อยากรู้ว่าในความคิดของทุกคนคิดยังไงกับการคบกับคนที่เจอจากทินเดอร์คะ
ขอเล่าย้อนไปหน่อยนะคะ
คือเรื่องมันเริ่มจากเราเลิกกับแฟนคนแรกที่คบกันมานนานประมาฯ5ปีกว่าเกือบๆ6ปี(เราบอกเลิกเขาเองเพราะคิดว่าคบกันต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเขาไม่คิดถึงอนาคตไม่คิดจะปรับปรุงตัว)
ยอมรับว่าตอนที่เลิกกันเราเหงามากๆ แล้วเราก็เราเลยลองเปิดใจให้คนใหม่ๆ ก่อนที่เราจะมาใช้แอปนี้เราเคยลองคุยๆกับคนที่เพื่อนแนะนำให้ตอนแรกก็เหมือนจะดีสุดท้ายก็ไม่ไหว คนแรกคุยกันอยู่ดีๆบอกรักฝันดีทุกวันแต่สุดท้ายก็ไปเปิดตัวกับคนอื่น ส่วนคนถัดมาเจอกันเพราะเป็นคนรู้จักกับเพื่อนตอนแรกๆก็ดีค่ะดูเป็นคนซื่อๆน่ารักดีพอไปๆมาๆปรากฎว่าเจ้าชู้มากพอเขารู้ว่าเรารู้เรื่องของผญ.คนอื่นของเขา เขาก็หายไปเลยไม่รับสายไม่ตอบแชทแล้วก็บล็อคเรา
ตอนนั้นคือรู้สึกไม่อยากคบแล้วกับผู้ไทยเลยมาปัดทินเดอร์ คนแรกที่เราเดทด้วยในทินเดอร์คือ ฝ. จากตุรกีที่ทำงานในไทย นางก็บอกว่าชอบเรา เราน่ารักเป็นธรรมชาติไม่เฟคอยากคบด้วยยาวเลยตัดสินใจยอมนัดเจอ คือเดทแรกนางก็จะล่อเราเลยแต่เราไม่ยอม แต่ไม่กี่วันก็มาบอกเราว่าอยากโฟกัสเรื่องงานก่อนไม่อยากคิดมากเรื่องอื่นตอนนี้ เราเลยปัดตกไป
ปัดหาคนใหม่ต่อ แล้วก็แมชท์กับผช.ไทยเชื่อสายอินเดียคนหนึ่งซึ่งคนนี้เข้ามาแบบแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องonsซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าไว้คุยแก้เหงาไม่ได้คิดจะนัดเจอหรืออะไร
ตอนนั้นเราก็แมชท์และคุยหลายคน จนเรามาแมชท์กับหนุ่มมาเลย์คนหนึ่งนางเรียนอยู่ที่ไทยและอยู่ใกล้ๆที่เราพักพอดี ตอนคุยก็รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ คนนี้คือมีพลังงานบวกให้เรามากๆ และมีหลายอย่างที่เราชอบเหมือนๆกัน เลยตัดสินใจนัดเจอแล้วหลังจากนั้นไม่นานก้คบกันค่ะ คบกันได้ไม่นานก้ต้องเลิกด้วยเหตุผลทางครอบครัวเขาที่มันไม่สามารถที่จะทำให้เราไปต่อกันได้ ตอนที่เลิกก็คือไม่ได้โกรธหรือทะเลาะกันนะคะ จบกันด้วยเหตุผลและเราค่อนข้างฝั่งใจกับคนนี้มากหรือเรียกว่าmove onไม่ได้ก็ได้ค่ะ ยังคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่มีด้วยกันมันไม่เคยมีเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับเขาเลยทุกครั้งที่นึกถึงเขาเรายังยิ้มออกมาทุกครั้งแต่บางทีก็มีน้ำตาไหลออกมาด้วย555 คือพอจบกันกับคนนี้ก็รู้สึกว่าไม่อยากคบใครแล้ว ใครทักมาก็ไม่คุยอ่านบ้างตอบบ้างไม่ตอบบ้าง
แต่มันจะมีคนคนหนึ่งที่ชอบมาๆหายๆก็คือผู้ที่เป็นคนไทยเชื้อสายอินเดียที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ขอแทนนางด้วยชื่อVนะคะ ตอนนั้นนางทักมาวันที่เราเลิกกับหนุ่มมาเลย์พอดีเราเลยบอกนางไปว่าเราอกหักอยู่ไม่อยากคุย แล้วนางก็บอกว่า fine ซึ่งเราก็คิดว่านางจะไม่ทักมาแล้วแหละ แล้วพอหลังจากที่เลิกกับหนุ่มมาเลย์ไม่นานเราก็ออกจากงานประจำที่ทำอยู่(ปัญหาเพราะเพื่อนร่วมงานไม่น่ารัก)แต่ด้วยความที่ช่วงโควิดแบบนี้หางานใหม่มันก็ค่อนข้างยากแม่เราเลยให้เรากลับบ้านมาช่วยงานที่ร้าน(บ้านเราเป็นร้านตัดเสื้อนะคะ)เราเลยตัดสินใจจะกลับบ้าน เพราะพยามหางานมา2เดือนแล้วไม่ได้ แล้วVก็ทักมาอีก แบบเดิม แบบขอเจอนั่นนี้ เราก็บอกนางว่าไม่ได้หรอกเราจะกลับบ้านแล้ว แทนที่นางจะถอดใจกลับใช้จุดนี้มาจี้เราว่าจะกลับแล้วสิต้องรีบเจอเพราะจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก ไอ้เราก็อ้างสารพัดว่าต้องเก็บของนั่นนี้ ตอนแรกกำหนดกลับเราคือสิ้นเดือนแต่พี่ชายเรามาเลื่อนเป็นวันที่24 (พี่ชายเราเป็นขับรถให้) เราก็บอกนางว่าไม่ได้เราออกไปไม่ได้ เราต้องเก็บของแพ็คของไหนจะต้องขนของอีก นางก็อาสาว่าจะมาช่วยขน ซึ่งยอมรับว่าตอนนั้นที่เรายอมให้นางมาเจอเพราะว่าเราคิดว่าถ้าเกิดเราเจอกับนางลองมีความสัมพันธ์แบบonsกับนางมันอาจจะทำให้เราเข้มแข็งและไม่อ่อนกับเรื่องความรักแล้วก็ได้(ความคิดปัญญาอ่อนมาก) สุดท้ายก็นัดเจอตอนแรกว่าจะออกไปเจอกันข้างนอกแต่พี่ชายเราดันบอกว่าจะมารับตี4ซึ่งถ้าไปนอนโรงแรมกลับมาไม่ทันแน่ๆเราเลยให้นางมาที่ห้อง(เราอยู่ชั้น5แล้วตึกที่เราอยู่ไม่มีลิฟท์ด้วย) ของในห้องเราถือว่าค่อนข้างเยอะนะ ทั้งเตียง ตู้ โต๊ะ ไหนจะเสื้อผ้า กับกางเกงยีนส์และพวกสต๊อคของอื่นๆที่เราขายอีก(เราขายของออนไลน์หลายอย่างเป็นอาชีพเสริม) ก็ตามคาดนางมาถึงประมาณ6โมงเย็น นางก็เปิดฉากจะล่อเราเลย เราพยายามเบี่ยงประเด็นพาออกไปยืนรับลมที่นอกระเบียงชวนคุยเรื่องอื่นแต่ก็ไม่สำเร็จ นางพยายามว่านล้อมเราอยู่นานจนเรายอมแต่ก็ยอมรับว่าตอนนั้นเราไม่มีอารมณ์ร่วมเลย เราเลยรู้ตัวว่าทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย หลังจากนั้นเราจะสั่งแกร็ปมากินกันแต่เพราะความอ๋องของเรามือถือเราปักหมุดที่เก่าที่เราเคยอยู่คือสาธรพอย้ายมาอยู่สมุทรปราการเราไม่เคยใช้แกร็ปเลย มันก็ขึ้นว่าไม่อยู่ในพื้นที่บริการ แล้วตอนนั้นคือ ทุ่มห้าสิบกว่าแล้ว แล้วก็ต้องใช้มือถือนางสรุปสั่งอาหารไม่ทันร้านปิดก่อนต้องพากันวิ่งลงมาตลาดหน้าตึกเพื่อดูว่ามีอะไรยังขายอยู่บ้าง(ตอนนั้นล็อคดาวน์3ทุ่ม 7-11ปิด2ทุ่ม)คือวิ่งหาของกินไปแล้วก็ขำไป สรุปได้พวกข้าวเหนียว ไก่ย่าง ไก่ทอด ขนมจีบแล้วก็พวกขนมสาคู ขนมต้มมา หลังจากนั่นเราก็นั่งคุยกันเล่าเรื่องราวต่างๆให้กันฟัง แล้วจู่ๆนางก็บอกว่าอยากคุยกับเราต่ออยาดเจอกันอีก ปล.เราคุยกันเล่นๆว่านางจะนวดให้เราแล้วให้เรานวดให้นางบ้างแต่นางจะนวดให้เรานานกว่า สรุปนางนวดไม่ไดเรื่องเลยจ้ะ จนเราต้องลุกขึ้นมานวดให้นางดูว่านวดยังไงให้มันสบาย(เราเคยทำงานพาร์ทไทม์ในร้านนวดมาก่อนเลยมีสกิลในการนวด) นวดไปคุยกันไป ไปๆมาๆกลายเป็นเรานั่งนวดหัวให้vไปเกือบ2ชม.กว่า - -' ประมาณตี2เราก็เริ่มช่วยกันขนของลงไปไว้รอพี่ชายเราข้างล่าง (vกลัวพี่ชายเราเพราะได้ยินพี่ดุเราตอนที่โทรมาหาเราแล้วเราไม่ได้รับสายพอโทรกลับพี่ก็จัดใหญ่เลย) vอยากรีบขนให้เสร็จก่อนพี่เรามาแต่ปรากฎว่าไม่ทันเพราะที่บอกไปชั้น5ไม่มีลิฟขนกัน2คน คือตอนนั้นเห็นสภาพนางแล้วสงสารมากเหงื่อท่วมหอบแล้วหอบอีก แต่สุดท้ายก็ไม่ทันพี่เรามา555 vกลัวพี่ดุเลยแกล้งพูดไทยไม่ได้คือตอนนั้นขำมาก พี่ใช้ให้ไปซื้อเชือกมามันของก็เดินไปซื้อกัน2คน เดินไปก็ขำไปแถมโดนหมาไล่อีกหนึ่งกรุบ หลังจากที่เรากลับมาอยู่บ้านนางก็ยังคุยกับเราต่อ มีหลายๆอย่างที่เรารู้สึกว่าเราเข้าใจและเห็นใจเขา เขาเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาให้เราฟังมากขึ้นเรื่อยๆทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องในครอบครัว นางแนะนำเราให้เพื่อนสนิทนางรู้จักแต่พอเห็นเรากับเพื่อนนางสนิทกันนางก็ไม่พอใจและห้ามไม่ให้เเราคุยกับเพื่อนนางอีก นางบอกว่าเพื่อนนางไว้ในไม่ได้ไม่อยากให้ยุ่ง เขาบอกว่าเขาอยากเปลี่ยนตัวเอง เขาบอกว่าเขามีปัญหาหลายอย่าง เขาเป็นโรคเครียด ไมเกรน ซึมเศร้า สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย แล้วก็ติดเซ็กซ์ นางเริ่มซื้อของให้ จ่ายค่าของนู้นนี้นั่นให้เรา แล้วก็เสนอให้เราทำงานกับนาง ปล.งานทำบัญชี จัดงานเรื่องต่างๆในShpeeกับLazada เขาบอกว่าตั้งแต่เราเข้ามาเราเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาเราทำให้เขาเริ่มกลับมาทำงาน และออกไปหาผญ.น้อยลง เขาบอกว่าชอบเรามากแต่ถ้าเกิดว่าเป็นแฟนกันเขาเชื่อว่าเขาต้องนอกใจเราแน่ๆ เขาไม่อยากให้เรา เพราะเขายังมีความต้องการกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ เขาบอกว่าเขารู้ว่าเขาไม่ดีเขาเห็นแก่ตัว แต่เขาก็พูดเสมอเช่นกันว่า เราควรได้รับสิ่งที่ดีควรเจอคนที่ดีกว่าเขา แต่เขาอยากมีเราในชีวิตแบบนี้ไปตลอด เขาบอกว่าเราเป็นเหมือนบ้านทุกครั้งที่ไม่สบายใจแค่ได้ยินเสียงเราเขาก็จะดีขึ้น เราเลยตกลงกันว่าถ้าคนใดคนหนึ่งมีแฟนแฟนของเราหรือคนคุยของเราทั้งคู่ต้องรู้การมีอยู่ของอีกคนว่าเรามีเพื่อนคนสำคัญอยู่ แต่เวลาที่เขาออกไปกับคนอื่นเราก็เศร้าอยู่ดี เขาง้อเราด้วยการซื้อของให้และให้เงินใช้ แล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาแม่ของเขาเข้าผ่าตัดซีดซึ่งตอนนั้นนางเครียดมาก เพราะต้องจัดการทุกอย่างเองทั้งงานที่หน้าร้าน ออร์เดอร์ลูกค้าจากshopee ทั้งเรียนออนไลน์ แล้วยังเครียดที่แม่ต้องผ่าตัดอีก วันนั้นเราทำseoให้นางดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย นางโทรหาเราเกือบร้อยสาย พอเราโทรกลับไปคือได้ยินเสียงนางร้องไห้บอกว่าคิดว่าเราจะหายไปจากชีวิตนางแล้ว เราอยู่ในสถานะแบบนี้มาประมาณ3เดือน(นับจากวันที่เรากกลับบ้านมา) เราเองก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน แต่ตอนนี้เราคิดว่าเราชอบเขาไปแล้ว ช่วงนี้เขาใกล้สอบfinalงานเขาก็จะเยอะหน่อย ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่เขาก็ยังโทรหาทุกเช้ากับก่อนนอนเสมอ จริงๆระหว่างวันก็โทรนะเวลาเขาว่างแต่ฏ็คุยแปปๆ บางทีก็แอบคิดว่าเขาอาจจะเจอคนอื่นแล้วเอาเวลาไปให้คนอื่นหรือเปล่า แต่80%คือเราเชื่อว่าเขาไม่โกหกเราด้วยละไรหลายๆอย่างที่เราสัมผัสและได้เห็นจากคนๆนี้ และด้วยความคิดมากนี้ทำให้เราเก็บเอาไปฝันว่าเขาแอบไปมีแฟนแล้วไม่บอกเรา เราเสียใจจนเลิกติดต่อแล้วก็หายไปจากชีวิตเขา พอตื่นมาเราเลยรู้ว่าที่จริงแล้วถ้าเขามีใครขึ้นมาจริงๆเราเองก็รับไม่ได้ เราเลยเลือกที่จะบอกกับเขาไปตรงๆว่าเรารู้แล้วว่าเรารับไม่ได้ เขาก็ดูงงๆว่าทำไมจู่ๆเราพูดแบบนั้นไป และเขาก้บอกเราว่าจริงๆเราเป็นแฟนกันได้แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (ซึ่งข้อนี้เรารู้ดีต่อให้เรารักกันดีแต่มันก็มีความต่างบ้างอย่างที่เราต้องเลิกกันในที่สุด) และอีกอย่างที่เขาพูดก็คือ "จุดเริ่มต้นที่เราเจอกันมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆที่จะคบกันเป็นแฟน" เรายอมรับว่าเสียใจมากกับประโยคนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เลยอยากรู้ว่าในความคิดของทุกคนคิดยังไงกับการคบกับคนที่เจอจากทินเดอร์คะ สำหรับเราตอนนี้เราไม่สนแล้วว่าจุดประสงค์แรกที่เราเจอกันคืออะไร แต่ตอนนี้เรารู้สึกดีกับเขาอยากมีเขาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราควรทำยังไงต่อดี :'(
การจะคบกับคนที่เจอกันจากTinderมันทำให้รู้สึกแปลกๆมากขนาดนั้นเลยหรอคะ?
ขอเล่าย้อนไปหน่อยนะคะ
คือเรื่องมันเริ่มจากเราเลิกกับแฟนคนแรกที่คบกันมานนานประมาฯ5ปีกว่าเกือบๆ6ปี(เราบอกเลิกเขาเองเพราะคิดว่าคบกันต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเขาไม่คิดถึงอนาคตไม่คิดจะปรับปรุงตัว)
ยอมรับว่าตอนที่เลิกกันเราเหงามากๆ แล้วเราก็เราเลยลองเปิดใจให้คนใหม่ๆ ก่อนที่เราจะมาใช้แอปนี้เราเคยลองคุยๆกับคนที่เพื่อนแนะนำให้ตอนแรกก็เหมือนจะดีสุดท้ายก็ไม่ไหว คนแรกคุยกันอยู่ดีๆบอกรักฝันดีทุกวันแต่สุดท้ายก็ไปเปิดตัวกับคนอื่น ส่วนคนถัดมาเจอกันเพราะเป็นคนรู้จักกับเพื่อนตอนแรกๆก็ดีค่ะดูเป็นคนซื่อๆน่ารักดีพอไปๆมาๆปรากฎว่าเจ้าชู้มากพอเขารู้ว่าเรารู้เรื่องของผญ.คนอื่นของเขา เขาก็หายไปเลยไม่รับสายไม่ตอบแชทแล้วก็บล็อคเรา
ตอนนั้นคือรู้สึกไม่อยากคบแล้วกับผู้ไทยเลยมาปัดทินเดอร์ คนแรกที่เราเดทด้วยในทินเดอร์คือ ฝ. จากตุรกีที่ทำงานในไทย นางก็บอกว่าชอบเรา เราน่ารักเป็นธรรมชาติไม่เฟคอยากคบด้วยยาวเลยตัดสินใจยอมนัดเจอ คือเดทแรกนางก็จะล่อเราเลยแต่เราไม่ยอม แต่ไม่กี่วันก็มาบอกเราว่าอยากโฟกัสเรื่องงานก่อนไม่อยากคิดมากเรื่องอื่นตอนนี้ เราเลยปัดตกไป
ปัดหาคนใหม่ต่อ แล้วก็แมชท์กับผช.ไทยเชื่อสายอินเดียคนหนึ่งซึ่งคนนี้เข้ามาแบบแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องonsซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าไว้คุยแก้เหงาไม่ได้คิดจะนัดเจอหรืออะไร
ตอนนั้นเราก็แมชท์และคุยหลายคน จนเรามาแมชท์กับหนุ่มมาเลย์คนหนึ่งนางเรียนอยู่ที่ไทยและอยู่ใกล้ๆที่เราพักพอดี ตอนคุยก็รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ คนนี้คือมีพลังงานบวกให้เรามากๆ และมีหลายอย่างที่เราชอบเหมือนๆกัน เลยตัดสินใจนัดเจอแล้วหลังจากนั้นไม่นานก้คบกันค่ะ คบกันได้ไม่นานก้ต้องเลิกด้วยเหตุผลทางครอบครัวเขาที่มันไม่สามารถที่จะทำให้เราไปต่อกันได้ ตอนที่เลิกก็คือไม่ได้โกรธหรือทะเลาะกันนะคะ จบกันด้วยเหตุผลและเราค่อนข้างฝั่งใจกับคนนี้มากหรือเรียกว่าmove onไม่ได้ก็ได้ค่ะ ยังคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่มีด้วยกันมันไม่เคยมีเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับเขาเลยทุกครั้งที่นึกถึงเขาเรายังยิ้มออกมาทุกครั้งแต่บางทีก็มีน้ำตาไหลออกมาด้วย555 คือพอจบกันกับคนนี้ก็รู้สึกว่าไม่อยากคบใครแล้ว ใครทักมาก็ไม่คุยอ่านบ้างตอบบ้างไม่ตอบบ้าง
แต่มันจะมีคนคนหนึ่งที่ชอบมาๆหายๆก็คือผู้ที่เป็นคนไทยเชื้อสายอินเดียที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ขอแทนนางด้วยชื่อVนะคะ ตอนนั้นนางทักมาวันที่เราเลิกกับหนุ่มมาเลย์พอดีเราเลยบอกนางไปว่าเราอกหักอยู่ไม่อยากคุย แล้วนางก็บอกว่า fine ซึ่งเราก็คิดว่านางจะไม่ทักมาแล้วแหละ แล้วพอหลังจากที่เลิกกับหนุ่มมาเลย์ไม่นานเราก็ออกจากงานประจำที่ทำอยู่(ปัญหาเพราะเพื่อนร่วมงานไม่น่ารัก)แต่ด้วยความที่ช่วงโควิดแบบนี้หางานใหม่มันก็ค่อนข้างยากแม่เราเลยให้เรากลับบ้านมาช่วยงานที่ร้าน(บ้านเราเป็นร้านตัดเสื้อนะคะ)เราเลยตัดสินใจจะกลับบ้าน เพราะพยามหางานมา2เดือนแล้วไม่ได้ แล้วVก็ทักมาอีก แบบเดิม แบบขอเจอนั่นนี้ เราก็บอกนางว่าไม่ได้หรอกเราจะกลับบ้านแล้ว แทนที่นางจะถอดใจกลับใช้จุดนี้มาจี้เราว่าจะกลับแล้วสิต้องรีบเจอเพราะจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก ไอ้เราก็อ้างสารพัดว่าต้องเก็บของนั่นนี้ ตอนแรกกำหนดกลับเราคือสิ้นเดือนแต่พี่ชายเรามาเลื่อนเป็นวันที่24 (พี่ชายเราเป็นขับรถให้) เราก็บอกนางว่าไม่ได้เราออกไปไม่ได้ เราต้องเก็บของแพ็คของไหนจะต้องขนของอีก นางก็อาสาว่าจะมาช่วยขน ซึ่งยอมรับว่าตอนนั้นที่เรายอมให้นางมาเจอเพราะว่าเราคิดว่าถ้าเกิดเราเจอกับนางลองมีความสัมพันธ์แบบonsกับนางมันอาจจะทำให้เราเข้มแข็งและไม่อ่อนกับเรื่องความรักแล้วก็ได้(ความคิดปัญญาอ่อนมาก) สุดท้ายก็นัดเจอตอนแรกว่าจะออกไปเจอกันข้างนอกแต่พี่ชายเราดันบอกว่าจะมารับตี4ซึ่งถ้าไปนอนโรงแรมกลับมาไม่ทันแน่ๆเราเลยให้นางมาที่ห้อง(เราอยู่ชั้น5แล้วตึกที่เราอยู่ไม่มีลิฟท์ด้วย) ของในห้องเราถือว่าค่อนข้างเยอะนะ ทั้งเตียง ตู้ โต๊ะ ไหนจะเสื้อผ้า กับกางเกงยีนส์และพวกสต๊อคของอื่นๆที่เราขายอีก(เราขายของออนไลน์หลายอย่างเป็นอาชีพเสริม) ก็ตามคาดนางมาถึงประมาณ6โมงเย็น นางก็เปิดฉากจะล่อเราเลย เราพยายามเบี่ยงประเด็นพาออกไปยืนรับลมที่นอกระเบียงชวนคุยเรื่องอื่นแต่ก็ไม่สำเร็จ นางพยายามว่านล้อมเราอยู่นานจนเรายอมแต่ก็ยอมรับว่าตอนนั้นเราไม่มีอารมณ์ร่วมเลย เราเลยรู้ตัวว่าทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย หลังจากนั้นเราจะสั่งแกร็ปมากินกันแต่เพราะความอ๋องของเรามือถือเราปักหมุดที่เก่าที่เราเคยอยู่คือสาธรพอย้ายมาอยู่สมุทรปราการเราไม่เคยใช้แกร็ปเลย มันก็ขึ้นว่าไม่อยู่ในพื้นที่บริการ แล้วตอนนั้นคือ ทุ่มห้าสิบกว่าแล้ว แล้วก็ต้องใช้มือถือนางสรุปสั่งอาหารไม่ทันร้านปิดก่อนต้องพากันวิ่งลงมาตลาดหน้าตึกเพื่อดูว่ามีอะไรยังขายอยู่บ้าง(ตอนนั้นล็อคดาวน์3ทุ่ม 7-11ปิด2ทุ่ม)คือวิ่งหาของกินไปแล้วก็ขำไป สรุปได้พวกข้าวเหนียว ไก่ย่าง ไก่ทอด ขนมจีบแล้วก็พวกขนมสาคู ขนมต้มมา หลังจากนั่นเราก็นั่งคุยกันเล่าเรื่องราวต่างๆให้กันฟัง แล้วจู่ๆนางก็บอกว่าอยากคุยกับเราต่ออยาดเจอกันอีก ปล.เราคุยกันเล่นๆว่านางจะนวดให้เราแล้วให้เรานวดให้นางบ้างแต่นางจะนวดให้เรานานกว่า สรุปนางนวดไม่ไดเรื่องเลยจ้ะ จนเราต้องลุกขึ้นมานวดให้นางดูว่านวดยังไงให้มันสบาย(เราเคยทำงานพาร์ทไทม์ในร้านนวดมาก่อนเลยมีสกิลในการนวด) นวดไปคุยกันไป ไปๆมาๆกลายเป็นเรานั่งนวดหัวให้vไปเกือบ2ชม.กว่า - -' ประมาณตี2เราก็เริ่มช่วยกันขนของลงไปไว้รอพี่ชายเราข้างล่าง (vกลัวพี่ชายเราเพราะได้ยินพี่ดุเราตอนที่โทรมาหาเราแล้วเราไม่ได้รับสายพอโทรกลับพี่ก็จัดใหญ่เลย) vอยากรีบขนให้เสร็จก่อนพี่เรามาแต่ปรากฎว่าไม่ทันเพราะที่บอกไปชั้น5ไม่มีลิฟขนกัน2คน คือตอนนั้นเห็นสภาพนางแล้วสงสารมากเหงื่อท่วมหอบแล้วหอบอีก แต่สุดท้ายก็ไม่ทันพี่เรามา555 vกลัวพี่ดุเลยแกล้งพูดไทยไม่ได้คือตอนนั้นขำมาก พี่ใช้ให้ไปซื้อเชือกมามันของก็เดินไปซื้อกัน2คน เดินไปก็ขำไปแถมโดนหมาไล่อีกหนึ่งกรุบ หลังจากที่เรากลับมาอยู่บ้านนางก็ยังคุยกับเราต่อ มีหลายๆอย่างที่เรารู้สึกว่าเราเข้าใจและเห็นใจเขา เขาเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาให้เราฟังมากขึ้นเรื่อยๆทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องในครอบครัว นางแนะนำเราให้เพื่อนสนิทนางรู้จักแต่พอเห็นเรากับเพื่อนนางสนิทกันนางก็ไม่พอใจและห้ามไม่ให้เเราคุยกับเพื่อนนางอีก นางบอกว่าเพื่อนนางไว้ในไม่ได้ไม่อยากให้ยุ่ง เขาบอกว่าเขาอยากเปลี่ยนตัวเอง เขาบอกว่าเขามีปัญหาหลายอย่าง เขาเป็นโรคเครียด ไมเกรน ซึมเศร้า สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย แล้วก็ติดเซ็กซ์ นางเริ่มซื้อของให้ จ่ายค่าของนู้นนี้นั่นให้เรา แล้วก็เสนอให้เราทำงานกับนาง ปล.งานทำบัญชี จัดงานเรื่องต่างๆในShpeeกับLazada เขาบอกว่าตั้งแต่เราเข้ามาเราเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาเราทำให้เขาเริ่มกลับมาทำงาน และออกไปหาผญ.น้อยลง เขาบอกว่าชอบเรามากแต่ถ้าเกิดว่าเป็นแฟนกันเขาเชื่อว่าเขาต้องนอกใจเราแน่ๆ เขาไม่อยากให้เรา เพราะเขายังมีความต้องการกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ เขาบอกว่าเขารู้ว่าเขาไม่ดีเขาเห็นแก่ตัว แต่เขาก็พูดเสมอเช่นกันว่า เราควรได้รับสิ่งที่ดีควรเจอคนที่ดีกว่าเขา แต่เขาอยากมีเราในชีวิตแบบนี้ไปตลอด เขาบอกว่าเราเป็นเหมือนบ้านทุกครั้งที่ไม่สบายใจแค่ได้ยินเสียงเราเขาก็จะดีขึ้น เราเลยตกลงกันว่าถ้าคนใดคนหนึ่งมีแฟนแฟนของเราหรือคนคุยของเราทั้งคู่ต้องรู้การมีอยู่ของอีกคนว่าเรามีเพื่อนคนสำคัญอยู่ แต่เวลาที่เขาออกไปกับคนอื่นเราก็เศร้าอยู่ดี เขาง้อเราด้วยการซื้อของให้และให้เงินใช้ แล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาแม่ของเขาเข้าผ่าตัดซีดซึ่งตอนนั้นนางเครียดมาก เพราะต้องจัดการทุกอย่างเองทั้งงานที่หน้าร้าน ออร์เดอร์ลูกค้าจากshopee ทั้งเรียนออนไลน์ แล้วยังเครียดที่แม่ต้องผ่าตัดอีก วันนั้นเราทำseoให้นางดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย นางโทรหาเราเกือบร้อยสาย พอเราโทรกลับไปคือได้ยินเสียงนางร้องไห้บอกว่าคิดว่าเราจะหายไปจากชีวิตนางแล้ว เราอยู่ในสถานะแบบนี้มาประมาณ3เดือน(นับจากวันที่เรากกลับบ้านมา) เราเองก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน แต่ตอนนี้เราคิดว่าเราชอบเขาไปแล้ว ช่วงนี้เขาใกล้สอบfinalงานเขาก็จะเยอะหน่อย ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่เขาก็ยังโทรหาทุกเช้ากับก่อนนอนเสมอ จริงๆระหว่างวันก็โทรนะเวลาเขาว่างแต่ฏ็คุยแปปๆ บางทีก็แอบคิดว่าเขาอาจจะเจอคนอื่นแล้วเอาเวลาไปให้คนอื่นหรือเปล่า แต่80%คือเราเชื่อว่าเขาไม่โกหกเราด้วยละไรหลายๆอย่างที่เราสัมผัสและได้เห็นจากคนๆนี้ และด้วยความคิดมากนี้ทำให้เราเก็บเอาไปฝันว่าเขาแอบไปมีแฟนแล้วไม่บอกเรา เราเสียใจจนเลิกติดต่อแล้วก็หายไปจากชีวิตเขา พอตื่นมาเราเลยรู้ว่าที่จริงแล้วถ้าเขามีใครขึ้นมาจริงๆเราเองก็รับไม่ได้ เราเลยเลือกที่จะบอกกับเขาไปตรงๆว่าเรารู้แล้วว่าเรารับไม่ได้ เขาก็ดูงงๆว่าทำไมจู่ๆเราพูดแบบนั้นไป และเขาก้บอกเราว่าจริงๆเราเป็นแฟนกันได้แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (ซึ่งข้อนี้เรารู้ดีต่อให้เรารักกันดีแต่มันก็มีความต่างบ้างอย่างที่เราต้องเลิกกันในที่สุด) และอีกอย่างที่เขาพูดก็คือ "จุดเริ่มต้นที่เราเจอกันมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆที่จะคบกันเป็นแฟน" เรายอมรับว่าเสียใจมากกับประโยคนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เลยอยากรู้ว่าในความคิดของทุกคนคิดยังไงกับการคบกับคนที่เจอจากทินเดอร์คะ สำหรับเราตอนนี้เราไม่สนแล้วว่าจุดประสงค์แรกที่เราเจอกันคืออะไร แต่ตอนนี้เรารู้สึกดีกับเขาอยากมีเขาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราควรทำยังไงต่อดี :'(