมทำธุรกิจกับพี่ที่รู้จักค่ะ เป็นแบรนด์ครีมเล็กๆ เราลงทุนไปเยอะนะ แต่ช่วงนั้นมันก็มีหลายแบรนด์ออกมาพร้อมๆกัน สรุปจมค่ะ เลยเลิกทำไป ทำมาเยอะมาก รับหิ้วเครื่องสำอางค์ ก็ทำมาแล้วค่ะ
สมัยรับหิ้วเครื่องสำอางค์ค่ะ ตอนนั้นเข้าออกห้างทั้งวันเลย รับหมดเลยวันละแท่งก็เข้าไปหิ้วให้ค่ะ เพราะตอนเรียนมีงบหิ้วได้แค่เครื่องสำอางค์><
อย่างที่บอก เราทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เราเกิดมาเราก็เห็นครอบครัวทำงานงกๆ มันเลยทำให้เราซึมซับมั้งว่า เออที่บ้านทำงานกันไม่หยุดเลยนะ ย้อนกลับไปเราก็รู้สึกว่าช่วงชีวิตวัยเรียนของเราก็แทบไม่มีเลยจริงๆ ตอนนี้เราอายุ 26 แล้ว ให้กลับไปนึกถึงชีวิตสุดมันสมัยเด็ก เราก็จำแทบไม่ได้แล้วค่ะTT เรียนเป็นเรียน ทำงานเป็นทำงานจริงๆ
เป้าหมายที่1ของเรา
เราตั้งใจจะเก็บเงินให้ได้ 5 ล้านบาทก่อนอายุ 30 ค่ะ (จะทำได้มั้ยทำได้รึเปล่า) นี่เลยเป็นอีกแรงผลักดันนึงที่ทำให้เรายิ่งต้องสู้ ต้องฮึบ ตอนนี้เราก็กำลังเริ่มทำธุรกิจเสริมเล็กๆของเราอีกช่องทางนึงค่ะ สมัยนี้ถ้ารายได้เข้ามากกว่า 1 ทางเราก็จะยิ่งประสบความสำเร็จได้ไวขึ้น เราคิดแบบนี้นะ เราอยากทำให้ธุรกิจของเรามั่นคงขึ้น เราจริงจังกับมันมาก ซึ่งเซลล์ขายยาที่เราทำอยู่ในตอนนี้มันก็ยังดีนะคะ ได้เงินไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่น ต่อเดือน แต่ก็คิดนะว่า คงไม่ทำไปตลอดชีวิตหรอก เพราะขับรถทั้งวัน มันก็เพลียร่างกายสุดๆ สุขภาพจะแย่เอา
เรามองย้อนกลับมาก็ขอบคุณตัวเองนะที่เราทุ่มเทตัวเองมากๆ เราเหมือนคนที่แอคทีพตลอดเวลา เพราะเราต้องการให้ครอบครัวของเราสบายขึ้น เราอยากที่จะให้พ่อกับแม่ ไม่ต้องทำงานแล้ว จริงๆรายได้ของเราในตอนนี้ เราก็สามารถเลี้ยงดูเค้าได้นะ แต่พ่อแม่เราก็เหมือนเราเลย ชอบทำงานมากๆ เราเลยคิดว่าเราต้องมีมากกว่านี้ เพื่อทำให้เค้าเห็นว่าลูกสาวคนนี้นี่แหละจะเลี้ยงดูท่านเอง^^
เป้าหมายที่2ของเรา
เป้าหมายที่สองของเรา ข้อนี้สำคัญมากค่ะ เราอยากที่จะมีสุขภาพที่ดี เพื่อที่ตัวเองจะได้สามารถลุยงานได้อย่างเต็มที่ เราเริ่มหันมาออกกำลังกาย เพราะอายุก็ใกล้เลขสามแล้ว เริ่มมีปวด คอ บ่า ไหล่ ค่ะ5555 มีช่วงนึงเราปวดไหล่มากสรุปก็คือต้องไปฝังเข็มค่ะ ราคาก็สูงเอาเรื่องเลย หลังจากนั้นแหละเลยมีเป้าหมายเรื่องสุขภาพเพิ่มขึ้นมาเลยค่ะ ว่าเราต้องจริงจังกับการดูแลสุขภาพแล้วนะ!! ตอนนี้ก่อนนอนเราจะออกกำลังกายค่า เดินลู่วิ่ง ออกไปตีแบตกับเพื่อนๆบ้าง
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราตั้งใจซื้อประกันสุขภาพให้ตัวเองค่ะ ซึ่งตอนแรกเราไม่สนใจเลยเรื่องประกันเรามองว่าไกลตัว เราอายุแค่นี้เองจะทำไปทำไม แต่มาเปลี่ยนความคิดเลยค่ะ จากคนใกล้ตัวนั่นก็คือคุณน้าเราเองค่ะ เค้าป่วยเป็นโรคหัวใจ ไม่มีประกัน พอเจ็บป่วยแต่ละที เข้าโรงพยาบาล เสียเงินจุกๆเลย ทำบอลลูนหัวใจ ครั้งนึงก็เสียเงินเป็นแสนเลย กลายเป็นว่าต้องเอาเงินเก็บออกมาจ่าย ซึ่งเราไม่โอเคกับตรงนี้มากๆ
จริงๆพ่อแม่เราเคยซื้อประกันออมเงินให้เราตอนเด็กๆ แต่พอเอามาดูอย่างจริงจัง มันไม่มีพวกค่ารักษาพยาบาล หรือคุ้มครองโรคต่างๆ เราเลยตัดสินใจซื้อประกันชีวิตเพิ่มอีกค่ะซื้อมาหลายปีแล้วนะ ล่าสุดเราก็เพิ่งซื้อประกันเสริมสุขภาพเพิ่มมาอีกค่ะ เป็นของประกันของโตเกียวมารีน กู๊ดเฮลธ์ ค่ะ
เราเลือกซื้อประกันที่เป็นแบบเหมาจ่ายค่ะ รวม 18 โรค ที่คนไทยเป็นกันเยอะ ปัจจุบันเรายังไม่ได้เคลมอะไรสักโรคเลยนะ แต่ทำไว้ก็อุ่นใจค่ะ อย่างน้อยถ้าเราไม่ป่วยเค้าก็ยังคุ้มครองพวกค่าตรวจสุขภาพประจำปีค่ะ กว่าจะเลือกได้ก็ใช้เวลาศึกษาไว้นานอยู่เหมือนกัน เราทำให้คุณแม่ด้วย เพราะคุณแม่ยังไม่มีโรคประจำตัวค่ะ อีกอย่างประกันที่เราทำเค้าครอบคลุมหลายๆเรื่องเลย เช่น ค่าห้อง ค่ายา ค่า OPD ซึ่งที่เราพูดมาบางประกันเค้าไม่มีให้ เรามองว่ามันจำเป็นค่ะ ค่าห้อง ค่ายานี่ เสียทีก็แพงอยู่ เท่าที่ดูหลายๆที่มาที่นี่คุ้มสุดแล้วค่ะ ในยุคนี้สิ่งแวดล้อมต่างๆทำให้เราเสี่ยงกับการมีโรคประจำตัวเพิ่มขึ้นเท่าตัวเลยค่ะ TT
เป้าหมายที่3ของเรา
เป้าหมายนี้เป็นความภูมิใจของเรามากๆค่ะ เพราะเราทำสำเร็จแล้ว เราตั้งใจว่าเราจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยเงินของเราเอง^^ ล่าสุดเราพาท่านไปเที่ยวมอสโกมาค่ะ พอเห็นท่านมีความสุขเราก็ดีใจและยิ่งมีแรงทำงาน สมัยก่อนไม่วาจะไปไหนพ่อแม่ก็ออกเงินให้ตลอด เราตั้งใจไว้ว่าเมื่อมีเวลา เราจะพาท่านไปเที่ยวทุกที่ อยากพาไปเที่ยวทั่วโลกเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนพวกเราทำงานกันงกๆจริงๆ ไม่ค่อยมีเวลาได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย นี่แหละคือความสุขของเราที่ได้เห็นพ่อแม่มีสุขภาพกายและใจที่ดี รูปนี้เราไปเที่ยวก่อนโควิดจะมาไม่กี่เดือนเองค่ะ นี่เลยเป็นอีกเหตุผลที่ซื้อประกัน เพราะไม่อยากเอาเงินมาเสียกับการรักษา อยากพาพ่อแม่และตัวเองไปเที่ยวได้อีกหลายๆที่
เป้าหมายที่4ของเรา
เป้าหมายที่สี่ของเรา อันนี้ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่โตเลยค่ะ คือเราอยากซื้อบ้านใหม่อาจจะไม่ต้องหลังใหญ่โตมาก แต่อยากให้บ้านใหม่อันนี้เป็นที่พักผ่อน เป็น Safe zone ให้เรากับครอบครัว บ้านเก่าที่เราอยู่ตอนนี้ของเยอะมากๆ เพราะธุรกิจที่บ้านเราก็ทำอยู่ที่บ้านด้วยค่ะ ของเลยแน่นจุกๆเลย เราอยากให้พ่อแม่เราได้อยู่ในสถานที่ใหม่ๆ จะได้สบายหูสบายตา ได้อยู่บ้านที่สงบ ไม่มีเสียงรถยนต์วิ่งผ่านบ้านไปมาทั้งวันทั้งคืน
และเป้าหมายนี้เราก็อยากที่จะรีบผ่อนบ้านรีบโปะบ้านไวๆจะได้ไม่มีภาระระยะยาวค่ะ การซื้อบ้านถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องนึงเลย หวังว่าแพลนอันนี้จะทำให้เรามีแรงกระตุ้นเพื่อที่จะได้ตั้งใจทำงาน จะได้มั่นคงกับการเก็บเงินเก็บทองค่ะ ในใจลึกๆก็แอบหวั่นเพราะเราไม่ได้ทำงานประจำกลัวว่าจะไม่ไหวเหมือนกันนะ แต่ก็มาคิดแล้วว่าชีวิตเราไม่เหมาะกับการทำงานประจำหรอก เรามันไฮเปอร์ พนักงานประจำไม่ใช่แนวทางของเราจริงๆ เพื่อนๆรอบตัวมาบ่นกันเยอะค่ะ ทั้งเรื่อง ระบบการทำงาน สิ่งแวดล้อมต่างๆ เลยตัดสินใจสู้ด้วยสองมือตัวเองนี่แหละ
เป้าหมายที่5ของเรา
เราตั้งใจที่จะไม่หยุดพัฒนาตัวเองค่ะ ก่อน 30 เราจะต้องเรียนต่อ ป.โท ให้ได้ เพื่อที่จะได้มีความรู้ที่เพิ่มขึ้น เอามาพัฒนาธุรกิจเล็กๆของเราให้ดียิ่งขึ้น นำมาปรับใช้กับธุรกิจที่บ้านด้วย เราเชื่อว่าความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆค่ะ เราคิดว่าอยากจะเรียน การตลาด หรือไม่ก็พวกคอร์สธุรกิจค่ะ เราก็ไม่รู้นะว่าสิ่งที่เรากำลังพยายามอยู่มันจะประสบความสำเร็จไปถึงขั้นไหน แต่เราก็คิดว่าเราจะตั้งใจ
ตอนนี้เป้าหมายของเราก็อาจจะยังไม่ได้สำเร็จครบไปซะทุกอย่าง แต่ก็ทำได้เต็มที่ในทุกๆวันแล้ว เราไม่ได้มาอวดหรืออะไรนะคะ แต่อยากมาเป็นกำลังใจให้ทุกคน และก็อย่าเอาความสำเร็จของคนอื่นมาเทียบกับตัวเองนะ ส่วนตัวเราคิดว่าความสำเร็จของเรามันจะชาเล้นท์ตัวเอง
เราอยากทำให้ตัวเองดีขึ้น ครอบครัวประสบความสำเร็จ ได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้นเอง เราอยากตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง เพราะการมีธุรกิจแบบเรา เงินเดือนแต่ละเดือนมันไม่ได้เข้าตรงเป๊ะทุกๆเดือนไม่มีอะไรมาการันตีว่าสิ้นเดือนนี้ฉันก็รอรับเงินเดือนเลยนะ อยากจะมีเวลาเพื่อพาตัวเองและครอบครัวไปเที่ยว เพราะความสุขของเรามันไม่ได้อยู่แค่ที่ตัวเงิน อยากมีสุขภาพที่ดีเพื่อที่จะได้อยู่ดูแลคนที่บ้านได้อย่างเต็มที่ค่ะ
เพื่อนๆพี่ๆตั้งเป้าหมายชีวิตตัวเองก่อน 30 ไว้ยังไงกันบ้างคะ? มาแชร์กัน