ถ้าตกงาน จะหาเงิน หารายได้ยังไง⁉️
👉เมื่อคุณตกงาน หรือว่างงาน คุณต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าจัดอยู่ในกลุ่มผู้ตกงานประเภทไหน❓
มีเงินสำรอง มีภาระหรือไม่⁉️ และควรหารายได้เพิ่มอย่างไร ช่องทางไหนได้บ้าง🤔
ไปค้นหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ…
👇👇
👉เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น วิกฤติโควิด-19 เศรษฐกิจไม่ดี เงินเฟ้อเงินฝืด เป็นสาเหตุที่ทำให้พฤติกรรมการใช้จ่ายของคนเปลี่ยนไป จึงทำให้เกิดผลกระทบกับธุรกิจทุกขนาด และธุรกิจหลายที่จำเป็นต้องปลดพนักงานออกเพราะไม่สามารถแบกรับภาระไว้ได้อีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่ตกงานกะทันหัน ตั้งตัวไม่ทันไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แล้วจะรับมืออย่างไร กับพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไป วันนี้ผมจะมาบอกวิธีการรับมือสำหรับใครที่มีความเสี่ยงที่จะตกงานหรืออยู่ในสถานะการณ์นี้อยู่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้
✅กรณีที่ 1 ไม่มีเงินเก็บ (ติดหนี้) : ถ้าหากใครที่อยู่ในสภาวะนี้สิ่งที่จะทำให้คุณฟื้นตัวได้เร็ว นั่นก็คือคุณจำเป็นที่จะต้องรีบหางานใหม่ให้เร็วที่สุดไม่ว่างานจะหายากแค่ไหน เพราะอย่างน้อยคุณก็ยังจะได้รับเงินเดือนที่แน่นอน เมื่อคุณหางานประจำทำได้แล้วขั้นตอนต่อไปคุณก็ต้องคิดแล้วว่าจะทำอาชีพเสริมอะไรที่ไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณและไม่ต้องลงทุน
🌟อาทิเช่น การเป็นตัวแทนไม่ต้องสต็อกสินค้า ที่สามารถเริ่มทำเลยไม่ยุ่งยาก แต่ขั้นตอนการเลือกร้านค้าก็ต้องเป็นอีกเรื่องที่คุณจะต้องศึกษา ไม่แน่ว่าหากคุณสามารถมีรายได้ที่มากขึ้นจากอาชีพเสริมจนแซงรายได้เงินเดือนประจำ ทีนี้แหละครับคุณอาจจะเป็นฝ่ายขอลาออกงานเองก็เป็นได้
✅กรณีที่ 2 มีเงินเก็บ (สามารถใช้ชีวิตได้ประมาณ 6 เดือน) : สำหรับใครที่อยู่ในกรณีนี้ การมีเงินเก็บไม่ได้หมายถึงแค่ค่ากินค่าอยู่ธรรมดาแต่อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายโดยรวมด้วย เช่นว่า หากใครที่ต้องมีพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน บางที่อาจจะต้องตีเผื่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วยซ้ำ โดยรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเดือนอาจจะอยู่ที่ 15,000 ฉะนั้นนำไปคูณอีก 6 เดือน ก็แสดงว่าคุณต้องมีเงินเก็บทั้งหมดประมาณ 90,000 บาท เมื่อในยุคนี้เป็นยุคที่หางานประจำที่เลี้ยงชีพได้ยากจนคุณไม่อยากที่จะเริ่มต้นกับบริษัทไหนแล้ว แต่คุณมีเวลาคุณก็สามารถนำเวลาที่มีอยู่ไปศึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เสียหายเพราะใคร ๆ ก็เริ่มหันมาทำกัน
🌟โดยเฉพาะการขายของออนไลน์ที่สามารถเริ่มต้นทำได้เลย ซึ่งในตอนแรกถ้าคุณอยากมีรายได้จากการขายของออนไลน์ที่ไม่ต้องลงทุน คุณก็สามารถค้นหาร้านค้าที่รับตัวแทนจำหน่าย หรือ Dropship ที่น่าเชื่อถือทำไปก่อนซึ่งใครจะรู้ว่าคุณอาจจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้จากอาชีพนี้ก็เป็นได้ ดีกว่านำเงินที่คุณเก็บสะสมไว้แล้วนำมาลงทุน
เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าหากคุณลงทุนเงินก้อนนี้ไปมันจะได้กลับคืนมาหรือไม่ จนสุดท้ายเงินคุณหมดไปและต้องกลับไปเป็น ดั่งกรณีที่ 1 ที่ต้องดิ้นร้นหางาน เนื่องจากเงินที่เก็บสะสมไว้หมดแล้ว
และเผลอ ๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจมีหนี้สินติดออกมาจากการลงทุนด้วย
✅กรณีที่ 3 มีเงินเก็บ (สามารถใช้ชีวิตได้มากกว่า 6 เดือน ) : คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในลักษณะนี้ อาจจะเคยมีตำแหน่งที่สูงหรือมีเงินเดือนที่มาก จนเมื่อเกิดวิกฤติพวกเขาจึงไม่ค่อยที่จะลำบาก และแน่นอนว่าเขาจะต้องมีเงินเก็บจนสามารถลงทุนในธุรกิจเล็ก ๆ ได้ โดยไม่ต้องวิ่งไปสมัครงานที่ไหน
🤔แต่ทว่าในตอนแรกคุณอาจจะหาธุรกิจอะไรที่ลงทุนเล็ก ๆ ควบคู่กับการขายของออนไลน์ไปด้วยก็จะดีมาก เพราะถ้าหากคิดแค่จะขายของออนไลน์แบบ ตัวแทนจำหน่าย หรือ Dropship เมื่อไหร่ที่คุณหยุดขายคุณก็จะไม่ได้เงินในส่วนนี้ ฉะนั้น แต่ถ้าหากคุณมีธุรกิจอะไรสักอย่างที่เป็นของคุณและสามารถทำให้ระบบธุรกิจของคุณมันทำงานเอง เมื่อไหร่ที่คุณหยุดคุณก็ยังมีโอกาสได้รายได้จากทางนี้เพิ่มอีกนั้นเอง
💡💡ดังนั้น เมื่อรู้ตัวว่าตกงาน แน่นอนว่าทุกคนไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรณีไหนก็ตามถ้ามีเงินแล้วไม่นำมาต่อยอดเงินที่สะสมมาก็จะหมดไป ฉะนั้น การหาเงินที่ง่ายและสามารถทำได้เลยก็คงหนีไม่พ้นการทำธุรกิจออนไลน์ ที่ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องตัวของแต่ละคน ถ้าหากไม่มีเงินลงทุนหรือกลัวความเสี่ยงก็ต้องหางานทำที่เริ่มต้นจาก 0 ไปก่อน ซึ่งในยุคสมัยนี้ก็มีให้คุณเลือกทำตั้งมากมาย และผมเชื่อว่าทุกคนย่อมมีจังหวะในชีวิตที่ดี ถ้าคุณตั้งใจและเรียนรู้ไปกับสิ่งนั้นโอกาสที่คุณจะฟื้นตัวเร็วและไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใครคุณก็สามารถเลือกได้ทั้งนั้น
💚💚เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถึงแม้ว่าคุณจะตกงานหรือมีความเสี่ยงที่จะถูกเชิญออก การมีรายได้เสริมถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราไม่รู้ว่าวิกฤติจะมาอีกทีเมื่อไหร่ ฉะนั้น การปรับตัว ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ และผมก็อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยนะครับ หรือหากใครมีข้อสงสัยหรือมีไอเดียในการหาเงินเพิ่มเติมสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ✌️✌️
===========
วรัทภพ รชตนามวงษ์
ถ้าตกงาน จะหาเงิน หารายได้ยังไง⁉️
👉เมื่อคุณตกงาน หรือว่างงาน คุณต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าจัดอยู่ในกลุ่มผู้ตกงานประเภทไหน❓
มีเงินสำรอง มีภาระหรือไม่⁉️ และควรหารายได้เพิ่มอย่างไร ช่องทางไหนได้บ้าง🤔
ไปค้นหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ…
👇👇
👉เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น วิกฤติโควิด-19 เศรษฐกิจไม่ดี เงินเฟ้อเงินฝืด เป็นสาเหตุที่ทำให้พฤติกรรมการใช้จ่ายของคนเปลี่ยนไป จึงทำให้เกิดผลกระทบกับธุรกิจทุกขนาด และธุรกิจหลายที่จำเป็นต้องปลดพนักงานออกเพราะไม่สามารถแบกรับภาระไว้ได้อีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่ตกงานกะทันหัน ตั้งตัวไม่ทันไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แล้วจะรับมืออย่างไร กับพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไป วันนี้ผมจะมาบอกวิธีการรับมือสำหรับใครที่มีความเสี่ยงที่จะตกงานหรืออยู่ในสถานะการณ์นี้อยู่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้
✅กรณีที่ 1 ไม่มีเงินเก็บ (ติดหนี้) : ถ้าหากใครที่อยู่ในสภาวะนี้สิ่งที่จะทำให้คุณฟื้นตัวได้เร็ว นั่นก็คือคุณจำเป็นที่จะต้องรีบหางานใหม่ให้เร็วที่สุดไม่ว่างานจะหายากแค่ไหน เพราะอย่างน้อยคุณก็ยังจะได้รับเงินเดือนที่แน่นอน เมื่อคุณหางานประจำทำได้แล้วขั้นตอนต่อไปคุณก็ต้องคิดแล้วว่าจะทำอาชีพเสริมอะไรที่ไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณและไม่ต้องลงทุน
🌟อาทิเช่น การเป็นตัวแทนไม่ต้องสต็อกสินค้า ที่สามารถเริ่มทำเลยไม่ยุ่งยาก แต่ขั้นตอนการเลือกร้านค้าก็ต้องเป็นอีกเรื่องที่คุณจะต้องศึกษา ไม่แน่ว่าหากคุณสามารถมีรายได้ที่มากขึ้นจากอาชีพเสริมจนแซงรายได้เงินเดือนประจำ ทีนี้แหละครับคุณอาจจะเป็นฝ่ายขอลาออกงานเองก็เป็นได้
✅กรณีที่ 2 มีเงินเก็บ (สามารถใช้ชีวิตได้ประมาณ 6 เดือน) : สำหรับใครที่อยู่ในกรณีนี้ การมีเงินเก็บไม่ได้หมายถึงแค่ค่ากินค่าอยู่ธรรมดาแต่อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายโดยรวมด้วย เช่นว่า หากใครที่ต้องมีพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน บางที่อาจจะต้องตีเผื่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วยซ้ำ โดยรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเดือนอาจจะอยู่ที่ 15,000 ฉะนั้นนำไปคูณอีก 6 เดือน ก็แสดงว่าคุณต้องมีเงินเก็บทั้งหมดประมาณ 90,000 บาท เมื่อในยุคนี้เป็นยุคที่หางานประจำที่เลี้ยงชีพได้ยากจนคุณไม่อยากที่จะเริ่มต้นกับบริษัทไหนแล้ว แต่คุณมีเวลาคุณก็สามารถนำเวลาที่มีอยู่ไปศึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เสียหายเพราะใคร ๆ ก็เริ่มหันมาทำกัน
🌟โดยเฉพาะการขายของออนไลน์ที่สามารถเริ่มต้นทำได้เลย ซึ่งในตอนแรกถ้าคุณอยากมีรายได้จากการขายของออนไลน์ที่ไม่ต้องลงทุน คุณก็สามารถค้นหาร้านค้าที่รับตัวแทนจำหน่าย หรือ Dropship ที่น่าเชื่อถือทำไปก่อนซึ่งใครจะรู้ว่าคุณอาจจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้จากอาชีพนี้ก็เป็นได้ ดีกว่านำเงินที่คุณเก็บสะสมไว้แล้วนำมาลงทุน
เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าหากคุณลงทุนเงินก้อนนี้ไปมันจะได้กลับคืนมาหรือไม่ จนสุดท้ายเงินคุณหมดไปและต้องกลับไปเป็น ดั่งกรณีที่ 1 ที่ต้องดิ้นร้นหางาน เนื่องจากเงินที่เก็บสะสมไว้หมดแล้ว
และเผลอ ๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจมีหนี้สินติดออกมาจากการลงทุนด้วย
✅กรณีที่ 3 มีเงินเก็บ (สามารถใช้ชีวิตได้มากกว่า 6 เดือน ) : คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในลักษณะนี้ อาจจะเคยมีตำแหน่งที่สูงหรือมีเงินเดือนที่มาก จนเมื่อเกิดวิกฤติพวกเขาจึงไม่ค่อยที่จะลำบาก และแน่นอนว่าเขาจะต้องมีเงินเก็บจนสามารถลงทุนในธุรกิจเล็ก ๆ ได้ โดยไม่ต้องวิ่งไปสมัครงานที่ไหน
🤔แต่ทว่าในตอนแรกคุณอาจจะหาธุรกิจอะไรที่ลงทุนเล็ก ๆ ควบคู่กับการขายของออนไลน์ไปด้วยก็จะดีมาก เพราะถ้าหากคิดแค่จะขายของออนไลน์แบบ ตัวแทนจำหน่าย หรือ Dropship เมื่อไหร่ที่คุณหยุดขายคุณก็จะไม่ได้เงินในส่วนนี้ ฉะนั้น แต่ถ้าหากคุณมีธุรกิจอะไรสักอย่างที่เป็นของคุณและสามารถทำให้ระบบธุรกิจของคุณมันทำงานเอง เมื่อไหร่ที่คุณหยุดคุณก็ยังมีโอกาสได้รายได้จากทางนี้เพิ่มอีกนั้นเอง
💡💡ดังนั้น เมื่อรู้ตัวว่าตกงาน แน่นอนว่าทุกคนไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรณีไหนก็ตามถ้ามีเงินแล้วไม่นำมาต่อยอดเงินที่สะสมมาก็จะหมดไป ฉะนั้น การหาเงินที่ง่ายและสามารถทำได้เลยก็คงหนีไม่พ้นการทำธุรกิจออนไลน์ ที่ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องตัวของแต่ละคน ถ้าหากไม่มีเงินลงทุนหรือกลัวความเสี่ยงก็ต้องหางานทำที่เริ่มต้นจาก 0 ไปก่อน ซึ่งในยุคสมัยนี้ก็มีให้คุณเลือกทำตั้งมากมาย และผมเชื่อว่าทุกคนย่อมมีจังหวะในชีวิตที่ดี ถ้าคุณตั้งใจและเรียนรู้ไปกับสิ่งนั้นโอกาสที่คุณจะฟื้นตัวเร็วและไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใครคุณก็สามารถเลือกได้ทั้งนั้น
💚💚เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถึงแม้ว่าคุณจะตกงานหรือมีความเสี่ยงที่จะถูกเชิญออก การมีรายได้เสริมถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราไม่รู้ว่าวิกฤติจะมาอีกทีเมื่อไหร่ ฉะนั้น การปรับตัว ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ และผมก็อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยนะครับ หรือหากใครมีข้อสงสัยหรือมีไอเดียในการหาเงินเพิ่มเติมสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ✌️✌️
===========
วรัทภพ รชตนามวงษ์