เรื่องค่อนข้างยาวนะคะ แต่เราจะพยายามรวบให้สั้นที่สุดค่ะ รบกวนเพื่อนๆ ให้ความเห็นกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
เราเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เรา 7 ขวบเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีปัญหากระทบทางด้านร่างกายเลย แต่ว่าเป็นด้านจิตใจทั้งหมดค่ะ พ่อไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูแต่จะมีมาหาบ้าง แม่ทำงานหนักคนเดียวเพื่อเลี้ยงดูเราค่ะ เราได้เข้าเรียนโรงเรียนดีๆ มีเพื่อนที่ดี (จนตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่) ทุกคนมาจากครอบครัวมีฐานะแต่ไม่เคยดูถูกเราเลย พอเราเข้าสู่วัยรุ่นเราทำตัวเกเรไม่ชอบเรียนหนังสือเพราะเหมือนเด็กมีปัญหาเรียกร้องความสนใจ แต่เรารู้ตัวดีว่าเรารักแม่สุดหัวใจ เราเรียนจนจบและทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไปค่ะ ในระหว่างทางก่อนเราจะเรียนจบ เราได้รู้เรื่องราวว่าแม่คอยช่วยเหลือด้านการเงินให้พี่น้องตัวเอง พี่ป้าน้าอาน่ะค่ะ ช่วยมาตลอดทั้งชีวิตที่เราจำความได้ จนตอนนี้ก็ยังช่วยอยู่ ช่วยจนหมดตัวไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านที่เราเกิดก็ต้องขายทิ้งไป (เราเสียใจมาก) แต่เราก็คิดว่ายังไงก็ต้องซื้อบ้านให้แม่อยู่ให้ได้ ตั้งใจทำงานต่อไป แต่ก็รู้ว่าถ้าอยู่แบบนี้ต้องลำบากไปจนตายแน่ๆ ตัดสินใจไปอยู่ต่างประเทศกับเพื่อน เพราะคิดว่าอย่างน้อยอาจจะหาเงินได้มากกว่านี้ เราไปอยู่นู่น 7 ปีได้ ทำงานสากกระเบือยันเรือรบทุกอย่างที่ไม่คิดจะทำตอนอยู่ไทย ส่วนใหญ่ใช้แรงงานน่ะค่ะ ทำความสะอาด เสริฟอาหาร สอนภาษา เช้ายันดึก ไม่ค่อยได้นอนหรอกค่ะ จนเราเก็บเงินมาซื้อบ้านให้แม่ได้ แม่เราดีใจมาก บอกภูมิใจในตัวเรา
เรื่องฟังดูเหมือนไม่มีอะไรนะคะ แต่ภายในจิตใจเราบอบช้ำมาก เพราะเราคิดเสมอว่าไม่มีใครรักเรา พ่อก็ทิ้งไป ไม่เคยส่งเสีย พอเราโตยังกลับมาขอเงินเราใช้อีก ไม่เคยห่วงเลยว่าเราจะอยู่ยังไง โตมายังไง ส่วนแม่เราก็เลี้ยงเราได้ดีในระดับนึงเลยค่ะ แต่เรารู้สึกว่าแม่เรารักพี่น้องตัวเองมากกว่ารักเรา เพราะไม่เหลืออะไรไว้ให้เราเลย จนมาถึงปัจจุบันที่เรากลับมาไทย ซื้อบ้านให้ แม่เราก็ยังคงส่งเสียช่วยเหลือพี่น้องอยู่เสมอมา จนเราทนไม่ไหว ระเบิดออกมา ทะเลาะกับแม่เสียงดังมาก เราบอกเราเหนื่อย เหนื่อยมากจนรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าเราจะบ้าขึ้นมาคือเราตัดได้หมด ถ้าแม่อยากคอยช่วยเหลือพี่น้องจนเกินกำลังความสามารถตัวเองแบบนี้ เราบอกเราอยู่ไม่ไหว เราทำหน้าที่หาที่อยู่ให้แม่ได้แล้ว (เลี้ยงแม่ได้ แต่แม่คนเดียวนะ คนอื่นญาติๆเราไม่เอา) เราขอมีชีวิตของเราคืนมาบ้าง แม่เราบอกว่าเราไม่มีพี่น้องเราไม่เข้าใจหรอกว่าเห็นพี่น้องลำบากมันเป็นยังไง ส่วนตัวเรารู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนใจดำ แต่การที่มนุษย์พวกนั้นไม่เคยเห็นใจว่าแม่เราลำบากเพียงใดที่ต้องคอยช่วยเหลือ ละยังคงทำตัวเป็นภาระมาตลอดทั้งชีวิตที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เราว่ามันไม่ถูกต้อง
พอเรากลับมาไทย ก็มาทำงานออฟฟิตเหมือนเคย เจอปัญหาเจ้านายไม่เคยเห็นความดี คอยพูดจาประชดประชัน ดูถูกต่างๆนาๆ ทัศนคติแย่ พูดจากดให้คนอื่นต่ำลงเพราะคิดว่าจะยกตัวให้สูงขึ้น ละไหนจะคนที่คอยอิจฉาจ้องจับผิดคอยด่าประจานเราดังๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดไปหมด (ทั้งที่ความผิดเล็กนิดเดียว) เรารู้ว่าเราควรลาออก แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้เราก็ไม่อยากตกงาน เพราะยังหางานใหม่ไม่ได้น่ะค่ะ ก็อดทนทำไป ไม่ว่านายจะพูดอะไรเราใช้วิธีหูหนวกค่ะ และกับคนพวกนั้นเราก็ใช้วิธีเงียบค่ะ เงียบอย่างเดียวเราไม่เคยโต้ตอบใคร ปล่อยให้มันผ่านไป แต่ในใจเรากลับเก็บการกระทำแย่ๆนั้นไว้จนเหมือนเป็นโรคซึมเศร้า มันทำให้เรารู้สึกต่อต้านคนแบบนี้มากๆ ไม่อยากมาทำงานเลยค่ะ
ปัญหาคือเรารู้สึกจิตตกมากๆ รู้สึกว่าไม่มีใครรักและห่วยใยเรา มีแต่จะคอยมาเอาเปรียบเอาผลประโยชน์รอบตัว เราเบื่อหน่ายชีวิตมาก เลยกำลังคิดว่าจะไปพบจิตแพทย์ดูน่ะค่ะ
เพื่อนๆ ว่าเราคิดมากไปเองไหมคะ หรือเราคิดแต่มุมของเราเองรึเปล่า ขอบคุณนะคะที่สละเวลาอ่านเรื่องของเรา ค่อนข้างยาวทีเดียว
คิดว่าตัวเองเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ จนตอนนี้เข้าสู่วัยกลางคน ควรพบจิตแพทย์ไหมคะ
เราเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เรา 7 ขวบเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีปัญหากระทบทางด้านร่างกายเลย แต่ว่าเป็นด้านจิตใจทั้งหมดค่ะ พ่อไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูแต่จะมีมาหาบ้าง แม่ทำงานหนักคนเดียวเพื่อเลี้ยงดูเราค่ะ เราได้เข้าเรียนโรงเรียนดีๆ มีเพื่อนที่ดี (จนตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่) ทุกคนมาจากครอบครัวมีฐานะแต่ไม่เคยดูถูกเราเลย พอเราเข้าสู่วัยรุ่นเราทำตัวเกเรไม่ชอบเรียนหนังสือเพราะเหมือนเด็กมีปัญหาเรียกร้องความสนใจ แต่เรารู้ตัวดีว่าเรารักแม่สุดหัวใจ เราเรียนจนจบและทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไปค่ะ ในระหว่างทางก่อนเราจะเรียนจบ เราได้รู้เรื่องราวว่าแม่คอยช่วยเหลือด้านการเงินให้พี่น้องตัวเอง พี่ป้าน้าอาน่ะค่ะ ช่วยมาตลอดทั้งชีวิตที่เราจำความได้ จนตอนนี้ก็ยังช่วยอยู่ ช่วยจนหมดตัวไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านที่เราเกิดก็ต้องขายทิ้งไป (เราเสียใจมาก) แต่เราก็คิดว่ายังไงก็ต้องซื้อบ้านให้แม่อยู่ให้ได้ ตั้งใจทำงานต่อไป แต่ก็รู้ว่าถ้าอยู่แบบนี้ต้องลำบากไปจนตายแน่ๆ ตัดสินใจไปอยู่ต่างประเทศกับเพื่อน เพราะคิดว่าอย่างน้อยอาจจะหาเงินได้มากกว่านี้ เราไปอยู่นู่น 7 ปีได้ ทำงานสากกระเบือยันเรือรบทุกอย่างที่ไม่คิดจะทำตอนอยู่ไทย ส่วนใหญ่ใช้แรงงานน่ะค่ะ ทำความสะอาด เสริฟอาหาร สอนภาษา เช้ายันดึก ไม่ค่อยได้นอนหรอกค่ะ จนเราเก็บเงินมาซื้อบ้านให้แม่ได้ แม่เราดีใจมาก บอกภูมิใจในตัวเรา
เรื่องฟังดูเหมือนไม่มีอะไรนะคะ แต่ภายในจิตใจเราบอบช้ำมาก เพราะเราคิดเสมอว่าไม่มีใครรักเรา พ่อก็ทิ้งไป ไม่เคยส่งเสีย พอเราโตยังกลับมาขอเงินเราใช้อีก ไม่เคยห่วงเลยว่าเราจะอยู่ยังไง โตมายังไง ส่วนแม่เราก็เลี้ยงเราได้ดีในระดับนึงเลยค่ะ แต่เรารู้สึกว่าแม่เรารักพี่น้องตัวเองมากกว่ารักเรา เพราะไม่เหลืออะไรไว้ให้เราเลย จนมาถึงปัจจุบันที่เรากลับมาไทย ซื้อบ้านให้ แม่เราก็ยังคงส่งเสียช่วยเหลือพี่น้องอยู่เสมอมา จนเราทนไม่ไหว ระเบิดออกมา ทะเลาะกับแม่เสียงดังมาก เราบอกเราเหนื่อย เหนื่อยมากจนรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าเราจะบ้าขึ้นมาคือเราตัดได้หมด ถ้าแม่อยากคอยช่วยเหลือพี่น้องจนเกินกำลังความสามารถตัวเองแบบนี้ เราบอกเราอยู่ไม่ไหว เราทำหน้าที่หาที่อยู่ให้แม่ได้แล้ว (เลี้ยงแม่ได้ แต่แม่คนเดียวนะ คนอื่นญาติๆเราไม่เอา) เราขอมีชีวิตของเราคืนมาบ้าง แม่เราบอกว่าเราไม่มีพี่น้องเราไม่เข้าใจหรอกว่าเห็นพี่น้องลำบากมันเป็นยังไง ส่วนตัวเรารู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนใจดำ แต่การที่มนุษย์พวกนั้นไม่เคยเห็นใจว่าแม่เราลำบากเพียงใดที่ต้องคอยช่วยเหลือ ละยังคงทำตัวเป็นภาระมาตลอดทั้งชีวิตที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เราว่ามันไม่ถูกต้อง
พอเรากลับมาไทย ก็มาทำงานออฟฟิตเหมือนเคย เจอปัญหาเจ้านายไม่เคยเห็นความดี คอยพูดจาประชดประชัน ดูถูกต่างๆนาๆ ทัศนคติแย่ พูดจากดให้คนอื่นต่ำลงเพราะคิดว่าจะยกตัวให้สูงขึ้น ละไหนจะคนที่คอยอิจฉาจ้องจับผิดคอยด่าประจานเราดังๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดไปหมด (ทั้งที่ความผิดเล็กนิดเดียว) เรารู้ว่าเราควรลาออก แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้เราก็ไม่อยากตกงาน เพราะยังหางานใหม่ไม่ได้น่ะค่ะ ก็อดทนทำไป ไม่ว่านายจะพูดอะไรเราใช้วิธีหูหนวกค่ะ และกับคนพวกนั้นเราก็ใช้วิธีเงียบค่ะ เงียบอย่างเดียวเราไม่เคยโต้ตอบใคร ปล่อยให้มันผ่านไป แต่ในใจเรากลับเก็บการกระทำแย่ๆนั้นไว้จนเหมือนเป็นโรคซึมเศร้า มันทำให้เรารู้สึกต่อต้านคนแบบนี้มากๆ ไม่อยากมาทำงานเลยค่ะ
ปัญหาคือเรารู้สึกจิตตกมากๆ รู้สึกว่าไม่มีใครรักและห่วยใยเรา มีแต่จะคอยมาเอาเปรียบเอาผลประโยชน์รอบตัว เราเบื่อหน่ายชีวิตมาก เลยกำลังคิดว่าจะไปพบจิตแพทย์ดูน่ะค่ะ
เพื่อนๆ ว่าเราคิดมากไปเองไหมคะ หรือเราคิดแต่มุมของเราเองรึเปล่า ขอบคุณนะคะที่สละเวลาอ่านเรื่องของเรา ค่อนข้างยาวทีเดียว