คือสอนยังไง ดุต่อว่ายังไง ก็ไม่สะทกสะท้าน เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
ก็ต้องหาวิธีกระตุ้นให้คิดมาก ทำแค่ 1-2 ครั้งพอ
นั่นก็คือการ หาเรื่องที่ดุแล้วเด็กจะรู้สึกเจ็บมาจี้บ่อยๆ หาเรื่องที่จี้ใจดำเด็กเอามาประกอบการสั่งสอน ก็พูดจี้ให้รู้สึกแทงใจดำไปเลย
ทั้งหมดนี้ต้องเป็นเรื่องที่เด็กเคยผิดจริงๆ
หลังจากนั้นไม่ต้องทำแล้ว ให้ดุด่าตามปกติ คนเราพอเคยมีแผล(ในจิตใจ) หลังจากนั้นแค่พูดเรื่องที่เขาไม่เคยสะทกสะท้าน ดุด่าตามปกติ เขาก็จะรู้สึกเจ็บ และฉุกคิดบ้าง อันเนื่องมาจากเราเปิดแผลจากการจี้ใจดำมาแล้ว 1-2 ครั้ง
เปรียบเสมือนวัคซีน (การด่าแบบแทงใจดำ) พูดกระตุ้นสัก 1-2 ครั้งให้เกิดแผลในจิตใจ หลังจากนั้นจากคนที่ไม่สะทกสะท้าน
กำแพงพวกนี้จะพังทลาย แค่ดุด่าปกติก็จะไม่ทำหูทวนลมแล้ว สะทกสะท้านแล้ว
เทคนิคนี้ใช้ทำให้เด็กที่พูดสั่งสอนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาได้ผลใช่ไหมครับ
ด้วยเทคนิคการเปิดแผลในจิตใจสัก 1-2 ครั้ง แล้วครั้งถัดๆไปดุด่า เขาก็จะฟังเรามากขึ้น
ใช้ได้จริงไหมครับ
ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง สอนไม่จำ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา วิธีแบบนี้ช่วยให้กระตุ้นได้ผลไหมครับ
ก็ต้องหาวิธีกระตุ้นให้คิดมาก ทำแค่ 1-2 ครั้งพอ
นั่นก็คือการ หาเรื่องที่ดุแล้วเด็กจะรู้สึกเจ็บมาจี้บ่อยๆ หาเรื่องที่จี้ใจดำเด็กเอามาประกอบการสั่งสอน ก็พูดจี้ให้รู้สึกแทงใจดำไปเลย
ทั้งหมดนี้ต้องเป็นเรื่องที่เด็กเคยผิดจริงๆ
หลังจากนั้นไม่ต้องทำแล้ว ให้ดุด่าตามปกติ คนเราพอเคยมีแผล(ในจิตใจ) หลังจากนั้นแค่พูดเรื่องที่เขาไม่เคยสะทกสะท้าน ดุด่าตามปกติ เขาก็จะรู้สึกเจ็บ และฉุกคิดบ้าง อันเนื่องมาจากเราเปิดแผลจากการจี้ใจดำมาแล้ว 1-2 ครั้ง
เปรียบเสมือนวัคซีน (การด่าแบบแทงใจดำ) พูดกระตุ้นสัก 1-2 ครั้งให้เกิดแผลในจิตใจ หลังจากนั้นจากคนที่ไม่สะทกสะท้าน
กำแพงพวกนี้จะพังทลาย แค่ดุด่าปกติก็จะไม่ทำหูทวนลมแล้ว สะทกสะท้านแล้ว
เทคนิคนี้ใช้ทำให้เด็กที่พูดสั่งสอนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาได้ผลใช่ไหมครับ
ด้วยเทคนิคการเปิดแผลในจิตใจสัก 1-2 ครั้ง แล้วครั้งถัดๆไปดุด่า เขาก็จะฟังเรามากขึ้น
ใช้ได้จริงไหมครับ