ขออนุญาตปรึกษาค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าพ่อได้เอาบ้านไปจำนองแล้วเอาเงินมาใช้ แต่บ้านเป็นของย่า ก็กลานเป็นว่ามีหนี้สิน แต่ถ้าย่าไม่ให้โฉนด พ่อก็จะเอาไปไม่ได้ถูกไหม
ทีนี้จังหวะนั้นพ่อแม่เราแยกทางกันค่ะ เราก็ไปอยู่กับแม่ ไม่ทราบเรื่องพวกนี้อะๆรทั้งนั้น ย้ำนะคะว่าช่วงเอาโฉนดไปจำนอง พ่อแม่เราแยกทางกัน
แต่หลังจากนั้นแม่ได้กลับเข้ามาอยู่ในบ้านพักนึง พอเกิดปัญหาครอบครัวแม่ก็ได้แยกทางออกไปอีก ช่วงที่แม่กลับมา แม่ก็ได้ช่วยจ่ายเงินค่าบ้านค่ะ เพราะกลัวจะถูกยึด ตอนนั้นจ่ายแพงมากๆ แม่เลยวิ่งเต้นหาที่จำนองให้ใหม่ที่จ่ายถูกกว่านี้ (จังหวะนี้คือช่วย) นั่นก็หมายความว่าแม่ช่วย แถมยังจ่ายเงินให้ตั้งหลายงวด หลักฐานก็มีแต่ให้ปู่ซึ่งเสียไปแล้ว จากนั้นจากปู่ก็มาพูดอีกว่า ส่งให้จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ อ่าว!! พูดแบบนี้เฉยทั้งๆที่หลักฐานก็ให้เขาไป พอหลังจากนั้นที่มีปัญหาแม่เราก็แยกออกไป เราอยู่กับพ่อ ปู่ก็เสีย ก็เริ่มทราบอะไรมากขึ้นๆว่าบ้านที่อยู่ ไปจำนองเขาอยู่ เราก็ทำงานไม่กี่ชม ถ้าพ่อขาดเงิน เราก็แบ่งให้พ่อ ช่วงนั้นพ่อทำงาน พ่อส่งตลอดค่ะ ภาระในบ้านที่พ่อต้องรับผิดชอบคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน พอมาประมาณได้2ปีที่แล้วพ่อตกงานค่ะ ก็ทำให้คิดขัด ย่าเลยไปขอให้อาช่วย เขาก็ช่วยนะคะ แต่ช่วยไปมีปัญหาไป แต่ในส่วนทางพ่อ ก็ยังจ่ายค่าต่างๆภายในบ้านที่มีอยู่ ค่ากับข้าวแต่ละวันที่ดูย่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน พอทางอาๆได้ช่วยไป มีอยู่วันนึงย่าเราสั่งว่าให้โอนชื่อธนาคารของย่าเป็นบัญชีร่วมกับเรา เพราะถ้าทางอาส่งมา ย่าเราไปเอาเงินไม่ไหว แลเวให้ส่งเลขธนาคารส่งให้อา พอเราส่งไป เขาก็ทักมาผ่านลูกพี่ลูกน้องเราว่า พ่อไปเอามาทำไมไม่ส่ง อยู่กินกันสุขสบาย
เราไม่รู้หรอกนะคะว่า การที่เราหยุดเรียนพาแม่เขาไปหาหมอ วิ่งเต้นเรื่องธุระแม่เขา หาเงินเข้าบ้าน อะไรบลาๆแบบนี้เรียกสุขสบาย เราก็บอกย่ากับพ่อตอนนั้นเลยว่าเขาพูดแบบนี้นะ ย่าก็บอกว่าไม่เป็นไร ก็ส่งๆเท่าที่มีจากนั้นก็จะโอนให้เรา เราก็พ่อก็โอเค แต่ช่วงนั้นช็อตจริงๆหาไม่ทัน เลยตัดสินใจยืมเจ้านายของเราเอง ให้เขาเป็นที่พึ่งทางเลือกสุดท้าย เขาก็ให้ยืม เราก็เอามาส่งบ้านในวันที่1 กย ที่ผ่านมา พอเริ่มเคลียอะไรเสร็จ ทางอาก็ทักมาใหม่บอกว่า เอาเลขบช คนที่เอาบ้านไปจำนองมา จะส่งเอง(หรือกลัวว่าเราจะเอาไปใช้ แต่ปกติไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว) อ่าทางย่าก็เปลี่ยนไวเป็นลมเลย บอกว่าเออๆกูจะโอนให้(อา) ละให้เราไปเอาเลข บช ผู้รับจำนองมา แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้ไปหรอกนะคะ เราตัดสินใจไปบอกพ่อ ว่าเรื่องมันเป็นงี้ๆอีกแล้วนะ ปล่อยๆมันเนอะพ่อ หนูไม่เอาแล้ว พ่อเขาก็ปลอบๆเรา จากนั้นคืนวันที่8พ่อเครียดมาก ก่อนเข้านอนพ่อยังคุยหัวเราะกับเรา ละพูดกับเราว่า
กูเครี๊ยด เขามักจะพูดเสียงแบบนี้ว่าเราเขาหลอกหรือแหย่ บางทีก็บอกว่า กูเครียดนะเนี่ย แต่ยิ้ม เราก็ไม่เอะใจอะไร พอเช้ามาเราได้ยินเสียงย่าตะโกนบอกว่าให้เราออกมาดูพ่อ ละเรียกรถ รพ ในตอนเช้ามืดตี5 พ่อเกิดอาการเกร็ง ลิ้นจุกปาก พูดไม่ได้ ละหมดสติ จึงนำตัวรักษาที่ รพ ผลสรุปคือ เส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตในเวลา11.25ในวันนั้น ทุกๆอย่างเกิดขึ้นไวมาก เราไม่ทันตั้งตัว ทั้งเราทั้งแม่ ตอนนั้นเราโทรหาแม่บอกเพียงแค่ว่าพ่อเข้า รพ แม่จะมาไม่มาก็แล้วแต่ แต่แม่มา พอหลังจากนั้นก็จัดงานศพ เดินเรื่องเงินประกัน แต่ค่าใช้จ่ายยังไม่พออยู่ดี เงินก้อนแรกก็ยืมเจ้านายแม่มา พอดำเนินงานถึงวันที่3 เงินไม่พอเลยไปบอกย่าว่าจะขอแกะซองนะ เขาก็โอเค ไม่ขัดเราเลย จากนั้นเราก็แกะ ค่าน้ำ ไฟ อะไรต่างๆในวัด พอเสร็จเรื่อง จู่ๆก็มีปัญหา หาว่าคิดจะแกะก็แกะใหญ่เลยซอง เงินซองแค่หน้าเมรุที่มายัดๆใส่มือเราได้เกือบ3พันกว่าบาท แต่ตรงย่ามีเป็นสิบๆซอง คิดว่าจะได้เท่าไหร่
ทางอารวมหัวกันแกะ ทั้งๆที่ไม่มีเราอยู่ ละทิ้งเงินไว้แค่3000ละกลับต่างจังหวัดไป บอกว่าบ้านเขาจะไม่ส่งให้หากแม่เข้าไปอยู่กับเรา งั้นโอเคเราออกมา เพราะย่ากับแม่ไม่ถูกกัน เราก็ออกมาอยู่กับแม่ แต่ก็ไม่วายราวีไม่เลิก ทักแชทมาหาเราว่าเรื่องบ้านจะยังไง คือแบบ แม่เราต้องรับผิดชอบหรอ ทะเบียนสมรสก็ไม่ได้จด แม่ไม่ได้มีส่วนอะไรทั้งนั้นเลย มีทักมาบอกว่าแทนที่จะเข้ามาคุยให้จบๆ ก็ไม่เข้ามา เห้ย แม่เราเป็นคนนอกอะ จะเข้สไปคุยมันไม่ดูแปลกไปหน่อยหรอ อีกอย่างเขาแยกทางกันแล้ว แม่มีครอบครัวใหม่แล้ว ที่เข้ามาจัดการงานศพให้เพราะเรายังอายุน้อย
จากนั้นทางอาๆก็ส่งข้อความมาไม่เลิก เงินที่พ่อแม่ไปเอามาก็ไปเอาบ้านออกให้เขาซะ ห้ะ!! มีแม่เกี่ยวด้วย?? ละมีการทักมาอีกว่าจะไปเอาบ้านออกให้ย่าหรอ เก่งทั้งแม่ทั้งลูกเลย แบบคือเรางง เรายังไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นเลยอยู่ๆก็ทักมาแบบนั้น
หากเขายังว่าแม่เราไม่เลิก เราพอจะใช้กฎหมายเล่นงานอะไรเขาได้บ้างคะ
กฎหมายบนโซเชียล
เรื่องมีอยู่ว่าพ่อได้เอาบ้านไปจำนองแล้วเอาเงินมาใช้ แต่บ้านเป็นของย่า ก็กลานเป็นว่ามีหนี้สิน แต่ถ้าย่าไม่ให้โฉนด พ่อก็จะเอาไปไม่ได้ถูกไหม
ทีนี้จังหวะนั้นพ่อแม่เราแยกทางกันค่ะ เราก็ไปอยู่กับแม่ ไม่ทราบเรื่องพวกนี้อะๆรทั้งนั้น ย้ำนะคะว่าช่วงเอาโฉนดไปจำนอง พ่อแม่เราแยกทางกัน
แต่หลังจากนั้นแม่ได้กลับเข้ามาอยู่ในบ้านพักนึง พอเกิดปัญหาครอบครัวแม่ก็ได้แยกทางออกไปอีก ช่วงที่แม่กลับมา แม่ก็ได้ช่วยจ่ายเงินค่าบ้านค่ะ เพราะกลัวจะถูกยึด ตอนนั้นจ่ายแพงมากๆ แม่เลยวิ่งเต้นหาที่จำนองให้ใหม่ที่จ่ายถูกกว่านี้ (จังหวะนี้คือช่วย) นั่นก็หมายความว่าแม่ช่วย แถมยังจ่ายเงินให้ตั้งหลายงวด หลักฐานก็มีแต่ให้ปู่ซึ่งเสียไปแล้ว จากนั้นจากปู่ก็มาพูดอีกว่า ส่งให้จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ อ่าว!! พูดแบบนี้เฉยทั้งๆที่หลักฐานก็ให้เขาไป พอหลังจากนั้นที่มีปัญหาแม่เราก็แยกออกไป เราอยู่กับพ่อ ปู่ก็เสีย ก็เริ่มทราบอะไรมากขึ้นๆว่าบ้านที่อยู่ ไปจำนองเขาอยู่ เราก็ทำงานไม่กี่ชม ถ้าพ่อขาดเงิน เราก็แบ่งให้พ่อ ช่วงนั้นพ่อทำงาน พ่อส่งตลอดค่ะ ภาระในบ้านที่พ่อต้องรับผิดชอบคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน พอมาประมาณได้2ปีที่แล้วพ่อตกงานค่ะ ก็ทำให้คิดขัด ย่าเลยไปขอให้อาช่วย เขาก็ช่วยนะคะ แต่ช่วยไปมีปัญหาไป แต่ในส่วนทางพ่อ ก็ยังจ่ายค่าต่างๆภายในบ้านที่มีอยู่ ค่ากับข้าวแต่ละวันที่ดูย่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน พอทางอาๆได้ช่วยไป มีอยู่วันนึงย่าเราสั่งว่าให้โอนชื่อธนาคารของย่าเป็นบัญชีร่วมกับเรา เพราะถ้าทางอาส่งมา ย่าเราไปเอาเงินไม่ไหว แลเวให้ส่งเลขธนาคารส่งให้อา พอเราส่งไป เขาก็ทักมาผ่านลูกพี่ลูกน้องเราว่า พ่อไปเอามาทำไมไม่ส่ง อยู่กินกันสุขสบาย
เราไม่รู้หรอกนะคะว่า การที่เราหยุดเรียนพาแม่เขาไปหาหมอ วิ่งเต้นเรื่องธุระแม่เขา หาเงินเข้าบ้าน อะไรบลาๆแบบนี้เรียกสุขสบาย เราก็บอกย่ากับพ่อตอนนั้นเลยว่าเขาพูดแบบนี้นะ ย่าก็บอกว่าไม่เป็นไร ก็ส่งๆเท่าที่มีจากนั้นก็จะโอนให้เรา เราก็พ่อก็โอเค แต่ช่วงนั้นช็อตจริงๆหาไม่ทัน เลยตัดสินใจยืมเจ้านายของเราเอง ให้เขาเป็นที่พึ่งทางเลือกสุดท้าย เขาก็ให้ยืม เราก็เอามาส่งบ้านในวันที่1 กย ที่ผ่านมา พอเริ่มเคลียอะไรเสร็จ ทางอาก็ทักมาใหม่บอกว่า เอาเลขบช คนที่เอาบ้านไปจำนองมา จะส่งเอง(หรือกลัวว่าเราจะเอาไปใช้ แต่ปกติไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว) อ่าทางย่าก็เปลี่ยนไวเป็นลมเลย บอกว่าเออๆกูจะโอนให้(อา) ละให้เราไปเอาเลข บช ผู้รับจำนองมา แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้ไปหรอกนะคะ เราตัดสินใจไปบอกพ่อ ว่าเรื่องมันเป็นงี้ๆอีกแล้วนะ ปล่อยๆมันเนอะพ่อ หนูไม่เอาแล้ว พ่อเขาก็ปลอบๆเรา จากนั้นคืนวันที่8พ่อเครียดมาก ก่อนเข้านอนพ่อยังคุยหัวเราะกับเรา ละพูดกับเราว่า
กูเครี๊ยด เขามักจะพูดเสียงแบบนี้ว่าเราเขาหลอกหรือแหย่ บางทีก็บอกว่า กูเครียดนะเนี่ย แต่ยิ้ม เราก็ไม่เอะใจอะไร พอเช้ามาเราได้ยินเสียงย่าตะโกนบอกว่าให้เราออกมาดูพ่อ ละเรียกรถ รพ ในตอนเช้ามืดตี5 พ่อเกิดอาการเกร็ง ลิ้นจุกปาก พูดไม่ได้ ละหมดสติ จึงนำตัวรักษาที่ รพ ผลสรุปคือ เส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตในเวลา11.25ในวันนั้น ทุกๆอย่างเกิดขึ้นไวมาก เราไม่ทันตั้งตัว ทั้งเราทั้งแม่ ตอนนั้นเราโทรหาแม่บอกเพียงแค่ว่าพ่อเข้า รพ แม่จะมาไม่มาก็แล้วแต่ แต่แม่มา พอหลังจากนั้นก็จัดงานศพ เดินเรื่องเงินประกัน แต่ค่าใช้จ่ายยังไม่พออยู่ดี เงินก้อนแรกก็ยืมเจ้านายแม่มา พอดำเนินงานถึงวันที่3 เงินไม่พอเลยไปบอกย่าว่าจะขอแกะซองนะ เขาก็โอเค ไม่ขัดเราเลย จากนั้นเราก็แกะ ค่าน้ำ ไฟ อะไรต่างๆในวัด พอเสร็จเรื่อง จู่ๆก็มีปัญหา หาว่าคิดจะแกะก็แกะใหญ่เลยซอง เงินซองแค่หน้าเมรุที่มายัดๆใส่มือเราได้เกือบ3พันกว่าบาท แต่ตรงย่ามีเป็นสิบๆซอง คิดว่าจะได้เท่าไหร่
ทางอารวมหัวกันแกะ ทั้งๆที่ไม่มีเราอยู่ ละทิ้งเงินไว้แค่3000ละกลับต่างจังหวัดไป บอกว่าบ้านเขาจะไม่ส่งให้หากแม่เข้าไปอยู่กับเรา งั้นโอเคเราออกมา เพราะย่ากับแม่ไม่ถูกกัน เราก็ออกมาอยู่กับแม่ แต่ก็ไม่วายราวีไม่เลิก ทักแชทมาหาเราว่าเรื่องบ้านจะยังไง คือแบบ แม่เราต้องรับผิดชอบหรอ ทะเบียนสมรสก็ไม่ได้จด แม่ไม่ได้มีส่วนอะไรทั้งนั้นเลย มีทักมาบอกว่าแทนที่จะเข้ามาคุยให้จบๆ ก็ไม่เข้ามา เห้ย แม่เราเป็นคนนอกอะ จะเข้สไปคุยมันไม่ดูแปลกไปหน่อยหรอ อีกอย่างเขาแยกทางกันแล้ว แม่มีครอบครัวใหม่แล้ว ที่เข้ามาจัดการงานศพให้เพราะเรายังอายุน้อย
จากนั้นทางอาๆก็ส่งข้อความมาไม่เลิก เงินที่พ่อแม่ไปเอามาก็ไปเอาบ้านออกให้เขาซะ ห้ะ!! มีแม่เกี่ยวด้วย?? ละมีการทักมาอีกว่าจะไปเอาบ้านออกให้ย่าหรอ เก่งทั้งแม่ทั้งลูกเลย แบบคือเรางง เรายังไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นเลยอยู่ๆก็ทักมาแบบนั้น
หากเขายังว่าแม่เราไม่เลิก เราพอจะใช้กฎหมายเล่นงานอะไรเขาได้บ้างคะ