@@@ วันพระราชทานธงชาติไทย @@@

กระทู้คำถาม
https://mgronline.com/politics/detail/9640000096101
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
จากหนังสือ "พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าแผ่นดืนสยาม" ของวีชาติ  มีชูบท

      มูลเหตุสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริให้เปลี่ยนธงชาติจากธงช้างมาเป็นธงไตรรงค์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ นั้นกล่าวกันว่า น่าจะมีสาเหตุมาจากธงช้างซึ่งเป็นมีภาพพิมพ์รูปช้างบนผืนธงสีแดงนั้นเป็นของที่ต้องสั่งทำจากต่างประเทศ  ทั้งมีราคาสูง  นอกจากนั้นยังปรากฏอีกว่า “...ธงสำหรับชักในเรือทั้งหลายของพ่อค้า  แลสาธารณชน   บรรดาที่เปนชาติชาวสยามยังไม่เหมาะ  โดยที่ใช้อยู่ทุกวันนี้แม้แลแต่ไกลแล้ว  เห็นผิดแผกกับธงราชการน้อยนัก  แลทั้งรูปช้างที่ใช้กันอยู่ก็ไม่งดงาม  จนเกือบไม่ทราบว่าช้างหรืออะไร  เปนเพราะวาดรูปช้างนั้นเปนการลำบากนั่นเอง...”  
    
       แต่มูลเหตุสำคัญที่ทำให้ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเปลี่ยนธงชาติจากธงช้างมาเป็นธงไตรรงค์นั้น  “...เพราะทรงพระราชดำริห์ว่า  ธงช้างทำยาก  และไม่คร่ได้ทำแพร่หลายในประเทศ  ที่มีขายอยู่ดาษดื่นในตลาดมักจะเปนธงที่ทำมาจากต่างประเทศ  ประเทศที่ทำไม่รู้จักช้าง  ทำรูปร่างไม่น่าดู  ทั้งคนใช้ถ้าไม่ระวังก็มักจะชักธงกลับ...”   ดังเช่นที่จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม  สุนทรเวช) ได้กล่าวถึงเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรราษฎรประดับธงช้างกลับหัว  “...ในลักษณะช้างนอนหงาย, เอาสี่เท้าชี้ฟ้า...”    เมื่อวันที่  ๑๓  กันยายน  พ.ศ. ๒๔๕๙  คราวเสด็จพระราชดำเนินไปวัดเขาสะแกกรัง  เมืองอุทัยธานีว่า “...เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นธงผืนที่กล่าวนั้น, ..ฉับพลันสายพระเนตรก็แปรไปเมินมองทางอื่น,  เสมือนมิได้มีสิ่งใดเป็นที่พึงสังเกตผิดปกติเกิดขึ้น,  แต่ทว่าสีพระพักตร์นั่นสิ,  ...ดูประหนึ่งจะทรงมีความสะเทือนพระราชหฤทัยไปในทางสลดสังเวชมากกว่าทรงพระพิโรธ, หรือไม่พอพระทัยอย่างใดอย่างหนึ่ง,...”   อาจจะเป็นเพราะทรงตระหนักในพระราชหฤทัยถึงความรีบร้อนของราษฎรที่มุ่งหมายจะแสดงความจงรักภักดีให้ปรากฏ  แต่การชักธงชาติกลับหัวนี้มีแบบธรรมเนียมสากลทางทหารที่ถือกันว่า การชักธงกลับหัวนั้นเป็นเครื่องหมายของการยอมแพ้  หรือสถานที่นั้นถูกยึดครองโดยอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว  ฉะนั้นการที่มีพระราชดำริให้เปลี่ยนธงช้างมาเป็นธงริ้วแดงสลับขาวรวมกันเป็นห้าแถบเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๙ นั้น  จึงน่าจะมาจากสาเหตุดังกล่าว  เพราะธงริ้วแดงสลับขาวห้าแถบที่โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐ์ขึ้นใหม่นั้นไม่ว่าจะประดับหรือชักขึ้นเสาอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะกลับหัวไปได้  
    
         อนึ่ง ภายหลังจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธงริ้วแดงสลับขาวรวมห้าแถบเป็นธงค้าขายสำหรับชักในเรือของพ่อค้าและสาธารณชนแทนธงช้างเดิมมาตั้งแต่วันที่  ๑  มกราคม  พ.ศ. ๒๔๕๙ แล้ว  ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้ชักธงค้าขายนี้ขึ้นที่เสาธงในบริเวณสนามเสือป่าเพื่อให้ผู้ที่ได้พบเห็นได้ร่วมแสดงความคิดเห็น  และเมื่อผู้ใช้นามแฝงว่า “อะแควเรียส” ได้เขียนบทความแสดงความคิดเห็นลงในหนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ เดลิเมล์ ฉบับวันที่  ๑๕  กันยายน  พ.ศ. ๒๔๖๐  โดยได้เสนอความห็นไว้ว่า
“...ริ้วแดงกลางควรจะเปลี่ยนเปนสีน้ำเงิน  ดังนี้ริ้วขาวที่กระหนาบสงข้างประกอบกับริ้วน้ำเงินกลางก็จะรวมกันเปนสีส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และสีแดงกับขาวที่ริมประกอบกันก็จะเปนสีสำหรับชาติ  และด้วยประการฉะนี้กรุงสยามก็จะได้มีธงสีแดง,  ฃาว,  กับน้ำเงิน  อันเปนสีธงสามสี (ฝรั่งเศส),  ยูเนียนแย๊ก (อังกฤษ),  และธงดาวและริ้ว (อะเมริกัน)  

        ดังนี้  ถ้ามีธงใหม่ขึ้นเช่นว่านี้  ก็จะได้เปนเครื่องหมายกิจการสำคัญยิ่งอัน ๑ ในตำนานประเทศนี้  และการที่ใช้สามสีนี้สัมพันธมิตร์สำคัญๆ ของกรุงสยามก็จะรู้สึกว่าเปนการยกย่องเฃาเปนแน่แท้  ทั้งการที่มีสีส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวอยู่ด้วยนั้น  ก็จะเปนเครื่องเคือนให้ระลึกถึงสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามในสมัยเมื่อประเทศนี้ได้ดำเนินไปในขั้นสำคัญอย่างยิ่ง...”

      จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ช่างเขียนลองเขียนรูปธง  โดยเปลี่ยนแถบสีแดงที่กลางผืนธงมาเป็นสีน้ำเงินแก่อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ  ครั้นได้ทอดพระเนตรแบบธงใหม่นั้นแล้ว  ทรง “...ยอมรับว่า ฃองเขาขำขึ้นกว่าธงที่ใช้อยู่บัดนี้...”   จึงได้ทรงนำเรื่องการเปลี่ยนธงชาตินี้เข้าปรึกษาในที่ประชุมเสนาบดี  แล้วได้โปรดเกล้าฯ ให้ตรา “พระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติธง พระพุทธศักราช ๒๔๖๐” เมื่อวันที่  ๒๘  กันยายน  พ.ศ. ๒๔๖๐  ให้เปลี่ยนธงชาติสยามจากธงช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น  ที่โปรดให้ใช้แทนธงช้างเดิมมาแต่วันที่  ๑  มกราคม  พ.ศ. ๒๔๕๙  มาเป็นธงไตรรงค์ตั้งแต่วันที่  ๒๘  ตุลาคม  พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็นต้นมา  ทั้งนี้ทรงมุ่งหมายให้ธงไตรรงค์นี้  “...เปนเครื่องหมายให้ปรากฏว่า  ประเทศสยามได้เข้าร่วมสุขทุกข์  แลเปนน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับสัมพันธมิตร์หมู่ใหญ่  ช่วยกันกระทำการปราบ ปรามความอาสัตย์อาธรรมในโลกย์  ให้ประลัยไป...”  
      
        ธงไตรรงค์ที่ทรงพระราชดำริขึ้นใหม่นั้น  มีรูปลักษณะตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติธง  พระพุทธศักราช ๒๔๖๐ คือ “...รูปสี่เหลี่ยมรี  มีขนาดกว้าง ๒ ส่วน ยาว ๓ ส่วน    มีแถบสีน้ำเงินแก่  กว้าง ๑ ส่วน  ซึ่งแบ่ง ๓ ขนาดกว้างแห่งธงอยู่กลาง  มีแถบขาวกว้าง ๑ ส่วน  ซึ่งแบ่ง ๖ ของขนาดกว้างแห่งธงข้างละแถบ  แล้วมีแถบสีแดงกว้างเท่าแถบขาวประกอบชั้นนอกอีกข้างละแถบ  ธงสำหรับชาติสยามอย่างนี้ให้เรียกว่าธงไตรรงค์...”    

         นอกจากนั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงพระราชนิพนธ์คำอธิบายความหมายของแถบสีทั้งสามที่ประกอบกันเป็นธงไตรรงค์นั้นว่า
“ขอร่ำรำพรรณบรรยาย        ความคิดเครื่องหมาย
แห่งสีทั้งสามงามถนัด
ขาว คือบริสุทธิ์ศรีสวัสดิ์        หมายพระไตรรัตน์
ที่พึ่งคุ้มจิตไทย
แดง คือโลหิตเราไซร้        ซึ่งยอมสละได้
เพื่อรักษะชาติศาสนา
น้ำเงิน คือสีโสภา            อันจอมประชา
ธ โปรดเป็นของส่วนองค์
จัดริ้วเข้าเป็นไตรรงค์        จึ่งเป็นสีธง
ที่รักแห่งเราชาวไทย
ทหารอวตารนำไป        ยงยุทธ์วิชัย
วิชิตก็ชูเกียรติสยาม ฯ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่