สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ื2ปีก่อน ผมขายที่ดินแปลงนึง ราคา10ล้าน โดยระบบผ่อนชำระ20งวด ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน เพราะมูลค่าในแต่ละปีมันเพิ่มขึ้น
ระหว่างที่มีการผ่อน ผมก็มองหาที่ดินแปลงใหม่
บางแปลงที่เจอ ก็แพงกว่า10ล้านบาท บางแปลงอยู่ในงบ10ล้าน แต่ปัญหาคือ เงินสดไม่พอ
หรือบางแปลงเพียงแค่5ล้านเท่านั้น เเค่เงินสดก็ยังไม่ถึง ต้องรออีกหลายเดือน
ครั้นเงินพอ ที่ดินก็ขายไปแล้ว
ในระยะเกือบ2ปี หาที่ดินจนรู้สึกท้อ และเสียดาย ที่ทำให้คิดว่าไม่น่าขายที่ดินเก่าตรงนั้นไปเลย
จนต้นปีนี้เอง มาเจอที่ดินแปลงนึงประกาศขายอยู่ เปิดราคามา7ล้านบาท ค่าโอนผู้ซื้อออกเอง
ซึ่งตอนนั้นการเจรจาตกลงกันยังไม่สำเร็จ
ในตอนนั้นเอง ผมก็มาตั้งกระทู้ถามว่า อยากจะบนบานเรื่องที่ดินที่จะซื้อบ้าง
https://ppantip.com/topic/40526758
ก็มีคนตอบ บอกให้ไปจุดธูปไหว้พระแม่ธรณี ณ.ที่ดินตรงนั้น ซึ่งผมก็ทำตาม
และในช่วงนั้น ผมจะต้องเข้าบวชเป็นพระ15วัน การเจรจาจึงต้องยุติลงชั่วคราว หลังลาสิกขาค่อยมาคุยกันใหม่
พอลาสิกขาก็มาคุยกันใหม่
คราวนี้ เจ้าของจะให้ผมรับผิดชอบค่าภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย
ถ้าคุณรับตรงนี้ไม่ได้ ขอหยุดเถอะครับ
ซึ่งเป็นคำพูดที่เย่อหยิ่งมาก เปิดมาราคา7ล้านก็เท่านี้ ค่าโอน ผู้ซื้อจ่าย ผมก็ยอม มาเจอเงื่อนไขนี้อีก และคำพูดแบบนี้ ก็เลยยุติการซื้อขายไป
จากนั้นวันถัดไป ผมจึงไปดูที่ดินแปลงใหม่ตามที่นายหน้าประกาศในไทม์ไลน์
ระหว่างทาง รถติดเจอป้ายติดตามต้นไม้
ขายที่ดิน600ตรว.พร้อมโกดัง
โทรไป เปิดราคามา9.5ล้านบาท
ซึ่งเป็นสถานที่เป็นโกดังสร้างเต็มพื้นที่ ไว้เก็บเครื่องมือก่อสร้าง+บ้านพักคนงาน
การเจรจาได้ราคาที่8.9ล้าน ค่าโอนคนละครึ่ง ปิดการขายเลยครับ
ผมก็มาคิดดู
ถ้าผมขายที่ดินเก่า ได้เงินสดมา10ล้านบาท
ผมก็อาจจะตกลงกับที่ดินแปลงอื่นๆไปแล้ว
แต่เพราะการขายที่ดินแบบผ่อน ทำให้เงินไม่พอ ต้องรอให้ครบ ถึงจะซื้อได้
และการผ่อนชำระ
ก็มาบรรจบครบ20งวดพอดี กับการโอนจ่ายเงินซื้อที่ดินแปลงใหม่ ที่ห่างกันแค่สองวันเท่านั้น
เรื่องนี้ มีอะไรที่เหมือนถูกกำหนดมาแล้ว
ทำให้ผมคิดถึงเรื่องบุญที่ทำ ,ที่ดินเลือกเจ้าของ
และกับคำที่คนเก่าๆ อธิฐานว่าขอแสงสว่างนำทางชีวิตไปในทางที่ดี
ระหว่างที่มีการผ่อน ผมก็มองหาที่ดินแปลงใหม่
บางแปลงที่เจอ ก็แพงกว่า10ล้านบาท บางแปลงอยู่ในงบ10ล้าน แต่ปัญหาคือ เงินสดไม่พอ
หรือบางแปลงเพียงแค่5ล้านเท่านั้น เเค่เงินสดก็ยังไม่ถึง ต้องรออีกหลายเดือน
ครั้นเงินพอ ที่ดินก็ขายไปแล้ว
ในระยะเกือบ2ปี หาที่ดินจนรู้สึกท้อ และเสียดาย ที่ทำให้คิดว่าไม่น่าขายที่ดินเก่าตรงนั้นไปเลย
จนต้นปีนี้เอง มาเจอที่ดินแปลงนึงประกาศขายอยู่ เปิดราคามา7ล้านบาท ค่าโอนผู้ซื้อออกเอง
ซึ่งตอนนั้นการเจรจาตกลงกันยังไม่สำเร็จ
ในตอนนั้นเอง ผมก็มาตั้งกระทู้ถามว่า อยากจะบนบานเรื่องที่ดินที่จะซื้อบ้าง
https://ppantip.com/topic/40526758
ก็มีคนตอบ บอกให้ไปจุดธูปไหว้พระแม่ธรณี ณ.ที่ดินตรงนั้น ซึ่งผมก็ทำตาม
และในช่วงนั้น ผมจะต้องเข้าบวชเป็นพระ15วัน การเจรจาจึงต้องยุติลงชั่วคราว หลังลาสิกขาค่อยมาคุยกันใหม่
พอลาสิกขาก็มาคุยกันใหม่
คราวนี้ เจ้าของจะให้ผมรับผิดชอบค่าภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย
ถ้าคุณรับตรงนี้ไม่ได้ ขอหยุดเถอะครับ
ซึ่งเป็นคำพูดที่เย่อหยิ่งมาก เปิดมาราคา7ล้านก็เท่านี้ ค่าโอน ผู้ซื้อจ่าย ผมก็ยอม มาเจอเงื่อนไขนี้อีก และคำพูดแบบนี้ ก็เลยยุติการซื้อขายไป
จากนั้นวันถัดไป ผมจึงไปดูที่ดินแปลงใหม่ตามที่นายหน้าประกาศในไทม์ไลน์
ระหว่างทาง รถติดเจอป้ายติดตามต้นไม้
ขายที่ดิน600ตรว.พร้อมโกดัง
โทรไป เปิดราคามา9.5ล้านบาท
ซึ่งเป็นสถานที่เป็นโกดังสร้างเต็มพื้นที่ ไว้เก็บเครื่องมือก่อสร้าง+บ้านพักคนงาน
การเจรจาได้ราคาที่8.9ล้าน ค่าโอนคนละครึ่ง ปิดการขายเลยครับ
ผมก็มาคิดดู
ถ้าผมขายที่ดินเก่า ได้เงินสดมา10ล้านบาท
ผมก็อาจจะตกลงกับที่ดินแปลงอื่นๆไปแล้ว
แต่เพราะการขายที่ดินแบบผ่อน ทำให้เงินไม่พอ ต้องรอให้ครบ ถึงจะซื้อได้
และการผ่อนชำระ
ก็มาบรรจบครบ20งวดพอดี กับการโอนจ่ายเงินซื้อที่ดินแปลงใหม่ ที่ห่างกันแค่สองวันเท่านั้น
เรื่องนี้ มีอะไรที่เหมือนถูกกำหนดมาแล้ว
ทำให้ผมคิดถึงเรื่องบุญที่ทำ ,ที่ดินเลือกเจ้าของ
และกับคำที่คนเก่าๆ อธิฐานว่าขอแสงสว่างนำทางชีวิตไปในทางที่ดี
ความคิดเห็นที่ 4
คนทั่วไปเข้าใจว่า "คนเลือกบ้าน" แต่แท้ที่จริงแล้ว "บ้าน" หรือถ้าพูดให้ชัด ๆ คือ "พลังของสถานที่" เลือกคนที่จะมาอยู่อาศัยครับ ซึ่งมันจะแลดูย้อนแย้งกับความเข้าใจคนทั่วไป
...
ผมขอตั้งคำถามดังนี้ คุณอาจจะเคยเห็น "ที่ทิ้งขยะ" ที่อยู่ในพื้นที่ดินร้าง คำถามคือทำไม "ที่ทิ้งขยะ" ที่ทุกคนในหมู่บ้านพากันมาทิ้ง มันจะต้อง "ตั้ง" อยู่ตรงจุดนั้น ทำไมมันไม่ย้ายไปที่จุดอื่น บางแห่งน่าฉงนมาก ที่รกร้างว่างเปล่าที่สองฝั่งถนน แต่ทุกคนก็เลือกทิ้งที่ฝั่งเดียว พูดกันง่าย ๆ คือ พลังของสถานที่นั้น ๆ หรือก็คือพลัง "หยิน" หรือ "อิม" มันไหลรวมไปที่จุดนั้น มันก็เลยชักนำให้คนนำ "อิม" หรือก็คือ "ขยะ" มาทิ้งที่จุดนั้นนั่นเอง คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ก็ "คน" นั่นล่ะที่เลือกจะทิ้ง แต่คนศึกษาฮวงจุ้ยจะกล่าวว่า "พื้นที่" ต่างหากที่เลือกว่าจะเป็นจุดทิ้งขยะ คนเลยเอาขยะมาทิ้ง
...
อีกกรณี หากคุณจะสังเกต ในละแวกที่มีคนอยู่พลุกพล่านหนาแน่น จะมีบ้านหลังหนึ่งรวยเว่อร์ รวยโดดกว่าชาวบ้านทุกคน หรือในหมู่บ้านคนรวย จะต้องมีพื้นที่รกร้างไม่มีใครสร้างบ้าน หรือมีบ้านหลังหนึ่งทิ้งร้างทรุดโทรมจนน่ากลัว ทั้ง ๆ ที่เป็นทำเลดีราคาแพงหูฉี่และสวยมาก แต่แม้กับเจ้าของที่ดินก็ไม่คิดมาสร้างบ้านหรือไม่คิดจะมาอยู่อาศัยเลย พื้นที่เหล่านี้ทางฮวงจุ้ยเรียกว่า "อิมในเอี้ยง เอี้ยงในอิม" ครับผม
...
พื้นที่ทุกแห่งมีพลังงานไหลเวียนเป็นการเฉพาะ คนที่มาอยู่อาศัยจึงต้องมีพลังงานเข้ากันได้กับพลังแห่งที่ดิน มิฉะนั้นจะเกิดอาการ "เจ้าที่ไม่ให้อยู่อาศัย" แบบที่คนไทยเขาถือ ๆ กันนั่นเอง และนี่ก็คือ "บ้านเลือกคน" ครับผม
...
ผมขอตั้งคำถามดังนี้ คุณอาจจะเคยเห็น "ที่ทิ้งขยะ" ที่อยู่ในพื้นที่ดินร้าง คำถามคือทำไม "ที่ทิ้งขยะ" ที่ทุกคนในหมู่บ้านพากันมาทิ้ง มันจะต้อง "ตั้ง" อยู่ตรงจุดนั้น ทำไมมันไม่ย้ายไปที่จุดอื่น บางแห่งน่าฉงนมาก ที่รกร้างว่างเปล่าที่สองฝั่งถนน แต่ทุกคนก็เลือกทิ้งที่ฝั่งเดียว พูดกันง่าย ๆ คือ พลังของสถานที่นั้น ๆ หรือก็คือพลัง "หยิน" หรือ "อิม" มันไหลรวมไปที่จุดนั้น มันก็เลยชักนำให้คนนำ "อิม" หรือก็คือ "ขยะ" มาทิ้งที่จุดนั้นนั่นเอง คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ก็ "คน" นั่นล่ะที่เลือกจะทิ้ง แต่คนศึกษาฮวงจุ้ยจะกล่าวว่า "พื้นที่" ต่างหากที่เลือกว่าจะเป็นจุดทิ้งขยะ คนเลยเอาขยะมาทิ้ง
...
อีกกรณี หากคุณจะสังเกต ในละแวกที่มีคนอยู่พลุกพล่านหนาแน่น จะมีบ้านหลังหนึ่งรวยเว่อร์ รวยโดดกว่าชาวบ้านทุกคน หรือในหมู่บ้านคนรวย จะต้องมีพื้นที่รกร้างไม่มีใครสร้างบ้าน หรือมีบ้านหลังหนึ่งทิ้งร้างทรุดโทรมจนน่ากลัว ทั้ง ๆ ที่เป็นทำเลดีราคาแพงหูฉี่และสวยมาก แต่แม้กับเจ้าของที่ดินก็ไม่คิดมาสร้างบ้านหรือไม่คิดจะมาอยู่อาศัยเลย พื้นที่เหล่านี้ทางฮวงจุ้ยเรียกว่า "อิมในเอี้ยง เอี้ยงในอิม" ครับผม
...
พื้นที่ทุกแห่งมีพลังงานไหลเวียนเป็นการเฉพาะ คนที่มาอยู่อาศัยจึงต้องมีพลังงานเข้ากันได้กับพลังแห่งที่ดิน มิฉะนั้นจะเกิดอาการ "เจ้าที่ไม่ให้อยู่อาศัย" แบบที่คนไทยเขาถือ ๆ กันนั่นเอง และนี่ก็คือ "บ้านเลือกคน" ครับผม
แสดงความคิดเห็น
"บ้านเลือกเจ้าของ" คืออะไรคะ