เกริ่นก่อนว่านี่คือรีวิวฉบับแรกในชีวิตของผม แรกเริ่มจะเขียนเก็บไว้อ่านเองแต่ไหน ๆ ก็จะเขียนแล้วจึงอยากให้ทุกท่านได้เข้ามาอ่านเพื่อทำการวิพากษ์ด้วย หากมีข้อผิดพลาดด้านเนื้อหา อักขระวิธี หรือ อะไรก็ตามแต่ ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
เริ่ม !!!
กลับมาอีกครั้งกับภาคต่อของ ทรชนคนปล้นโลก หรือ La Casa De Papel ภาคที่ 5 รีวิวฉบับนี้จะเป็นการรีวิว 5 ตอนแรกของ ภาคนี้ครับ ส่วนอีก 5 ตอนสุดท้ายจะมาใน วันที่ 3 ธันวาคม 2021 ซึ่งก็น่าจะเป็นภาคสุดท้ายของมหากาพย์อันยาวนานแห่งการปล้นธนาคารกลางสเปนของกลุ่มชุดหมีแดง
เนื้อเรื่องของภาคนี้ก็จะดำเนินต่อจากภาค 4 อย่างต่อเนื่องทันที โดยในภาคนี้ศาสตราจารย์จะมีบทบาทค่อนข้างน้อย เราจะไม่ค่อยได้เห็นความฉลาดของศาสตราจารย์ ที่ทำให้รู้สึกอึ้ง ทึ่ง มากเหมือนภาคก่อนหน้านี้
เนื้อเรื่องในภาคนี้จะโฟกัสไปที่ การต่อสู้ที่อลังการ คือมันส์ระดับ ระเบิดภูเขา เผาใบกระท่อมกันเลยทีเดียว ประกอบกับโฟกัสไปที่มุมมองความคิดความอ่าน และ ดราม่าของตัวละครลึกยิ่งขึ้นไปอีก ก็ตามฉบับของซีรีส์เรื่องนี้ คือ เนื้อเรื่องเป็นไปได้ค่อนข้างกระชับและรวดเร็ว การดำเนินเรื่องจากจุด A – B ทำได้ค่อนข้างลื่นไหลพอสมควร
ความรู้สึกหลังดูจบ
......หลังดูเรื่องนี้จบแล้วผมรู้สึก
อืม...ก็เหมือนเดิมนี่หว่า ตั้งแต่ภาค 1 วินาทีแรกจนถึง ภาค 5 ครึ่งแรกในนาทีสุดท้าย เนื้อเรื่องไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นการกำกับภาพ เสียง ที่ดูจะมีงบมากขึ้นเลยอลังการมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง ใครที่สรรหาหนังตลาดที่ดูเอามันส์ ฉากต่อสู้ที่ค่อนข้างโบราณอย่างกับหลุดมาจากหนังยุคแรมโบ้ เรื่องนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์และฆ่าเวลาคุณในช่วงโควิดแบบนี้ได้ดีพอสมควร
ข้อดีของเรื่องนี้ที่ทำให้ผมติดตามาแต่แรกคือความฉลาดหลักแหลมของศาสตราจารย์และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มันดูลุ้นระทึก ทุกวินาที แต่กลับมาในภาคนี้เราแทบจะไม่ได้เจออะไรแบบนั้น ภาคนี้เล่นดราม่าได้ทุกวินาทีทั้งก่อนตาย และ หลังตายไปแล้ว ตัวละครก็ไร้เหตุผลในบางครั้งทั้งฝ่ายตำรวจ และ ฝ่ายโจร ยิ่งฝ่ายโจรด้วยกันนี่โคตรจะดราม่าสุด ๆ คือมันดราม่าระดับเดียวกับพวกละครพีเรียดเลยครับ
ตัวละครที่พอน่าสนใจมากที่สุดก็น่าจะเป็น สารวัตรสาวท้องแก่ใกล้คลอดนี่แหละเธอแซ่บดีจริง ๆ ส่วนศาสตราจารย์ภาคนี้บทน้อยใกล้เคียงกับตัวประกอบ แม้ในตอนหลังจะถูกอาลิเซียปล่อยตัวแล้วก็ตาม สาเหตุที่เรื่องนี้มันแย่เพราะ
“ มันพยายามเป็นทุกอย่างมากจนเกินพอดี เลยพังไปหมด “
ในภาคนี้เราแทบจะไม่ได้สัมผัสคีย์หลักของการปล้น หรือ ความสนุกสนาน ลุ้น ระทึก ที่หลับตาแทบไม่ได้เหมือนภาคแรก ๆ ที่ปล้นโรงกษาปณ์หรือปล้นธนาคารกลางช่วงแรก ๆ เรื่องนี้มันพยายามยัดทั้งความบู๊แหลก เศร้า ดราม่า เพื่อนตาย อกหัก
ซึ่งผมก็เข้าใจว่าซีรีส์เรื่องนี้เขาพยายามจะสื่อให้เรารู้ตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่าการปล้นและความรัก มิตรภาพ หรือ ความสัมพันธ์ ถ้ามันอยู่รวมกันมันจะกลายเป็นความวิบัติ
และ แผนต่าง ๆ ก็จะพังไปเสียหมด ซึ่งก็ถูกแต่ยังไงภาคนี้ก็ยัดเยียดความดราม่ามากจนเกินเหตุไปจริง ๆ ครับ เพราะ คีย์หลักของเรื่องคือศาสตราจารย์ และในภาคนี้คือมันเขาไม่มีบทเลย
เนื้อเรื่องภาคนี้มันพยายามแสดงความอาร์ต แสดงความแอคชั่น มันพยายามเป็นทุกอย่างมากเกินไป ยิ่งในฉากที่สลับกลับไปอดีตบ่อย ๆ และ พรรณนาเพ้อพกถึงวันวานก่อนออกปล้นนี่ผมดูแล้วอยากจะคลื่นไส้และเบือนหน้าหนีเลยทีเดียว นอกจากไม่มีประโยชน์ต่อเนื้อเรื่องแล้วยังดราม่าไม่รู้จักเวลา ยิง ๆ กันอยู่หนัก ๆ ตัดเข้าดราม่าเฉย
ยิ่งถ้าเราพูดถึงความสมเหตุ สมผล ของตัวละครฝั่งโจรนี่ยิ่งหนักใจครับมันตามอารมณ์ล้วน ๆ จนแผนผิดแผนพังไปหมด บางคนใจร้อนเกิน บางคนขี้กลัว บางคนก็ไม่กล้าตัดสินใจ อาจเป็นเพราะตัวละครอย่างไนโรบีที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ เป็นพี่สาวคนโตในกลุ่มก็ตายไปแล้ว
พูดถึงฉากบู๊ดูแรก ๆ ก็สนุกสะใจดีแหละ แต่ดูไปดูมามันโคตรจะเชยอย่างกับหนังยุคแรมโบ้ ไม่ก็หนังแอ็คชั่นยุค 2000s ต้น ๆ ครับ มันไม่มีเทคนิค หรือ อะไรเลย ยัดแต่การกราดยิงหนัก ๆ ระเบิดหนัก ๆ ไอหน่วยคอมมานโดที่เหมือนจะเก่ง แต่สุดท้ายก็รบกระจอกแบบไม่ค่อยเข้าท่า สาดกระสุนกันนัวมั่วไปหมด (แต่ก็พอมียุทธวิธีเจ๋ง ๆ ให้เห็นอยู่บ้างนะถึงจะเวอร์สุด ๆ ก็ตาม)
สุดท้ายนี้จากใจคนตามมหากาพย์เรื่องนี้มา 3 ปี ผิดหวังครับ แม้จะไม่ได้หวังมากแต่ก็อยากให้มันคงเส้น คงวา ไม่ใช่ทำตัวจับฉ่าย อะไรก็ไม่รู้แบบภาคนี้ ท่านใดมีเวลาว่างกับครอบครัว อยากหาหนัง หาซีรีส์สนุกสนานพอสมควร พลอตเดิม ๆ เหมือนหนังยุคก่อน แต่เอฟเฟค ตระกาลตาใช้ได้ ดูแบบสมองโล่ง ๆ ไม่ต้องคิดอะไร ทรชนคนปล้นโลกภาคนี้ก็ถือว่ายังตอบโจทย์และผ่านอยู่ครับ
การให้คะแนน
เนื้อเรื่อง : 3
การนำเสนอ : 4
ฉากและการกำกับ : 8
สรุปคะแนน : 5 คะแนน
อยู่ในเกณฑ์พอดูเอามันส์ครับ
ก็ขอจากลาไปแต่เพียงเท่านี้ เชิญทุกท่านวิพากษ์ได้อย่างอิสระ เสรี สวัสดีครับผม
[SR] [มือใหม่หัดรีวิว] La Casa De Papel (Season 5 ครึ่งแรก) ซีรีส์ปล้นแบงก์ ที่ยัดความเป็นทุกอย่างมากจนเกือบพัง
เริ่ม !!!
กลับมาอีกครั้งกับภาคต่อของ ทรชนคนปล้นโลก หรือ La Casa De Papel ภาคที่ 5 รีวิวฉบับนี้จะเป็นการรีวิว 5 ตอนแรกของ ภาคนี้ครับ ส่วนอีก 5 ตอนสุดท้ายจะมาใน วันที่ 3 ธันวาคม 2021 ซึ่งก็น่าจะเป็นภาคสุดท้ายของมหากาพย์อันยาวนานแห่งการปล้นธนาคารกลางสเปนของกลุ่มชุดหมีแดง
เนื้อเรื่องของภาคนี้ก็จะดำเนินต่อจากภาค 4 อย่างต่อเนื่องทันที โดยในภาคนี้ศาสตราจารย์จะมีบทบาทค่อนข้างน้อย เราจะไม่ค่อยได้เห็นความฉลาดของศาสตราจารย์ ที่ทำให้รู้สึกอึ้ง ทึ่ง มากเหมือนภาคก่อนหน้านี้
เนื้อเรื่องในภาคนี้จะโฟกัสไปที่ การต่อสู้ที่อลังการ คือมันส์ระดับ ระเบิดภูเขา เผาใบกระท่อมกันเลยทีเดียว ประกอบกับโฟกัสไปที่มุมมองความคิดความอ่าน และ ดราม่าของตัวละครลึกยิ่งขึ้นไปอีก ก็ตามฉบับของซีรีส์เรื่องนี้ คือ เนื้อเรื่องเป็นไปได้ค่อนข้างกระชับและรวดเร็ว การดำเนินเรื่องจากจุด A – B ทำได้ค่อนข้างลื่นไหลพอสมควร
ความรู้สึกหลังดูจบ
......หลังดูเรื่องนี้จบแล้วผมรู้สึก อืม...ก็เหมือนเดิมนี่หว่า ตั้งแต่ภาค 1 วินาทีแรกจนถึง ภาค 5 ครึ่งแรกในนาทีสุดท้าย เนื้อเรื่องไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นการกำกับภาพ เสียง ที่ดูจะมีงบมากขึ้นเลยอลังการมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง ใครที่สรรหาหนังตลาดที่ดูเอามันส์ ฉากต่อสู้ที่ค่อนข้างโบราณอย่างกับหลุดมาจากหนังยุคแรมโบ้ เรื่องนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์และฆ่าเวลาคุณในช่วงโควิดแบบนี้ได้ดีพอสมควร
ข้อดีของเรื่องนี้ที่ทำให้ผมติดตามาแต่แรกคือความฉลาดหลักแหลมของศาสตราจารย์และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มันดูลุ้นระทึก ทุกวินาที แต่กลับมาในภาคนี้เราแทบจะไม่ได้เจออะไรแบบนั้น ภาคนี้เล่นดราม่าได้ทุกวินาทีทั้งก่อนตาย และ หลังตายไปแล้ว ตัวละครก็ไร้เหตุผลในบางครั้งทั้งฝ่ายตำรวจ และ ฝ่ายโจร ยิ่งฝ่ายโจรด้วยกันนี่โคตรจะดราม่าสุด ๆ คือมันดราม่าระดับเดียวกับพวกละครพีเรียดเลยครับ
ตัวละครที่พอน่าสนใจมากที่สุดก็น่าจะเป็น สารวัตรสาวท้องแก่ใกล้คลอดนี่แหละเธอแซ่บดีจริง ๆ ส่วนศาสตราจารย์ภาคนี้บทน้อยใกล้เคียงกับตัวประกอบ แม้ในตอนหลังจะถูกอาลิเซียปล่อยตัวแล้วก็ตาม สาเหตุที่เรื่องนี้มันแย่เพราะ
“ มันพยายามเป็นทุกอย่างมากจนเกินพอดี เลยพังไปหมด “
ในภาคนี้เราแทบจะไม่ได้สัมผัสคีย์หลักของการปล้น หรือ ความสนุกสนาน ลุ้น ระทึก ที่หลับตาแทบไม่ได้เหมือนภาคแรก ๆ ที่ปล้นโรงกษาปณ์หรือปล้นธนาคารกลางช่วงแรก ๆ เรื่องนี้มันพยายามยัดทั้งความบู๊แหลก เศร้า ดราม่า เพื่อนตาย อกหัก
ซึ่งผมก็เข้าใจว่าซีรีส์เรื่องนี้เขาพยายามจะสื่อให้เรารู้ตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่าการปล้นและความรัก มิตรภาพ หรือ ความสัมพันธ์ ถ้ามันอยู่รวมกันมันจะกลายเป็นความวิบัติ และ แผนต่าง ๆ ก็จะพังไปเสียหมด ซึ่งก็ถูกแต่ยังไงภาคนี้ก็ยัดเยียดความดราม่ามากจนเกินเหตุไปจริง ๆ ครับ เพราะ คีย์หลักของเรื่องคือศาสตราจารย์ และในภาคนี้คือมันเขาไม่มีบทเลย
เนื้อเรื่องภาคนี้มันพยายามแสดงความอาร์ต แสดงความแอคชั่น มันพยายามเป็นทุกอย่างมากเกินไป ยิ่งในฉากที่สลับกลับไปอดีตบ่อย ๆ และ พรรณนาเพ้อพกถึงวันวานก่อนออกปล้นนี่ผมดูแล้วอยากจะคลื่นไส้และเบือนหน้าหนีเลยทีเดียว นอกจากไม่มีประโยชน์ต่อเนื้อเรื่องแล้วยังดราม่าไม่รู้จักเวลา ยิง ๆ กันอยู่หนัก ๆ ตัดเข้าดราม่าเฉย
ยิ่งถ้าเราพูดถึงความสมเหตุ สมผล ของตัวละครฝั่งโจรนี่ยิ่งหนักใจครับมันตามอารมณ์ล้วน ๆ จนแผนผิดแผนพังไปหมด บางคนใจร้อนเกิน บางคนขี้กลัว บางคนก็ไม่กล้าตัดสินใจ อาจเป็นเพราะตัวละครอย่างไนโรบีที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ เป็นพี่สาวคนโตในกลุ่มก็ตายไปแล้ว
พูดถึงฉากบู๊ดูแรก ๆ ก็สนุกสะใจดีแหละ แต่ดูไปดูมามันโคตรจะเชยอย่างกับหนังยุคแรมโบ้ ไม่ก็หนังแอ็คชั่นยุค 2000s ต้น ๆ ครับ มันไม่มีเทคนิค หรือ อะไรเลย ยัดแต่การกราดยิงหนัก ๆ ระเบิดหนัก ๆ ไอหน่วยคอมมานโดที่เหมือนจะเก่ง แต่สุดท้ายก็รบกระจอกแบบไม่ค่อยเข้าท่า สาดกระสุนกันนัวมั่วไปหมด (แต่ก็พอมียุทธวิธีเจ๋ง ๆ ให้เห็นอยู่บ้างนะถึงจะเวอร์สุด ๆ ก็ตาม)
สุดท้ายนี้จากใจคนตามมหากาพย์เรื่องนี้มา 3 ปี ผิดหวังครับ แม้จะไม่ได้หวังมากแต่ก็อยากให้มันคงเส้น คงวา ไม่ใช่ทำตัวจับฉ่าย อะไรก็ไม่รู้แบบภาคนี้ ท่านใดมีเวลาว่างกับครอบครัว อยากหาหนัง หาซีรีส์สนุกสนานพอสมควร พลอตเดิม ๆ เหมือนหนังยุคก่อน แต่เอฟเฟค ตระกาลตาใช้ได้ ดูแบบสมองโล่ง ๆ ไม่ต้องคิดอะไร ทรชนคนปล้นโลกภาคนี้ก็ถือว่ายังตอบโจทย์และผ่านอยู่ครับ
การให้คะแนน
เนื้อเรื่อง : 3
การนำเสนอ : 4
ฉากและการกำกับ : 8
สรุปคะแนน : 5 คะแนน
อยู่ในเกณฑ์พอดูเอามันส์ครับ
ก็ขอจากลาไปแต่เพียงเท่านี้ เชิญทุกท่านวิพากษ์ได้อย่างอิสระ เสรี สวัสดีครับผม
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้