ในฐานะที่เรียนจบสถาปัตย์ และยังทำงานวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากวงการก่อสร้าง
ไม่เคยคิดว่า พอวันที่จะสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมา จะหลงเป็นเหยื่อให้กับ บริษัทรับสร้างบ้าน ที่เน้นแต่การตลาด
แต่กลับไม่มีความรู้ ความสามารถ ในการสร้างบ้านจริงๆ เลย
จบที่สุดท้ายต้องยอมทิ้งเงินหลักแสนโดยไม่ได้อะไร เป็นค่าเรียนรู้ในครั้งนี้ครับ
ผมเก็บรวบรวม ทุกข้อความที่คุยกับ พนักงานขายของบริษัทนี้ ทุกช่องทาง
รวมถึงเอกสารต่างๆ ตลอดระยะเวลามากกว่า 6 เดือน (ตั้งแต่ เดือน ต.ค.’63)
ตั้งใจมาโพสเล่าเรื่องราวในกระทู้นี้ แต่คิดดูอีกที คงไม่ได้ประโยชน์อะไรกับใครเท่าไรนัก
จึงขอสรุปเป็นบทเรียนสั้นๆ เพื่อแบ่งปันให้กับทุกคนจะดีกว่า ดังนี้
1. อย่าหลงกล กับภาพ Render บ้านสวยๆ
ยอมรับว่า ที่เลือกบริษัทนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเห็น content ที่กระหน่ำโพสใน FB Page อยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้ผมจะรู้ดีว่า ภาพ Render (Perspective) ทำได้ไม่ยากเลยในสมัยนี้
แต่ก็ชื่นชมถึงรสนิยม ในการเลือกบ้านมาลงได้ตรงใจ และก็คิด(ไปเอง)ว่า
ด้วยรสนิยมแบบนี้ น่าจะมีการให้ความสำคัญกับงานก่อสร้างให้ออกมาได้สวยไม่แพ้ในรูปได้
แต่เมื่อได้ทำสัญญาสร้างบ้านไปแล้ว จึงได้พบว่า ทีมที่ดูแลเรื่องแบบให้
กลับไม่มีวี่แววของ Style และรสนิยมเหมือนบ้านที่โพสใน FB Page อยู่เป็นประจำ
และเมื่อมีโอกาสไปที่สำนักงานใหญ่ (ซึ่งตกแต่งดูดีในระดับหนึ่ง)
จึงสังเกตเห็นว่า ทีมงานของบริษัท ที่เป็นผู้โพสภาพบ้านแบบต่างๆ เป็นคนละทีม กับที่จะให้บริการออกแบบแก่ลูกค้า
และไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ภาพที่โพสต่างๆ นั้นบริษัทฯ ทำขึ้นมาเองทั้งหมดหรือไม่
2. ธนาคารมีส่วนช่วยสร้างภาพลักษณ์ (หลอกๆ)
เหตุผลหนึ่งที่ต้องเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน มาทำการก่อสร้าง แทนที่จะจ้างผู้รับเหมา คนที่พอจะเห็นฝีมือมาบ้างแล้ว
เป็นเพราะความง่ายในการขอสินเชื่อ (ผมขอสินเชื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง)
ซึ่งจะได้วงเงินราคาประเมินบ้านมากกว่า (เช่นกู้ได้เต็ม 100%)
เมื่อบริษัทนี้ เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ใน List ของธนาคาร ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกมั่นใจขึ้นกว่าเดิมไปอีก
แต่ในความเป็นจริง หลังจากได้พูดคุยกับพนักงานของธนาคาร พอจะจับใจความได้ว่า บริษัททั้งหลายที่ได้อยู่ใน List ของธนาคาร
เป็นเพราะมีสัญญาในการส่งลูกค้าสร้างบ้าน มาขอสินเชื่อที่ธนาคารนี้เป็นหลัก
ไม่ได้เป็นเพราะมีการตรวจสอบคุณภาพบริษัทมามากแล้วแต่อย่างใด
(ขอออกตัวว่า - ไม่แน่ใจว่านโยบายของแต่ละธนาคารจะแตกต่างกันขนาดไหน)
แน่นอนว่า ในระยะยาว หากบริษัทนี้มีปัญหากับลูกค้าเยอะ (ซึ่งเยอะแน่) ธนาคารย่อมจะเอาออกจาก List ไป
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นย่อมมีลูกค้าสร้างบ้าน ได้รับความเดือดร้อน ไปจำนวนไม่น้อยแน่นอน
3. นโยบายบริษัทที่ไม่โปร่งใส
เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนจะทำสัญญาสร้างบ้านกับบริษัท มีจุดที่ทำให้แปลกใจ 2 เรื่อง
เรื่องแรกคือ
ถูกปฏิเสธเมื่อขอสัญญามาดูก่อนการลงนามและจ่ายมัดจำ
โดย พนักงานแจ้งว่า “เป็นนโยบายของบริษัท” ไม่ให้สัญญาลูกค้าไปดู แต่ ...
สามารถขับรถเอาสัญญา (Hard copy) มาให้อ่านได้ แต่ไม่ให้ไว้ ต้องเอากลับไปด้วย
ผมเข้าใจว่า คงเป็นแนวทาง เลี่ยงความยุ่งยากในกรณีที่ลูกค้าจะขอเพิ่ม
หรือเปลี่ยนแปลงข้อความสัญญา (ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะเป็นสิทธิที่ลูกค้าทำได้)
เรื่องที่สอง เมื่อตกลงทำสัญญา และวางเงินมัดจำ จากมูลค่า 15% ของสัญญา
บริษัทตกลงให้วางเงินแค่ ครึ่งหนึ่ง (หรือประมาณ 7.5%) ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกับลูกค้า แต่ก่อนหน้าวันทำสัญญาไม่ถึง 5 วัน
ผมได้รับคำขอจากพนักงานขาย
ให้วางเงินเร็วขึ้น โดยไม่ถึง 7.5% ก็ได้ (คิดว่าเป็นการเร่งปิดยอด Sale)
ซึ่งเงินก้อนนี้ละครับ ที่ต้องจ่ายไปเป็นค่าบทเรียนในครั้งนี้
4. No Action มีแต่คำพูด
หลังจากที่ทำสัญญาไป ผมเริ่มรู้สึกว่า ผม...ในฐานะลูกค้า
กลับเป็นผู้ที่ต้องคอยถาม และได้รับคำตอบที่จริงและไม่จริง หรือสร้างความสับสนโดยตลอด
ต้องคอยตามการทำงานแต่ละ Process ทุกขั้นตอน
และการไม่มีแผนงานนี้แหละที่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไป 2 เดือน แบบขออนุญาตก่อสร้างยังไม่ได้เริ่มทำ
(ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนออกแบบ วางผังอาคาร ขึ้น 3D Model บ้านเอง แล้วส่งไฟล์ทุกอย่างไปให้)
บริษัทบอกไม่ได้ว่าจะทำให้เสร็จได้เมื่อไร จนใกล้ถึงวันที่ครบกำหนดที่ต้องโอนที่ดินมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมจึงขอพบเจ้าของบริษัท เพื่อให้ช่วยเร่ง Process นี้ แต่ก็ไม่ได้พบ มีแต่การรับปากว่า จะทำแบบ และขออนุญาตให้ได้ทันตามกำหนด
กระบวนการทุกอย่างเป็นไปอย่างทุลักทุเล เหมือนกับว่าไม่เคยทำมาก่อน
จนกระทั่งเลยกำหนดวันที่จะ “ได้ใบอนุญาตก่อสร้าง” ที่คุยกันไว้ไปแล้ว
กระบวนการ “เริ่ม” ขออนุญาตก่อสร้าง ก็ยังไม่เริ่มขึ้น ...
ผมจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญา และซึ่งแน่นอน บริษัท ไม่ยอมคืนเงินใดๆ
ทั้งๆ ที่ จนถึงวันสุดท้ายวันนี้
ยังไม่เคยมีพนักงานคนไหน ของบริษัท เคยมาที่
ที่ดินที่จะทำการปลูกสร้างของผมเลยสักคน สุดท้าย ผมก็ต้องทำใจทิ้งเงินมัดจำทั้งหมดไป
5. เราผู้สร้างบ้าน ตกเป็นรองเสมอ
อ่านที่เขียนมาทั้งหมด มันดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ที่จะเห็นข้อบกพร่องของบริษัทนี้
แต่ในความเป็นจริง ผู้บริโภคอย่างเรา ดูจะไม่มีโอกาสตรวจสอบอะไรได้มากนัก
ตรงกันข้าม ภาพลักษณ์ปลอมๆ ที่สร้างด้วยการตลาด บวกกับระบบที่เอื้อประโยชน์กับธนาคารมากกว่าผู้บริโภค แบบนี้
มีแต่จะทำให้ ลูกค้าผู้สร้างบ้านกลายเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายทุกครั้ง
---
ผมไม่แน่ใจว่าการเขียนครั้งนี้
จะเป็นประโยชน์พร้อมๆกับเป็นการช่วยป้องกัน ผู้ที่ฝันจะมีบ้านคนอื่นๆ ได้มากแค่ไหน
ผมเองอยากจะระบุถึงบริษัทนี้ให้ชัดเจน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะผิดกฎหมายและข้อกำหนดใดหรือไม่
หากใครที่กำลังหาบริษัทรับสร้างบ้านอยู่ สามารถสอบถามส่วนตัวมาได้ครับ
ปล. ณ ปัจจุบัน ผมได้บริษัทรับสร้างบ้านใหม่แล้ว สัมผัสได้ถึงความรู้ และความรับผิดชอบ
ที่ต่างจากเดิมอย่างชัดเจน อยากจะเป็นกำลังใจ ให้คนอื่นๆ ที่อาจจะประสบปัญหาคล้ายๆกันนี้
ให้มีทางออกโดยเร็วเช่นกันครับ
ส่วนเรื่องการหาบริษัทที่ดีนั้น หากมีคนสนใจ จะขออนุญาต มาเขียนสรุปให้อีกที ในนี้ นะครับ
บทเรียนเตือนภัย จ้างบริษัทรับสร้างบ้าน ที่มีดีแค่การตลาด
ไม่เคยคิดว่า พอวันที่จะสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมา จะหลงเป็นเหยื่อให้กับ บริษัทรับสร้างบ้าน ที่เน้นแต่การตลาด
แต่กลับไม่มีความรู้ ความสามารถ ในการสร้างบ้านจริงๆ เลย
จบที่สุดท้ายต้องยอมทิ้งเงินหลักแสนโดยไม่ได้อะไร เป็นค่าเรียนรู้ในครั้งนี้ครับ
ผมเก็บรวบรวม ทุกข้อความที่คุยกับ พนักงานขายของบริษัทนี้ ทุกช่องทาง
รวมถึงเอกสารต่างๆ ตลอดระยะเวลามากกว่า 6 เดือน (ตั้งแต่ เดือน ต.ค.’63)
ตั้งใจมาโพสเล่าเรื่องราวในกระทู้นี้ แต่คิดดูอีกที คงไม่ได้ประโยชน์อะไรกับใครเท่าไรนัก
จึงขอสรุปเป็นบทเรียนสั้นๆ เพื่อแบ่งปันให้กับทุกคนจะดีกว่า ดังนี้
1. อย่าหลงกล กับภาพ Render บ้านสวยๆ
ยอมรับว่า ที่เลือกบริษัทนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเห็น content ที่กระหน่ำโพสใน FB Page อยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้ผมจะรู้ดีว่า ภาพ Render (Perspective) ทำได้ไม่ยากเลยในสมัยนี้
แต่ก็ชื่นชมถึงรสนิยม ในการเลือกบ้านมาลงได้ตรงใจ และก็คิด(ไปเอง)ว่า
ด้วยรสนิยมแบบนี้ น่าจะมีการให้ความสำคัญกับงานก่อสร้างให้ออกมาได้สวยไม่แพ้ในรูปได้
แต่เมื่อได้ทำสัญญาสร้างบ้านไปแล้ว จึงได้พบว่า ทีมที่ดูแลเรื่องแบบให้
กลับไม่มีวี่แววของ Style และรสนิยมเหมือนบ้านที่โพสใน FB Page อยู่เป็นประจำ
และเมื่อมีโอกาสไปที่สำนักงานใหญ่ (ซึ่งตกแต่งดูดีในระดับหนึ่ง)
จึงสังเกตเห็นว่า ทีมงานของบริษัท ที่เป็นผู้โพสภาพบ้านแบบต่างๆ เป็นคนละทีม กับที่จะให้บริการออกแบบแก่ลูกค้า
และไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ภาพที่โพสต่างๆ นั้นบริษัทฯ ทำขึ้นมาเองทั้งหมดหรือไม่
2. ธนาคารมีส่วนช่วยสร้างภาพลักษณ์ (หลอกๆ)
เหตุผลหนึ่งที่ต้องเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน มาทำการก่อสร้าง แทนที่จะจ้างผู้รับเหมา คนที่พอจะเห็นฝีมือมาบ้างแล้ว
เป็นเพราะความง่ายในการขอสินเชื่อ (ผมขอสินเชื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง)
ซึ่งจะได้วงเงินราคาประเมินบ้านมากกว่า (เช่นกู้ได้เต็ม 100%)
เมื่อบริษัทนี้ เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ใน List ของธนาคาร ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกมั่นใจขึ้นกว่าเดิมไปอีก
แต่ในความเป็นจริง หลังจากได้พูดคุยกับพนักงานของธนาคาร พอจะจับใจความได้ว่า บริษัททั้งหลายที่ได้อยู่ใน List ของธนาคาร
เป็นเพราะมีสัญญาในการส่งลูกค้าสร้างบ้าน มาขอสินเชื่อที่ธนาคารนี้เป็นหลัก
ไม่ได้เป็นเพราะมีการตรวจสอบคุณภาพบริษัทมามากแล้วแต่อย่างใด
(ขอออกตัวว่า - ไม่แน่ใจว่านโยบายของแต่ละธนาคารจะแตกต่างกันขนาดไหน)
แน่นอนว่า ในระยะยาว หากบริษัทนี้มีปัญหากับลูกค้าเยอะ (ซึ่งเยอะแน่) ธนาคารย่อมจะเอาออกจาก List ไป
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นย่อมมีลูกค้าสร้างบ้าน ได้รับความเดือดร้อน ไปจำนวนไม่น้อยแน่นอน
3. นโยบายบริษัทที่ไม่โปร่งใส
เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนจะทำสัญญาสร้างบ้านกับบริษัท มีจุดที่ทำให้แปลกใจ 2 เรื่อง
เรื่องแรกคือ ถูกปฏิเสธเมื่อขอสัญญามาดูก่อนการลงนามและจ่ายมัดจำ
โดย พนักงานแจ้งว่า “เป็นนโยบายของบริษัท” ไม่ให้สัญญาลูกค้าไปดู แต่ ...
สามารถขับรถเอาสัญญา (Hard copy) มาให้อ่านได้ แต่ไม่ให้ไว้ ต้องเอากลับไปด้วย
ผมเข้าใจว่า คงเป็นแนวทาง เลี่ยงความยุ่งยากในกรณีที่ลูกค้าจะขอเพิ่ม
หรือเปลี่ยนแปลงข้อความสัญญา (ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะเป็นสิทธิที่ลูกค้าทำได้)
เรื่องที่สอง เมื่อตกลงทำสัญญา และวางเงินมัดจำ จากมูลค่า 15% ของสัญญา
บริษัทตกลงให้วางเงินแค่ ครึ่งหนึ่ง (หรือประมาณ 7.5%) ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกับลูกค้า แต่ก่อนหน้าวันทำสัญญาไม่ถึง 5 วัน
ผมได้รับคำขอจากพนักงานขาย ให้วางเงินเร็วขึ้น โดยไม่ถึง 7.5% ก็ได้ (คิดว่าเป็นการเร่งปิดยอด Sale)
ซึ่งเงินก้อนนี้ละครับ ที่ต้องจ่ายไปเป็นค่าบทเรียนในครั้งนี้
4. No Action มีแต่คำพูด
หลังจากที่ทำสัญญาไป ผมเริ่มรู้สึกว่า ผม...ในฐานะลูกค้า
กลับเป็นผู้ที่ต้องคอยถาม และได้รับคำตอบที่จริงและไม่จริง หรือสร้างความสับสนโดยตลอด
ต้องคอยตามการทำงานแต่ละ Process ทุกขั้นตอน
และการไม่มีแผนงานนี้แหละที่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไป 2 เดือน แบบขออนุญาตก่อสร้างยังไม่ได้เริ่มทำ
(ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนออกแบบ วางผังอาคาร ขึ้น 3D Model บ้านเอง แล้วส่งไฟล์ทุกอย่างไปให้)
บริษัทบอกไม่ได้ว่าจะทำให้เสร็จได้เมื่อไร จนใกล้ถึงวันที่ครบกำหนดที่ต้องโอนที่ดินมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมจึงขอพบเจ้าของบริษัท เพื่อให้ช่วยเร่ง Process นี้ แต่ก็ไม่ได้พบ มีแต่การรับปากว่า จะทำแบบ และขออนุญาตให้ได้ทันตามกำหนด
กระบวนการทุกอย่างเป็นไปอย่างทุลักทุเล เหมือนกับว่าไม่เคยทำมาก่อน
จนกระทั่งเลยกำหนดวันที่จะ “ได้ใบอนุญาตก่อสร้าง” ที่คุยกันไว้ไปแล้ว กระบวนการ “เริ่ม” ขออนุญาตก่อสร้าง ก็ยังไม่เริ่มขึ้น ...
ผมจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญา และซึ่งแน่นอน บริษัท ไม่ยอมคืนเงินใดๆ
ทั้งๆ ที่ จนถึงวันสุดท้ายวันนี้ ยังไม่เคยมีพนักงานคนไหน ของบริษัท เคยมาที่
ที่ดินที่จะทำการปลูกสร้างของผมเลยสักคน สุดท้าย ผมก็ต้องทำใจทิ้งเงินมัดจำทั้งหมดไป
5. เราผู้สร้างบ้าน ตกเป็นรองเสมอ
อ่านที่เขียนมาทั้งหมด มันดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ที่จะเห็นข้อบกพร่องของบริษัทนี้
แต่ในความเป็นจริง ผู้บริโภคอย่างเรา ดูจะไม่มีโอกาสตรวจสอบอะไรได้มากนัก
ตรงกันข้าม ภาพลักษณ์ปลอมๆ ที่สร้างด้วยการตลาด บวกกับระบบที่เอื้อประโยชน์กับธนาคารมากกว่าผู้บริโภค แบบนี้
มีแต่จะทำให้ ลูกค้าผู้สร้างบ้านกลายเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายทุกครั้ง
---
ผมไม่แน่ใจว่าการเขียนครั้งนี้
จะเป็นประโยชน์พร้อมๆกับเป็นการช่วยป้องกัน ผู้ที่ฝันจะมีบ้านคนอื่นๆ ได้มากแค่ไหน
ผมเองอยากจะระบุถึงบริษัทนี้ให้ชัดเจน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะผิดกฎหมายและข้อกำหนดใดหรือไม่
หากใครที่กำลังหาบริษัทรับสร้างบ้านอยู่ สามารถสอบถามส่วนตัวมาได้ครับ
ปล. ณ ปัจจุบัน ผมได้บริษัทรับสร้างบ้านใหม่แล้ว สัมผัสได้ถึงความรู้ และความรับผิดชอบ
ที่ต่างจากเดิมอย่างชัดเจน อยากจะเป็นกำลังใจ ให้คนอื่นๆ ที่อาจจะประสบปัญหาคล้ายๆกันนี้
ให้มีทางออกโดยเร็วเช่นกันครับ
ส่วนเรื่องการหาบริษัทที่ดีนั้น หากมีคนสนใจ จะขออนุญาต มาเขียนสรุปให้อีกที ในนี้ นะครับ