การสำรวจ " Well of Barhout " ธรณีวิทยาลึกลับของเยเมนเป็นครั้งแรก

กระทู้คำถาม

(นี่คือ 'หลุมนรก' ของเยเมนที่ทำให้นักธรณีวิทยาสับสน)

เยเมน (Yemen) ประเทศเล็ก ๆ บนคาบสมุทรอาหรับ เป็นประเทศสองทวีปที่ตั้งอยู่ในทั้งแอฟริกาและตะวันออกกลาง มีลักษณะเป็นภูเขาและแห้งแล้ง ด้วยประชากร 29.3 ล้านคน มันถูกแบ่งออกเป็น 4 พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้แก่ western coastal mesa, eastern mountains, western mountains และ Rub al-Khali ซึ่งเป็นทะเลทรายทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในอดีตเยเมนมักถูกตั้งชื่อตามความรุนแรงและสงคราม เช่น Egypt’s Vietnam 1967, Yemenite War 1972, Yemeni Civil War 1994

ประวัติศาสตร์ของเยเมนนั้นมีมายาวนานกว่า 3,000 ปี และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ยังคงเป็นหลักฐานในสถาปัตยกรรมของเมืองและหมู่บ้านจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม ห่างไกลออกไปในภูมิประเทศทะเลทรายทางตะวันออกของ Sana เมืองหลวงของเยเมนใกล้ชายแดนของโอมานกว่า 1,300 กม. (800 ไมล์) มีหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดิน ซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุหลายล้านล้านปี ที่ดึงดูดใจและทำให้คนในท้องถิ่นหลงใหลและเกรงกลัว

หลุมขนาดใหญ่นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ " บ่อน้ำแห่งนรก / หลุมนรก " (pit of hell / Well of Hell, Well of Barhout) อยู่กลางทะเลทรายในเมือง Barhout ของเยเมน ที่ล้อมรอบไปด้วยความลึกลับและนิทานเรื่องปีศาจตามตำนานของเยเมน ซึ่งถูกเชื่อว่าเป็นทางลงไปสู่นรกที่คุมขังปีศาจ และบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้หลุมนี้ ยังเชื่อว่าทุกสิ่งที่เข้าใกล้หลุมจะถูกดูดเข้าไปโดยไม่อาจหลบหนีได้ โดยอ้างอิงถึงสิ่งที่อาจซุ่มซ่อนอยู่ในหลุม

ไม่มีใครเคยไปถึงจุดต่ำสุดของบ่อน้ำ Barhout ของเยเมน

ทำให้สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันลึกลับ ได้ปลุกเร้าเรื่องราวของปีศาจและ jinns มานานหลายศตวรรษ

Cr.ภาพ AFP

Well of Barhout มีลักษณะเป็นหลุมทรงกลมมืดบนพื้นทะเลทรายของจังหวัด Al Mahra ทางตะวันออกของเยเมน กว้าง 30 เมตร (100 ฟุต) และลึกลงไปประมาณ 112 เมตร (367 ฟุต) ใต้พื้นผิว แต่มีผู้ที่อ้างว่าความลึกถึง 820 ฟุต ตามบันทึกระบุว่ามีกลิ่นแปลก ๆ ลอยขึ้นมาจากส่วนลึกของมัน แม้จะไม่เคยมีใครลงไปในหลุมมาก่อน แต่เพราะกลิ่นจากหลุมนี้เองทำให้ใครๆ คิดว่าเป็นกลิ่นของเหล่าปีศาจที่ถูกคุมขังอยู่

ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุได้ว่าความลึกของมันเกิดจากอะไร และมีอะไรอยู่ใต้ปล่องยักษ์นี้ แต่ที่ชัดเจนแล้วคือ หลุมมีเส้นผ่านศูนย์กลางบนพื้นผิว 30 เมตรเป็นอย่างน้อย เนื่องจากหลุมตั้งอยู่ในเยเมน ซึ่งเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในตะวันออกกลาง ซึ่งขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ จึงไม่มีการสำรวจระหว่างประเทศที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้สิ่งนี้ยิ่งเพิ่มความลึกลับให้หลุม ซึ่ง Wrong Babhair ผู้อำนวยการสถาบันธรณีวิทยาแห่ง Mahra อธิบายว่า จากการตรวจสอบคร่าวๆ มีแนวโน้มมากที่สุดที่หินนี้อาจมีอายุหลายล้านปี

ไม่กี่ปีต่อมา คณะสำรวจพยายามลงไปในหลุม แต่ก็ต้องรีบขึ้นมาเพราะการระบายอากาศไม่ดี จากนั้นเมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงานวิดีโอจาก AFP ได้บินโดรนเหนือหลุมพร้อมทั้งบันทึกภาพทางอากาศอันน่าทึ่งของหลุมลึกลับดังกล่าว ซึ่งแม้ว่าโดรนจะบินตรงเหนือหลุมพอดี โดยเลนส์กล้องที่ชี้ลงไปตรงๆ ก็ไม่สามารถมองเห็นความลึกของมันได้เนื่องจากความมืดสุดขั้ว ในขณะที่ Salah Babhair อธิบดีกรมสำรวจทางธรณีวิทยาและทรัพยากรแร่แห่ง Mahra กล่าวว่า
สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีคนเข้าใจเพียงเล็กน้อยนี้ ยังต้องการการศึกษา การวิจัย และการตรวจสอบเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า กลิ่นเหม็นจากภายในข้างล่าง ที่ทำให้ประชากรในท้องถิ่นเชื่อว่ามีปีศาจอยู่ มีทฤษฏีที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ เป็นกลิ่นของก๊าซกำมะถัน แต่สิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์สับสนและแปลกใจคือ มีพื้นที่อยู่อาศัยถูกสร้างขึ้นมากที่สุดตามผนังที่ก่อเป็นวงแหวนบริเวณที่ใกล้กับพื้นผิว โดยมีพืชพรรณและนกบางชนิดมาทำรัง

จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (ก.ย. 2021) ทีมนักสำรวจถ้ำ Oman Cave Exploration Team (OCET) นำโดย Mohammad Al Kindi ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเยอรมันในโอมาน หนึ่งในแปดนักสำรวจถ้ำที่มีประสบการณ์ซึ่งโรยตัวลงไปในหลุม ขณะที่เพื่อนร่วมงานอีกสองคนยังคงอยู่ที่ข้างบน เพิ่งค้นพบสิ่งที่อยู่ด้านล่างของโครงสร้างทางธรณีวิทยานี้

Kindi บอกว่า ทั้งเขาและเพื่อนร่วมทีมทั้งเจ็ดไม่รู้สึกถึงผลของคำสาปใดๆ สิ่งที่เห็นคือน้ำจืดบริสุทธิ์ที่พวกเขานำมาดื่มโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในการสำรวจใช้เวลาประมาณหกชั่วโมง ซึ่งภายในหลุม ทีมสำรวจถ้ำ OCET พบงูจำนวนมากและสัตว์ที่ตายแล้ว แต่ไม่มีสัญญาณของสิ่งเหนือธรรมชาติ เมื่อใช้อุปกรณ์สำรวจและเครื่องตรวจจับก๊าซ Kindi และทีมงานพบว่าหลุมนั้นมีออกซิเจนในระดับปกติและอากาศที่ปราศจากพิษ

ถ้ำไข่มุกส่องประกายผ่านน้ำตกใต้ดินภายใน Well of Barhout / Cr.ทีมสำรวจถ้ำโอมาน

โดยภาพที่รายงานโดย AFP ยังแสดงให้เห็น การก่อตัวของถ้ำและไข่มุกสีเทา - สีเขียวมะนาวซึ่งเกิดจากการหยดน้ำในถ้ำ ซึ่ง Kindi บอกว่า ไข่มุกในถ้ำ
ที่ส่องผ่านน้ำตกใต้ดิน เป็นองค์ประกอบที่มีมนต์ขลังที่สุดที่พวกเขาเห็น พร้อมทั้งอธิบายว่า ไข่มุกในถ้ำนั้นเป็นแหล่งสะสมแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีจุดศูนย์กลางซึ่งก่อตัวขึ้นรอบนิวเคลียสใต้น้ำที่ตกลงมา ทรงกลมเหล่านี้เรียบโดยการเคลื่อนไหวของน้ำที่ตกลงมาเป็นเวลาหลายพันปี จนเกิดเป็นรูปทรงมุกที่สวยงาม

Kindi เสริมว่า นี่เป็นสิ่งที่จะเปิดเผยสิ่งมหัศจรรย์ใหม่และจะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เยเมน พวกเขาได้เก็บตัวอย่างน้ำ หิน ดิน และสัตว์ที่ตายแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการวิเคราะห์ และจะมีรายงานเผยแพร่สู่สาธารณะในไม่ช้า ส่วนกลิ่นน่าจะมาจากนกที่ตายแล้ว แต่กลิ่นก็ไม่ได้เหม็นมากจนเกินไป เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปรากฏการณ์ปีศาจในบริเวณอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ตอนนี้ Kindi วางแผนที่จะเยี่ยมชมภูมิภาค Hadramout ในเยเมน เพื่อตรวจสอบว่าหลุมยุบที่คล้ายกันสามารถเก็บความลับของนรกจริงหรือไม่

ทั้งนี้ ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา เรื่องราวต่างๆ ของปีศาจและบุคคลเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ได้ไหลเวียนอยู่ในของร่างร้ายที่รู้จักกันในชื่อ jinns หรือ genies ที่อาศัยอยู่ในบ่อน้ำ ซึ่งบางคนมองว่าเป็นประตูแห่งนรก และชาวบ้านจำนวนมากไม่สบายใจที่จะไปเยี่ยมชมหลุมขนาดใหญ่ หรือแม้แต่พูดถึงเรื่องนี้เพราะกลัวโชคไม่ดี สำหรับสภาพอากาศในส่วนนี้ของเยเมนโดยทั่วไปจะร้อนและแห้งแล้งมากในฤดูร้อน แม้ว่าอาจมีพายุฝนฟ้าคะนองเหนือภูเขาใกล้เคียงในบางโอกาส โดยรวมแล้ว ภูมิภาคนี้ไม่ได้รับฝนตกมากนัก