คิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) หมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนแสนสวยฝั่งคันไซ ในจังหวัดเฮียวโงะ เดินทางก็สะดวก เพียงนั่งรถไฟจากเกียวโตหรือโอซาก้าไปถึงไม่เกิน 3 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยว เราก็ขอบอกต่อ 5 กิจกรรมที่ชาวคิโนะซากิเขาอยากให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ลองสัมผัสดู จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยค่ะ
1) แช่ออนเซ็น
กิจกรรมแรกที่บอกได้เลยค่ะว่าไม่ได้ทำก็คือมาไม่ถึง นั่นก็คือ การตะลอนแช่ออนเซ็นให้สมกับที่เป็นชื่อห้อยท้ายของหมู่บ้านนั่นเอง ที่นี่มีบ่อออนเซ็นสาธารณะอยู่ 7 แห่ง โดยมีจุดเด่นและบรรยากาศแตกต่างกันไป ให้นักท่องเที่ยวตะลอนแช่ได้แบบไม่ซ้ำกันเลย แถมแต่ละที่ก็ยังเดินถึงได้แบบไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป
สำหรับใครมาพักที่เรียวกังในหมู่บ้านบอกได้เลยว่าคุ้มสุดๆ เพราะจะได้บัตรผ่านสำหรับเข้าใช้บริการบ่อออนเซ็นได้ทั้ง 7 แห่งเลยล่ะค่ะ แต่ใครที่จะไปตะลอนแช่ออนเซ็นหลายๆ แห่งอยากแนะนำให้ประเมินสุขภาพตัวเองกันให้ดีนะคะ เพราะการแช่น้ำร้อนติดต่อกันเป็นเวลานานก็ส่งผลเสียกับร่างกายได้เหมือนกัน
ที่น่ารักสุดๆ คือชายหญิงคนแรกที่เข้าใช้บริการออนเซ็นเป็นคนแรกก็จะได้ป้ายที่ระลึก ซึ่งระบุชื่อออนเซ็น วันที่ใช้บริการ แถมข้อความสั้นๆ ไว้อีกด้วยค่ะ
2) สวมชุดยูกาตะและเกี๊ยะ เดินทัวร์ถ่ายรูปรอบๆ หมู่บ้าน
กิจกรรมที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของหมู่บ้านแห่งนี้เลยล่ะค่ะ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบเห็นได้ตลอด นั่นคือการสวมชุดยูกาตะและเกี๊ยะไปเดินทัวร์ถ่ายรูปรอบๆ หมู่บ้าน ยิ่งได้เดินเล่นในบรรยากาศร้านรวงแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นของหมู่บ้านคิโนะซากิด้วยแล้ว ดีต่อใจสุดๆ ค่า
โดยปกติแล้วภายในเรียวกังก็จะมีชุดยูกาตะแขวนไว้ในห้องพักให้ลูกค้าได้สวมใส่ออกไปถ่ายรูปเล่นรอบๆ หมู่บ้านได้ แต่ชุดก็จะมีลักษณะใกล้เคียงกัน ดังนั้นหากใครที่ชอบชุดยูกาตะที่มีลวดลายสวยไม่ซ้ำแบบใคร เราขอแนะนำให้ไปใช้บริการเช่าชุดที่ร้าน IROHA YUKATA SHOP & RENTAL เพราะมีชุดยูกาตะสวยๆ มากมายรวมไปถึงพร็อพและเครื่องประดับต่างๆ อีกทั้งยังมีพนักงานช่วยสอนใส่ชุดแบบครบวงจรสุดไปเลยล่ะค่ะ
แล้วก็อย่าลืมสวมเกี๊ยะน่ารักๆ ให้เข้ากับชุดแบบเต็มยศด้วยนะคะ เพราะเวลาที่เดินไปรอบๆ หมู่บ้านก็จะได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆ ของเกี๊ยะดังอยู่เนืองๆ ฟังแล้วเหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่นสมัยโบราณกันเลยทีเดียว
3) นั่งกระเช้าขึ้นเขา
ใครที่ชอบชมวิวจากมุมสูงๆ ก็ไม่ควรพลาดไปนั่งกระเช้าคิโนะซากิขึ้นเขา โดยสถานที่ขึ้นกระเช้าจะอยู่ลึกเข้าไปในหมู่บ้าน และมีปลายทางไปถึงยอดเขาไดชิ ระหว่างทางเองก็จะแวะจอดที่ทางเข้าวัดออนเซนจิ วัดเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 738 สามารถลงจากกระเช้าไปเดินชมวัดได้ด้วย
หรือใครจะตรงไปลงบนยอดเขาก็มีคาเฟ่สวยๆ รอต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นเดียวกัน ที่คาเฟ่เองก็มีเครื่องดื่มหอมๆ พร้อมทั้งขนมแสนอร่อยให้นั่งทานได้ โดยจะมีบริเวณลานสำหรับให้นั่งชมบรรยากาศรอบๆ รวมถึงจุดชมวิวที่มองหมู่บ้านคิโนะซากิออนเซ็นจากมุมสูง ไกลออกไปก็จะเห็นวิวทะเลสวยๆ ซึ่งเป็นวิวที่ได้รับรางวัล Michelin Green Guide Japan อีกด้วยค่ะ
4) นอนเรียวกังสักแห่ง
มาเที่ยวเมืองเก่า ยังไงก็ต้องแวะมาพักที่เรียวกังบรรยากาศดีๆ ในหมู่บ้านที่มีหลากหลายถึง 74 แห่งเลยล่ะค่ะ มีตั้งแต่เรียวกังสุดหรูไปจนถึงเรียวกังราคาย่อมเยาที่แตกต่างกันไปทั้งทำเลและรูปแบบห้องพัก ซึ่งมีทั้งสไตล์ญี่ปุ่นแท้และแบบผสมผสานกับสไตล์ยุโรป
สำหรับใครที่คิดว่าการพักที่เรียวกังแบบญี่ปุ่นนั้นก็เหมือนกับการพักแรมตามที่พักทั่วไป บอกได้เลยว่าพลาดมาก! เพราะนอกจากเราจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ แล้วยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น ทั้งการต้อนรับ การบริการแขก อาหารแบบดั้งเดิม รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบฉบับคนญี่ปุ่นที่อาจไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยค่ะ
เมนูอาหารที่จัดมาบริการแขกที่เข้าพักนั้นก็อลังการไม่แพ้กัน โดยส่วนมากนั้นตามเรียวกังมักจะรวมแพ็คเกจอาหารเช้าหรือเย็นไว้ด้วย โดยเฉพาะเซ็ตอาหารเย็นที่จัดเต็มด้วยวัตถุดิบแบบอัดแน่นไปด้วยคุณภาพจากภายในท้องถิ่น เช่น ปูหิมะในฤดูหนาว เนื้อทาจิมะซึ่งเป็นเนื้อวัวขึ้นชื่อของแถบนี้ที่มีให้กินตลอดทั้งปี
5) เวิร์คช็อปงานคราฟต์
ปิดท้ายกับกิจกรรมสุดสร้างสรรค์สำหรับคนรักงานคราฟต์ ซึ่งที่คิโนะซากินั้นเป็นต้นกำเนิดของงานหัตถกรรมจากฟาง หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “มุกิวาระไซกุ” ถือเป็นสินค้าที่มีความงดงามจากลวดลายละเอียดและประณีตสุดๆ แต่ในปัจจุบันที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญในงานนี้อยู่ไม่มาก
หากใครที่สนใจอยากจะลองทำงานคราฟต์ชนิดนี้ มีสองที่ที่เราสามารถเรียนรู้ความเป็นมาของงานคราฟต์จากฟาง อีกทั้งมีเวิร์คช็อปที่เราสามารถลองทำงานคราฟต์ได้ด้วยนะคะ สำหรับใครที่ไม่ได้ถนัดหรือเชี่ยวชาญในเรื่องงานฝีมือมากนักก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะที่พิพิธภัณฑ์งานคราฟต์จากฟาง (Straw Craft Museum) นั้นจะมีการเตรียมวัสดุอย่างพวกฟางสีๆ เตรียมไว้ให้เรียบร้อยพร้อมนำไปติดเป็นลวดลายตามแบบที่ชอบได้เลย
แต่หากใครที่อยากจะเรียนรู้วิธีการทำมุกิวาระไซกุแบบลงลึก ขอแนะนำ ร้านคามิยะมินเก (Kamiya Mingei Shop) เลยค่ะ เขาจะแสดงให้เราเห็นทุกๆ ขั้นตอนในการทำงานฝีมือ อีกทั้งที่ร้านนี้ยังมีกล่องไม้ให้เราได้สร้างสรรค์ตกแต่งด้วยฟางตามรูปแบบที่เราชอบ ให้เป็นงานคราฟต์ที่มีแค่ชิ้นเดียวในโลกไปครอบครองกันได้แบบน่ารักสุดๆ ไปเลย
ทุกคนเคยไปเที่ยวคิโนะซากิแล้วทำกิจกรรมไหนแล้วบ้าง คอมเมนต์บอกกันด้วยนะคะ
ชื่อสินค้า: กิจกรรม คิโนะซากิออนเซ็น
[SR] 5 ลิสต์กิจกรรมชวนไปตำที่ “คิโนะซากิออนเซ็น”
1) แช่ออนเซ็น
สำหรับใครมาพักที่เรียวกังในหมู่บ้านบอกได้เลยว่าคุ้มสุดๆ เพราะจะได้บัตรผ่านสำหรับเข้าใช้บริการบ่อออนเซ็นได้ทั้ง 7 แห่งเลยล่ะค่ะ แต่ใครที่จะไปตะลอนแช่ออนเซ็นหลายๆ แห่งอยากแนะนำให้ประเมินสุขภาพตัวเองกันให้ดีนะคะ เพราะการแช่น้ำร้อนติดต่อกันเป็นเวลานานก็ส่งผลเสียกับร่างกายได้เหมือนกัน
ที่น่ารักสุดๆ คือชายหญิงคนแรกที่เข้าใช้บริการออนเซ็นเป็นคนแรกก็จะได้ป้ายที่ระลึก ซึ่งระบุชื่อออนเซ็น วันที่ใช้บริการ แถมข้อความสั้นๆ ไว้อีกด้วยค่ะ
2) สวมชุดยูกาตะและเกี๊ยะ เดินทัวร์ถ่ายรูปรอบๆ หมู่บ้าน
กิจกรรมที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของหมู่บ้านแห่งนี้เลยล่ะค่ะ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบเห็นได้ตลอด นั่นคือการสวมชุดยูกาตะและเกี๊ยะไปเดินทัวร์ถ่ายรูปรอบๆ หมู่บ้าน ยิ่งได้เดินเล่นในบรรยากาศร้านรวงแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นของหมู่บ้านคิโนะซากิด้วยแล้ว ดีต่อใจสุดๆ ค่า
โดยปกติแล้วภายในเรียวกังก็จะมีชุดยูกาตะแขวนไว้ในห้องพักให้ลูกค้าได้สวมใส่ออกไปถ่ายรูปเล่นรอบๆ หมู่บ้านได้ แต่ชุดก็จะมีลักษณะใกล้เคียงกัน ดังนั้นหากใครที่ชอบชุดยูกาตะที่มีลวดลายสวยไม่ซ้ำแบบใคร เราขอแนะนำให้ไปใช้บริการเช่าชุดที่ร้าน IROHA YUKATA SHOP & RENTAL เพราะมีชุดยูกาตะสวยๆ มากมายรวมไปถึงพร็อพและเครื่องประดับต่างๆ อีกทั้งยังมีพนักงานช่วยสอนใส่ชุดแบบครบวงจรสุดไปเลยล่ะค่ะ
แล้วก็อย่าลืมสวมเกี๊ยะน่ารักๆ ให้เข้ากับชุดแบบเต็มยศด้วยนะคะ เพราะเวลาที่เดินไปรอบๆ หมู่บ้านก็จะได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆ ของเกี๊ยะดังอยู่เนืองๆ ฟังแล้วเหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่นสมัยโบราณกันเลยทีเดียว
3) นั่งกระเช้าขึ้นเขา
หรือใครจะตรงไปลงบนยอดเขาก็มีคาเฟ่สวยๆ รอต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นเดียวกัน ที่คาเฟ่เองก็มีเครื่องดื่มหอมๆ พร้อมทั้งขนมแสนอร่อยให้นั่งทานได้ โดยจะมีบริเวณลานสำหรับให้นั่งชมบรรยากาศรอบๆ รวมถึงจุดชมวิวที่มองหมู่บ้านคิโนะซากิออนเซ็นจากมุมสูง ไกลออกไปก็จะเห็นวิวทะเลสวยๆ ซึ่งเป็นวิวที่ได้รับรางวัล Michelin Green Guide Japan อีกด้วยค่ะ
4) นอนเรียวกังสักแห่ง
มาเที่ยวเมืองเก่า ยังไงก็ต้องแวะมาพักที่เรียวกังบรรยากาศดีๆ ในหมู่บ้านที่มีหลากหลายถึง 74 แห่งเลยล่ะค่ะ มีตั้งแต่เรียวกังสุดหรูไปจนถึงเรียวกังราคาย่อมเยาที่แตกต่างกันไปทั้งทำเลและรูปแบบห้องพัก ซึ่งมีทั้งสไตล์ญี่ปุ่นแท้และแบบผสมผสานกับสไตล์ยุโรป
สำหรับใครที่คิดว่าการพักที่เรียวกังแบบญี่ปุ่นนั้นก็เหมือนกับการพักแรมตามที่พักทั่วไป บอกได้เลยว่าพลาดมาก! เพราะนอกจากเราจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ แล้วยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น ทั้งการต้อนรับ การบริการแขก อาหารแบบดั้งเดิม รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบฉบับคนญี่ปุ่นที่อาจไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยค่ะ
5) เวิร์คช็อปงานคราฟต์
ปิดท้ายกับกิจกรรมสุดสร้างสรรค์สำหรับคนรักงานคราฟต์ ซึ่งที่คิโนะซากินั้นเป็นต้นกำเนิดของงานหัตถกรรมจากฟาง หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “มุกิวาระไซกุ” ถือเป็นสินค้าที่มีความงดงามจากลวดลายละเอียดและประณีตสุดๆ แต่ในปัจจุบันที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญในงานนี้อยู่ไม่มาก
ทุกคนเคยไปเที่ยวคิโนะซากิแล้วทำกิจกรรมไหนแล้วบ้าง คอมเมนต์บอกกันด้วยนะคะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้