ปีนี้มี Netflix Original Series ของไทยมาถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือ 'เด็กใหม่ 2' ซึ่งก็กลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรีแนนโน๊ะอย่างยอดเยี่ยม และเรื่องที่สองอย่าง 'Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง' ก็ไม่ใช่งานระดับโนเนม เพราะผู้กำกับและคนเขียนบทคือ 'พี่ก้องเกียรติ โขมสิริ' (ลองของ, เฉือน, สุขสันต์วันกลับบ้าน) แถมได้นักแสดงนำอย่าง 'เวียร์-ออม' มาเล่น และตัวซีรีส์ก็มาในแนวตีแผ่ความลับอันดำมืดของกรุงเทพ ก็นับว่าน่าสนใจมากๆ แล้ว

Bangkok Breaking มีองค์ประกอบที่เข้าทางเราเยอะไปหมด นับไปตั้งแต่ตัวบทที่กล้าหยิบเอาประเด็นสังคมมาเล่น ธีมที่ชัดเจน ผูกปมปริศนาไว้ในตอนต้นได้น่าติดตาม นักแสดงนำก็เล่นดี งาน Production ก็ถือว่าดีในระดับนึงเลย องค์ประกอบที่ว่ามามันทำให้เราชอบตัวซีรีส์ได้ไม่ยากเลย

ตัวซีรีส์เปิดมาอย่างน่าสนใจ เดินเรื่องไปข้างหน้าอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะจบลงตามที่คาดหวังไว้ ว่ากันที่ตัวบทก่อน เราไม่มีปัญหากับบทสูตรสำเร็จแบบนี้ เอาเข้าจริงๆ เราชอบเสียด้วยซ้ำเพราะมันทำให้ตัวซีรีส์ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เล่าเรื่องได้อย่างชัดเจน นับว่าเป็นสูตรสำเร็จที่ใช้ได้ แต่มันพ่วงมาด้วยปัญหามากมาย ก็คือนอกจากเดาง่ายแล้ว มันดูเชยมาก ไม่น่าเชื่อว่านี่ปี 2021 แล้วพี่ยังขลุกอยู่กับประเด็นค้ายาอยู่อีกหรอ เพราะด้วยการกำกับของพี่โขมด้วยแหละ มันทำให้ทุกอย่างในซีรีส์มันเหมือนพาเราย้อนไปดูหนังช่วงยุค 2000 และด้วย Dialogue กับ Charector Design ที่ดูแข็งทื่อ มันดูเหมือนละครหลังข่าวมากกว่าซีรีส์ที่ฉายลง Netflix เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือเหมือนเอานาทีฉุกเฉินมาขยายเส้นเรื่องให้มันยาวขึ้น และฉาบหน้าด้วยงาน Production ราคาแพง แต่บางฉากก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ในความเป็นจริง (ส่วนที่ทำให้เรารู้สึก 'เอ๊ะ!!' มากที่สุดคือกระป๋องเป๊ปซี่กระเด็นไปโดนหัวจนสลบ)

และสิ่งหนึ่งที่เราว่าพลาดมากๆ ก็คือ "การทำเรื่องนี้เป็นซีรีส์ความยาว 6 ตอน"

หนังและซีรีส์หลายเรื่อง มีองค์ประกอบที่ Support ให้ทำเป็นหนังหนึ่งเรื่องถ้วนหรือทำเป็นซีรีส์ยาวหลายๆ ตอน เช่น เคว้ง มีพล็อตหลักที่สนับสนุนให้เล่าเรื่องยาวได้อย่างไม่จำกัด เพราะมี Back Story ของแต่ละตัวละครเป็น Sub-Plot ของเรื่อง, The Maid หนังแบ่งเป็น 3 Chapter ในเรื่องเดียว ซึ่งก็เล่าออกมาได้ลื่นไหลและมีความกระชับแบบพอดีพองาม, เด็กใหม่ 2 เป็นเรื่องสั้นจบในตอนเหมือนหนังยาวเรื่องนึง แต่ก็มีเส้นเรื่องร้อยต่อกันให้เป็นซีรีส์เรื่องเดียวได้อย่างลงตัว, DEEP มีไอเดียหนังที่ควรทำเป็นหนังสั้นระทึกขวัญ แต่ก็ขยายความพอเอาตัวรอดได้

แต่สำหรับ Bangkok Breaking เราไม่เห็นความจำเป็นในการเล่าเป็นซีรีส์ความยาว 6 ตอนเลย หลายฉากที่สังเกตเห็นความพยายามในการที่จะยืดให้ยาวที่สุดเพื่อให้ครบเวลาของตอน บางฉากตัดออกไปก็ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องเลย (เช่น ฉากช่วยคนโดดตึก, ฉากช่วยคนโดนเหล็กเสียบ ฯลฯ) ถ้าพี่โขมตัดสินใจทำออกมาในรูปแบบหนังเรื่องหนึ่ง (หรือจะหั่นเป็นสองภาคก็ได้) ตัดฉากที่ไม่สำคัญออก กระชับเวลาให้เหลือสัก 2-3 ชั่วโมง นี่จะเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำแห่งปีเลย

ถึงแม้เราจะบ่นไปเยอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่างาน Production นั้นไม่เสียยี่ห้อ Netflix เลย (เอาจริงก็ทำมาดีทุกเรื่องเลยนะ เคว้งก็เนรมิตเกาะร้างได้สมจริง, เด็กใหม่ 2 ก็มี Effect ที่เนียนตา ไม่เฟค) แค่เปิดเรื่องมาก็ทำเราว้าวแล้ว เพราะถ่ายภาพสวย ดูดีมีระดับ ตัดต่อเสียงก็ยอดเยี่ยมมาก ช่วยส่งเสริมให้ฉากแอคชั่นดูมีอารมณ์ร่วมขึ้นมาได้บ้าง ในส่วนของนักแสดง พี่เวียร์ ดูดีมากๆ ในบทหนุ่มอีสานเข้ากรุง การแสดงของพี่แกทำให้บทแบนๆ ทื่อๆ ของแกดูมีมิติขึ้นมามาก, พี่ออม ก็เล่นได้เนียนในบทนักข่าวจอมเผือก แม้จะสร้างความน่ารำคาญให้เราไปบ้างในหลายวาระ แต่ก็ให้อภัยได้เพราะแอคติ้งเวิร์ค ส่วนคนอื่นนั้นมีล้นมีเกินค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตัวร้ายที่ดูล้นมากๆ จนเรารำคาญแทนที่จะกลัว (ยูริจากเด็กใหม่ 2 ที่กวนตีนกว่านี้ยังไม่น่ารำคาญขนาดนี้เลย) และคนที่โผล่มาไม่เยอะมากแต่แค่เห็นก็ชื่นใจก็คือพี่เฟรช อริศรา ที่หลายคนคงจำเธอได้ในบทบาทแม่ของอีคำแก้วในนาคี

สรุป ผิดหวังนิดนึง แต่ไม่ถึงกับย่ำแย่จนทนดูไม่ได้ อดเสียดายไม่ได้เพราะซีรีส์มีวัตถุดิบที่สามารถไปไกลได้มากกว่านี้ ขยี้ได้ลึกกว่านี้ เพราะจากที่ดูตัวอย่าง เราก็คาดหวังให้มันเจาะลึกถึงกระดูกดำไปเลย แต่ซีรีส์กลับทำได้แค่ "ถากๆ" เท่านั้น

...แต่ก็ยังรอดูซีซั่นสองอยู่นะ หวังว่าจะขยายประเด็นได้กว้างกว่าเดิม (ถ้าไม่โดน Cancel เสียก่อนแบบเคว้ง...)