มีใครเกิดทันสมัยตลับเทปบ้างครับ 555
#ในยุคสมัยทึ่ผมได้ตังไปโรงเรียนแค่วันละ10บาท
#กับเพลงฮิตที่ได้ยินจาเสียงตามสายของหมู่บ้านที่ ผญบ เปิดตอนเช้าๆ
สมัยเด็กๆทุกคนคงจะมีเพลงที่ชอบและนักร้องที่ตัวเองหลงรัก เมื่อได้ยินถึงขั้นเอาสมูดินสอมาจดเอาเนื้อร้อง ไปท่องจำ "เป็นอะไรที่จริงจังกว่าเรียนหนังสือมาก" เนื้อหาในหนังสือเรียนยังจำไม่ได้เท่าเนื้อเพลง "สุดยอด555" เป็นอะไรที่ตั้งใจมาก ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะที่เป็นแบบนี้ เด็กๆในยุคนั้นเป็นแทบทุกคน พอร้องได้แล้วก็เอามาร้องอวดกันเหมือแข่งกันหาความนิยมให้ตัวเอง ถ้าเพรงไหนดังๆช่วงนั้นใครจำเนื้อร้องได้คัดบอกมาใส่สมุดอย่างสวยงามและร้องได้ก่อนเพื่อน มันเป็นอะไรที่จากมากๆๆๆ (คำว่าจ๊าบในสมัยก่อนอาจะแปลว่า ดี ดีเลิศ จนเป็นที่นิยม) และเป็นวิธีจีบสาวที่เราชอบอีกวิธีหนึ่ง555 (ความรักสมัยเด็กประถม) ถ้าสมมติคนที่เราชอบ กำลังชอบเพลงเดียวกันกับเราอยู่นะเราก็จะตีเนียนไปสอนเขาร้อง55 (มันเป็นวิธีที่เราเข้าหาเขาคนนั้นได้ดีมากๆ) อย่างน้อยๆมันก็ทำให้เราสองคนมีเรื่องคุยกันอะนะ ไม่ใช้แค่คนที่เราชอบนะ แต่คนที่ขอบเพลงนี้ก็มีเข้ามาหาเราด้วยน่ารักทั้งนั้น จากคนที่ไม่มีอะไรกลายเปนคนที่ฮอตในตอนนั้นขึ้นมาทันที (นิสัยเสียก็เริ่มมีมาละ หลงตัวเอง555) แต่... เราก็มีคู่แข่งเหมือนกันนะ คนอื่นร้องได้ทีหลังเรา เเต่มันหน้าตาดีกว่าสาวๆก็ไปหาเขาหมด (ตามระเบียบ555) นี่ก็เป็นเสน่ห์ของเสียงเพลงในยุคนั้น
เทปคาสเซ็ทเทบค กับเครื่องเล่นเทป ช่วงนั้นก็มีเทปคาสเซ็ทมาขาย ซึ่งเป็นอะไรที่แพงมากในตอนนั้นที่ผมได้เงินไปโรงเรียนวันละ10บาทต้องเก็บตังอดกินขนมเกือนเดือนถึงจะได้ตลับเทปมาซักม้วนนึ่ง 555 (ในยุคนั้นสมัยเรียนประถมมันเป็นแรร์เลยนะ) ใครมีนิจ็าบมากๆๆๆๆ ไม่ต้องเสียเวลามารองฟังเสียงตามสายจดอีกละ ในม้วนตลับเทปมันมีเนื้อร้อง 555 (ช่วงนั้นไม่มีปัญญาซื้อเครื่องเล่นเทปซึ่งแพงมากๆ) ก็ทำทีเอามาอวดเพื่อนที่โรงเรียนให้รู้ว่าเรามีของใหม่ ที่นี้สาวๆก็กลับมาหาเราทันที มาขอยืมเนื้อร้องไปอ่าน ไอ่เราก็ให้ยืมอะนะเพื่อเรียกคะเเนน แต่ในอัลบั้บนั้นมันก็มีหลายเพลงมากๆ ไอ้เราก็ชอบแค่เพลงเดียวร้องได้เพลงแค่เดียว แต่สาวๆดันชอบเพลงอื่นด้วยมาขอให้เราสอนร้องอะดิ ก็...
บอกเขาไป "เดี๋ยวพรุ่งนี้มาสอนนะ" คือวันนั้นไม่ได้นอนทั้งคืน ไปที่บ้าน ผญบ ขอเปิดเพลงฟังและพยามร้องท่องจำให้ (มี่เพื่อนเป็นลูก ผญบ อะนะ) แกก็มีเครื่องเล่นเทปมีลำโพงตัวเล็ๆ เปิดเบาๆฟังได้ ตัดเสียงตามสายออก (สบายละทีนี้55) ก็พากันแกะเนื้อร้องกับเพื่อนสองคนจนดึก พยามร้อยหลายรอบมากกว่าจะจำได้ "มีความพยายามมากๆๆๆ" ถึงตอนเช้าไปโรงเรียนก็ ตามแผนสอนเขาร้องจนจำได้ ร้องดีกว่าเราอีก กลายเป็นคนที่ฮอดขึ้นมาทันที สาวๆก็เข้าหาเราตลอดเลยทีนี้แต่คนที่เราชอบมีแค่คนเดียว เหมือนรู้สึกได้ว่าเธอในตอนนี้ขอบเราเข้าแล้ว แต่... นิสัยหลงตัวเองก็มาอีกละ เมื่อไอ้คนที่หน้าตาดีกว่ามันดันมายืมตลับเทปเรา (ตอนนั้นก็เพื่อนกันอะนะ ไม่ไมด้มีอะไรให้ผิดใจกัน) มันก็เป็นคนซื่อๆ แค่อยากร้องเพลงที่มันชอบ แต่มันหน้าตาดีสาวๆเลยเข้าหามันมากในตอนนั้น เราก็แค่พยามแข่งกับมันแค่นั้นเอง 555 ช่วงนั้นมันมีสิ่งที่ทุกๆคไม่ว่าใครๆก็อยกได้มา คือ ซาวด์เบ้าท์
ซาวด์เบ้าท์
เป็นเครื่องเล่นเทปที่มีราคาแพงมากในช่วงนั่น มันมีเสน่ห์ตรงที่พกพาได้ ใส้หูฟังแล้วดูเท่ห์มาๆกในยุคนั้นด้วยความอยากได้ก็เก็บเงินซื้อเอง อดค่าขนม ต้องไปหารับจ้างบ้างเวลาวันหยุด เมื่อได้มามันก็เป็นแร่ร์ไอเทีมอีกละ555 ฟังได้ทุกเพลงมีเพลงที่เราไม่เคยฟังด้วย ปกติแล้วก็ฟังใน วิทยุFM อะนะ เวลาคนอื่นโทรขอเพลงเขาก็จะขอแค่เพลงที่เขาชอบ เเละในอัลบั้มก็มีหลายเพลงมาก ได้เราก็ไม่เคยได้ฟังสักที ที่ได้ยินก็มีแค่ตอนที่เขาเปิดให้ฟัง จากเสียงตามสาย จาววิทยุFM จากทีวีบ้าง ในยุคนั้น ได้ซาวด์เบ์าท์ เหมือนได้เปิดโลกใหม่เลยในช่วงนั้น ดูในทีวิ ฟังในวิทยุFM ก็ไม่เคยได้ยินเพลงในอัลบั้มนี้เลย แต่บางเพลงก็เพราะมากๆ ก็เก็บตังค์ซื้อม้วนเทปมาเรื่อยๆ จนหลายๆอัลบั้ม หลายๆศิลปินที่เราชอบ (ช่วงนี้ทุกๆคนก็จะมีเครื่องเล่นแทบทุกคนอะนะ) เพลงที่เราชอบมากๆบางทีฟังจนม้วนยืด อยากจะฟังเพลงเดิมก็รีกลับ "โดยใช้ปากกาเสียบเข้ารูแล้วหมุนกลับ"
ฟังเพลงเดิมๆไปซ้ำๆอะนะ
#สมัยเรียนมัธยม กับวิทยุFM
ช่วงนั้นก็เริ่มหมดยุคตลับเทปกับเครื่องเล่นละ จะมีแผ่นCDมาแทน
มีทั้งภาพเนื้อร้อง เป็นอะไรที่แจ่มากๆๆ แลกกันฟัง ยืมกันบ้างกันเพื่อน จนCDสะดุด "อันนี้ทุกคนน่าจะเคยเจอนะ555"
การจีบสาวที่เราชอบก็เริ่มยากขึ้นเพราะมุขเดิมๆที่เราใช้เข้าหาก็เริ่มยากละจะสอนเขาร้องเพลง
ก็ไม่ได้ละ ทุกคนต่างก็เติบโตขึ้นเรื่องความรักทุกคนก็อยากจะมีคนวามรักความจริงใจที่มีให้กัน (คำว่ารักแท้อะนะ)
มาถึงจุดนี้ในยุคนี้มีวินยุFM เป็นสื่อหลัก ในชุมชน กับตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ "บรรเทิงละทีนี้ โทรขอเพลงสิครับ" โทรขอเพลงจีบสาวทั้งคืน ต้องอาสัยตู้หยอดเหรียญ โทรขอเพลงผ่านดีเจ ของสถาณีวิทยุชุมชนเป็นสื่อกลางฝากความรู้สึกดีๆให้คนที่เราชอบ ช่วงนั้นโทรศัพท์มือถือแพงมาก "รุ่นปาใส่หัวหมแตก"ทุกคนคงเคยได้ยินนะรุ่นนี้ ยุคนั้นก็ถือว่าแพงนะในสมัยเรียนมัธยมถ้าอยากได้ก็ต้องเก็บตังค์ซื้อ (มือถือยุคปุ่มกด) เวลาจะโทรก็ต้อซื้อบัตรเติมเงินแพงๆมาโทร (คงเตยได้ยินคำว่า นาทีละ3บาทนะเติมที300) บางทีมีเบอร์โทรผิดมาด้วยเสียงอย่างสวย ลงทุนเติมบัตรโทรหมดหลายตังอยู่นะ และแล้วก็ถึงวันนัดเจอกัน "แบบว่าเสียงไม่ตรงปก555" (อ้นนี้น่ากลัวกว่ายุคนี้นะ) อันนี้เพื่อนผมเจอมามันลูกคนมีตังค์หน่อย แต่คงเป็นโชคดีของผมละที่เราไม่มีก็ต้องพึ่งตู้หยอดเหรียญ โทรขอเพลง ฝากความรู้สึกให้คนที่เราชอบผ่านดีเจ บางคนก็สมหวังคบกันจนแต่งงานมีครอบครัวที่ดีก็มี บางคนก็ผิดหวังบ้างกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็มี ช่วงนั้นดีเจก็จัดรายกาเป็นช่วงๆ มีเพลงฮิต เพลงลูกทุ่ง สตริง เพื่อชีวิต คนฟังมากหรือน้อยก็แล้วแต่ลีลาของดีเจคนนั้น "ก็ยอมรับนะครับว่าแต่ละคนเก่งมากๆ" พูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนฟังกี่คน มีเเฟนเพลงโทรมาพูดคุยบ้าง โทรขอเพลงฝากความรูสึกให้คนที่เราชอบผ่านดีเจ รับสายแฟนเพลงก็จัดให้ตามคำขอ มันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากๆในช่วงนั้น
#ในยุคที่มีสมารท์โฟน และเทคโนโลยีล้ำสมัย
ในยุคนี้แหละที่ผมคิดว่าเสียงเพลงเริ่มหายไป ทุกๆคนต่างก็ผ่านช่วงเวลา ปฐม ม.ต้น ม.ปลาย พอเข้า มหาลัย ในช่วงนี้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยโซเชียลต่างๆเข้ามาทุกๆคนก็มีตัวเลือก หรือทางเลือกที่เยอะขึ้นเข้าถึงสิ่งต่างๆได้เร็วขึ้น ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น แต่.."จะเจอคำว่าร฿ปไม่ตรงปก" แต่ก็ยังดีกว่าสมัยก่อนที่เจอเสียงไม่ตรงปก555 เป็นที่มาของคำว่า "ใช้โซเชียลอย่างมีสติ" มาถึเรื่องเพลงกันต่อดีกว่านะ เพลงฮิตก็มีมาตามกระแส แต่..ดังได้ไม่นานก็มีกะแสใหม่ๆมาแทนเร็วมาก ในยุคนี้ถือว่าดีมากกว่ายุคก่อนทั้งความสะดวกรวดเร็วไม่ต้อมาเข้าคิวตู้โทรศัพทร์ ไม่ต้องซื้อบัตรเติมเงินราคาแพงๆเพื่อโทรจีบสาว เพลงที่เราชอบในสมัยก่อนก็มีในยูทูปหาดูหาฟังได้ง่ายตามอินเตอร์เน็ต แต่... มันก็เหมือนทำให้บางอย่างหายไปด้วย นั่นก็คือ เสนห์ของยุคก่อนๆได้หายไป เสียงเพลงที่เราชอบ ความรักที่ใสซื่อ ในช่วงนั้น พอเทียบกับยุคนี้ มันก้ทำให้เราคิดถึงวันเก่าๆ คิดทีไรก็ยิ้มได้ทุกที แต่วันนี้เพลงดังๆที่ได้ฟัง ไม่นานฟังไปก็เบื่อ บางเพลงที่คิดว่าชอบก็ร้องไม่จบด้วยซ้ำ ความรูสึกที่จริงใจที่สื่อให้คนที่เราชอบ ก็กลายเป็นเรื่องตลก เพราะสมัยนี้ทุกคนมีตัวเลือกเยอะ ถึงวัยทำงานเจอสถานะการในปัจุบัญทั้งโรคภัย ทั้งสังคมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ก็แทบไม่มีเวลาให้ตัวเอง ฟังเพลงแค่เพลงเดียวก็ไม่จบ ดูอย่างอื่นคลายเครียดไป และก็มีเรื่องให้คิดเยอะ สุดท้ายเสียงเพลงก็ค่อยไปหายไป ในชีวิตประจำวันเรา
เป็นไปได้อยากจะหาวันหยุดซักวัน
หาเวลาอยูกับตัวเองบ้าง
ฟังเพลงที่เราชอบ เปิดดูอัลบั้มเก่า ศิลปินที่เราชอบ เปิดฟังในเครื่องเล่นเทปเก่าๆที่เราสะสมไว้
ที่ทำให้เราคิดถึงวันวาน
แต่ชีวิตเราก็ต้องก้าวต่อไป ตามยุคตามสมัย ปรับตัวตลอดเวลา ทุกสิ่งมันย้อนกลับไปไม่ได้ แต่สิ่งมีค่าคือความทรงจำ ของวันวาน ที่ทำให้เราคิดถึงเเล้วรู้สึกดี
ขอให้มีความสุขนะครับ
แล้วพบกันใหม่
คิดถึงวันวาน กับ เสียงเพลงที่หายไป (ช่วยแก้คำผิดให้หน่อยครับนึกอะไรได้ก็เขียนเลย55)
#ในยุคสมัยทึ่ผมได้ตังไปโรงเรียนแค่วันละ10บาท
#กับเพลงฮิตที่ได้ยินจาเสียงตามสายของหมู่บ้านที่ ผญบ เปิดตอนเช้าๆ
สมัยเด็กๆทุกคนคงจะมีเพลงที่ชอบและนักร้องที่ตัวเองหลงรัก เมื่อได้ยินถึงขั้นเอาสมูดินสอมาจดเอาเนื้อร้อง ไปท่องจำ "เป็นอะไรที่จริงจังกว่าเรียนหนังสือมาก" เนื้อหาในหนังสือเรียนยังจำไม่ได้เท่าเนื้อเพลง "สุดยอด555" เป็นอะไรที่ตั้งใจมาก ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะที่เป็นแบบนี้ เด็กๆในยุคนั้นเป็นแทบทุกคน พอร้องได้แล้วก็เอามาร้องอวดกันเหมือแข่งกันหาความนิยมให้ตัวเอง ถ้าเพรงไหนดังๆช่วงนั้นใครจำเนื้อร้องได้คัดบอกมาใส่สมุดอย่างสวยงามและร้องได้ก่อนเพื่อน มันเป็นอะไรที่จากมากๆๆๆ (คำว่าจ๊าบในสมัยก่อนอาจะแปลว่า ดี ดีเลิศ จนเป็นที่นิยม) และเป็นวิธีจีบสาวที่เราชอบอีกวิธีหนึ่ง555 (ความรักสมัยเด็กประถม) ถ้าสมมติคนที่เราชอบ กำลังชอบเพลงเดียวกันกับเราอยู่นะเราก็จะตีเนียนไปสอนเขาร้อง55 (มันเป็นวิธีที่เราเข้าหาเขาคนนั้นได้ดีมากๆ) อย่างน้อยๆมันก็ทำให้เราสองคนมีเรื่องคุยกันอะนะ ไม่ใช้แค่คนที่เราชอบนะ แต่คนที่ขอบเพลงนี้ก็มีเข้ามาหาเราด้วยน่ารักทั้งนั้น จากคนที่ไม่มีอะไรกลายเปนคนที่ฮอตในตอนนั้นขึ้นมาทันที (นิสัยเสียก็เริ่มมีมาละ หลงตัวเอง555) แต่... เราก็มีคู่แข่งเหมือนกันนะ คนอื่นร้องได้ทีหลังเรา เเต่มันหน้าตาดีกว่าสาวๆก็ไปหาเขาหมด (ตามระเบียบ555) นี่ก็เป็นเสน่ห์ของเสียงเพลงในยุคนั้น
เทปคาสเซ็ทเทบค กับเครื่องเล่นเทป ช่วงนั้นก็มีเทปคาสเซ็ทมาขาย ซึ่งเป็นอะไรที่แพงมากในตอนนั้นที่ผมได้เงินไปโรงเรียนวันละ10บาทต้องเก็บตังอดกินขนมเกือนเดือนถึงจะได้ตลับเทปมาซักม้วนนึ่ง 555 (ในยุคนั้นสมัยเรียนประถมมันเป็นแรร์เลยนะ) ใครมีนิจ็าบมากๆๆๆๆ ไม่ต้องเสียเวลามารองฟังเสียงตามสายจดอีกละ ในม้วนตลับเทปมันมีเนื้อร้อง 555 (ช่วงนั้นไม่มีปัญญาซื้อเครื่องเล่นเทปซึ่งแพงมากๆ) ก็ทำทีเอามาอวดเพื่อนที่โรงเรียนให้รู้ว่าเรามีของใหม่ ที่นี้สาวๆก็กลับมาหาเราทันที มาขอยืมเนื้อร้องไปอ่าน ไอ่เราก็ให้ยืมอะนะเพื่อเรียกคะเเนน แต่ในอัลบั้บนั้นมันก็มีหลายเพลงมากๆ ไอ้เราก็ชอบแค่เพลงเดียวร้องได้เพลงแค่เดียว แต่สาวๆดันชอบเพลงอื่นด้วยมาขอให้เราสอนร้องอะดิ ก็...
บอกเขาไป "เดี๋ยวพรุ่งนี้มาสอนนะ" คือวันนั้นไม่ได้นอนทั้งคืน ไปที่บ้าน ผญบ ขอเปิดเพลงฟังและพยามร้องท่องจำให้ (มี่เพื่อนเป็นลูก ผญบ อะนะ) แกก็มีเครื่องเล่นเทปมีลำโพงตัวเล็ๆ เปิดเบาๆฟังได้ ตัดเสียงตามสายออก (สบายละทีนี้55) ก็พากันแกะเนื้อร้องกับเพื่อนสองคนจนดึก พยามร้อยหลายรอบมากกว่าจะจำได้ "มีความพยายามมากๆๆๆ" ถึงตอนเช้าไปโรงเรียนก็ ตามแผนสอนเขาร้องจนจำได้ ร้องดีกว่าเราอีก กลายเป็นคนที่ฮอดขึ้นมาทันที สาวๆก็เข้าหาเราตลอดเลยทีนี้แต่คนที่เราชอบมีแค่คนเดียว เหมือนรู้สึกได้ว่าเธอในตอนนี้ขอบเราเข้าแล้ว แต่... นิสัยหลงตัวเองก็มาอีกละ เมื่อไอ้คนที่หน้าตาดีกว่ามันดันมายืมตลับเทปเรา (ตอนนั้นก็เพื่อนกันอะนะ ไม่ไมด้มีอะไรให้ผิดใจกัน) มันก็เป็นคนซื่อๆ แค่อยากร้องเพลงที่มันชอบ แต่มันหน้าตาดีสาวๆเลยเข้าหามันมากในตอนนั้น เราก็แค่พยามแข่งกับมันแค่นั้นเอง 555 ช่วงนั้นมันมีสิ่งที่ทุกๆคไม่ว่าใครๆก็อยกได้มา คือ ซาวด์เบ้าท์
ซาวด์เบ้าท์
เป็นเครื่องเล่นเทปที่มีราคาแพงมากในช่วงนั่น มันมีเสน่ห์ตรงที่พกพาได้ ใส้หูฟังแล้วดูเท่ห์มาๆกในยุคนั้นด้วยความอยากได้ก็เก็บเงินซื้อเอง อดค่าขนม ต้องไปหารับจ้างบ้างเวลาวันหยุด เมื่อได้มามันก็เป็นแร่ร์ไอเทีมอีกละ555 ฟังได้ทุกเพลงมีเพลงที่เราไม่เคยฟังด้วย ปกติแล้วก็ฟังใน วิทยุFM อะนะ เวลาคนอื่นโทรขอเพลงเขาก็จะขอแค่เพลงที่เขาชอบ เเละในอัลบั้มก็มีหลายเพลงมาก ได้เราก็ไม่เคยได้ฟังสักที ที่ได้ยินก็มีแค่ตอนที่เขาเปิดให้ฟัง จากเสียงตามสาย จาววิทยุFM จากทีวีบ้าง ในยุคนั้น ได้ซาวด์เบ์าท์ เหมือนได้เปิดโลกใหม่เลยในช่วงนั้น ดูในทีวิ ฟังในวิทยุFM ก็ไม่เคยได้ยินเพลงในอัลบั้มนี้เลย แต่บางเพลงก็เพราะมากๆ ก็เก็บตังค์ซื้อม้วนเทปมาเรื่อยๆ จนหลายๆอัลบั้ม หลายๆศิลปินที่เราชอบ (ช่วงนี้ทุกๆคนก็จะมีเครื่องเล่นแทบทุกคนอะนะ) เพลงที่เราชอบมากๆบางทีฟังจนม้วนยืด อยากจะฟังเพลงเดิมก็รีกลับ "โดยใช้ปากกาเสียบเข้ารูแล้วหมุนกลับ"
ฟังเพลงเดิมๆไปซ้ำๆอะนะ
#สมัยเรียนมัธยม กับวิทยุFM
ช่วงนั้นก็เริ่มหมดยุคตลับเทปกับเครื่องเล่นละ จะมีแผ่นCDมาแทน
มีทั้งภาพเนื้อร้อง เป็นอะไรที่แจ่มากๆๆ แลกกันฟัง ยืมกันบ้างกันเพื่อน จนCDสะดุด "อันนี้ทุกคนน่าจะเคยเจอนะ555"
การจีบสาวที่เราชอบก็เริ่มยากขึ้นเพราะมุขเดิมๆที่เราใช้เข้าหาก็เริ่มยากละจะสอนเขาร้องเพลง
ก็ไม่ได้ละ ทุกคนต่างก็เติบโตขึ้นเรื่องความรักทุกคนก็อยากจะมีคนวามรักความจริงใจที่มีให้กัน (คำว่ารักแท้อะนะ)
มาถึงจุดนี้ในยุคนี้มีวินยุFM เป็นสื่อหลัก ในชุมชน กับตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ "บรรเทิงละทีนี้ โทรขอเพลงสิครับ" โทรขอเพลงจีบสาวทั้งคืน ต้องอาสัยตู้หยอดเหรียญ โทรขอเพลงผ่านดีเจ ของสถาณีวิทยุชุมชนเป็นสื่อกลางฝากความรู้สึกดีๆให้คนที่เราชอบ ช่วงนั้นโทรศัพท์มือถือแพงมาก "รุ่นปาใส่หัวหมแตก"ทุกคนคงเคยได้ยินนะรุ่นนี้ ยุคนั้นก็ถือว่าแพงนะในสมัยเรียนมัธยมถ้าอยากได้ก็ต้องเก็บตังค์ซื้อ (มือถือยุคปุ่มกด) เวลาจะโทรก็ต้อซื้อบัตรเติมเงินแพงๆมาโทร (คงเตยได้ยินคำว่า นาทีละ3บาทนะเติมที300) บางทีมีเบอร์โทรผิดมาด้วยเสียงอย่างสวย ลงทุนเติมบัตรโทรหมดหลายตังอยู่นะ และแล้วก็ถึงวันนัดเจอกัน "แบบว่าเสียงไม่ตรงปก555" (อ้นนี้น่ากลัวกว่ายุคนี้นะ) อันนี้เพื่อนผมเจอมามันลูกคนมีตังค์หน่อย แต่คงเป็นโชคดีของผมละที่เราไม่มีก็ต้องพึ่งตู้หยอดเหรียญ โทรขอเพลง ฝากความรู้สึกให้คนที่เราชอบผ่านดีเจ บางคนก็สมหวังคบกันจนแต่งงานมีครอบครัวที่ดีก็มี บางคนก็ผิดหวังบ้างกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็มี ช่วงนั้นดีเจก็จัดรายกาเป็นช่วงๆ มีเพลงฮิต เพลงลูกทุ่ง สตริง เพื่อชีวิต คนฟังมากหรือน้อยก็แล้วแต่ลีลาของดีเจคนนั้น "ก็ยอมรับนะครับว่าแต่ละคนเก่งมากๆ" พูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนฟังกี่คน มีเเฟนเพลงโทรมาพูดคุยบ้าง โทรขอเพลงฝากความรูสึกให้คนที่เราชอบผ่านดีเจ รับสายแฟนเพลงก็จัดให้ตามคำขอ มันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากๆในช่วงนั้น
#ในยุคที่มีสมารท์โฟน และเทคโนโลยีล้ำสมัย
ในยุคนี้แหละที่ผมคิดว่าเสียงเพลงเริ่มหายไป ทุกๆคนต่างก็ผ่านช่วงเวลา ปฐม ม.ต้น ม.ปลาย พอเข้า มหาลัย ในช่วงนี้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยโซเชียลต่างๆเข้ามาทุกๆคนก็มีตัวเลือก หรือทางเลือกที่เยอะขึ้นเข้าถึงสิ่งต่างๆได้เร็วขึ้น ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น แต่.."จะเจอคำว่าร฿ปไม่ตรงปก" แต่ก็ยังดีกว่าสมัยก่อนที่เจอเสียงไม่ตรงปก555 เป็นที่มาของคำว่า "ใช้โซเชียลอย่างมีสติ" มาถึเรื่องเพลงกันต่อดีกว่านะ เพลงฮิตก็มีมาตามกระแส แต่..ดังได้ไม่นานก็มีกะแสใหม่ๆมาแทนเร็วมาก ในยุคนี้ถือว่าดีมากกว่ายุคก่อนทั้งความสะดวกรวดเร็วไม่ต้อมาเข้าคิวตู้โทรศัพทร์ ไม่ต้องซื้อบัตรเติมเงินราคาแพงๆเพื่อโทรจีบสาว เพลงที่เราชอบในสมัยก่อนก็มีในยูทูปหาดูหาฟังได้ง่ายตามอินเตอร์เน็ต แต่... มันก็เหมือนทำให้บางอย่างหายไปด้วย นั่นก็คือ เสนห์ของยุคก่อนๆได้หายไป เสียงเพลงที่เราชอบ ความรักที่ใสซื่อ ในช่วงนั้น พอเทียบกับยุคนี้ มันก้ทำให้เราคิดถึงวันเก่าๆ คิดทีไรก็ยิ้มได้ทุกที แต่วันนี้เพลงดังๆที่ได้ฟัง ไม่นานฟังไปก็เบื่อ บางเพลงที่คิดว่าชอบก็ร้องไม่จบด้วยซ้ำ ความรูสึกที่จริงใจที่สื่อให้คนที่เราชอบ ก็กลายเป็นเรื่องตลก เพราะสมัยนี้ทุกคนมีตัวเลือกเยอะ ถึงวัยทำงานเจอสถานะการในปัจุบัญทั้งโรคภัย ทั้งสังคมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ก็แทบไม่มีเวลาให้ตัวเอง ฟังเพลงแค่เพลงเดียวก็ไม่จบ ดูอย่างอื่นคลายเครียดไป และก็มีเรื่องให้คิดเยอะ สุดท้ายเสียงเพลงก็ค่อยไปหายไป ในชีวิตประจำวันเรา
เป็นไปได้อยากจะหาวันหยุดซักวัน
หาเวลาอยูกับตัวเองบ้าง
ฟังเพลงที่เราชอบ เปิดดูอัลบั้มเก่า ศิลปินที่เราชอบ เปิดฟังในเครื่องเล่นเทปเก่าๆที่เราสะสมไว้
ที่ทำให้เราคิดถึงวันวาน
ขอให้มีความสุขนะครับ
แล้วพบกันใหม่