กำลังจะเปลี่ยนยาง เลยดูข้อมูลเรื่องยาง
เห็นเรื่องนึงน่าสนใจเลยอยากแชร์ หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วรวมถึงผม แต่ก็รู้แค่ว่ามันดีกว่าแย่กว่าเท่านั้น ไม่รู้ว่าวัดกันยังไง
ยางรถยนต์(รุ่นที่ขายในยุโรป)จะมีตัววัดมาตรฐานตัวนึงคือ euro tyre label ซื้อในไทยก็จะมีให้เห็นเหมือนกันเป็นสติกเกอร์แปะอยู่ที่ยาง (เปิดดูรูปประกอบในอากู๋นะครับ ผมลงภาพไม่ได้)
วัดคุณสมบัติ หลักๆ 3 อย่าง แบ่งเป็นเกรด A B C ....
1. ค่าความประหยัดน้ำมัน (ความต้านทานการหมุนของยาง)
2. การเบรคในถนนเปียก
3. ความดังในขณะขับ
ด้วยความที่แบ่งเกรดเป็นตัวอักษร เลยอาจจะไม่เห็นภาพว่าต่างกันอย่างไร
1. ค่าความประหยัด แต่ละเกรด จะต่างกันราวๆ 1.2 ลิตร ต่อ 1,000 กิโลเมตร (เดี๋ยวนี้จะมีตัวเลขเป๊ะๆของแต่ละรุ่น)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สมมติยางรุ่นประหยัดน้ำมัน ได้เกรด B ส่วนยางทั่วไปที่ไม่ได้เน้นเรื่องประหยัดเท่าที่เห็นจะอยู่ราวๆ E ต่างกัน 3.6 หรือยืดสุดที่เป็นไปได้ก็ 4.8 ถ้ายางเส้นนึงใช้ 60,000 โล
คุณจะประหยัดน้ำมันไป 288 ลิตร ลิตรละ29บาทก็ราวๆ8พัน ที่ประหยัด ส่วนจะคุ้มราคายางไหมต้องไปดูกันเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ค่าความต้านทานการหมุน (ค่าน้อยคือดี ประหยัด) ให้ลองนึกภาพถอดล้อแล้วออกแรงผลักมันไป ล้อที่มีค่าความต้านทานการหมุนต่ำ จะไหลไปได้ไกลกว่า
ด้วยน้ำหนัก เวลายางหมุนส่วนที่ติดพื้นจะถูกกดและเปลี่ยนรูปมากน้อยต่างกันไป การรักษาทรงหน้ายาง การคืนตัวของยาง เป็นเรื่องของโครงสร้างยาง น้ำหนักและคุณสมบัติของเนื้อยางโดยตรง
ทีนี้พวกที่ค่าต้านทานสูงๆ(ไม่ประหยัด)คือพวกหน้ายางถูกกดไปกับพื้นเยอะ คืนตัวช้า ซึ่งก็ทำให้คิดได้ว่ามันจะยึดเกาะถนนได้ดีกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ตัวเลขบอกประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนโดยตรง ผมเห็นคนรีวิวหลายคนเอาตัวนี้มาบอกว่าช่วยยึดเกาะถนน แม้ในความเป็นจริงอาจมีส่วน แต่เดี๋ยวจะสับสน
อย่างเช่น
uc6 = 10.5 นุ่มเงียบ
pilot sport4 = 9.4 สปอต นุ่มเงียบ
re004 = 10.5 สปอต
จะเห็นความไม่เม้กเซ้น
uc6 เน้นนุ่มเงียบ จะเกาะถนนเท่ากับยางสปอต หรือดีกว่า pilot ยางเทพ(รึเปล่าหว่า)ได้อย่างไร
พูดถึง pilot มิชลิน กำลังศึกษาที่เค้าอธิบายอยู่(ผิดถูกไม่แน่ใจ) ยางในความเร็วต่ำความถี่น้อย เนื้อยางจะคงรูป คืนรูปไว ลดความต้านทานการหมุน ลดการสึกหรอ ในขณะที่ความเร็วสูงความถี่สูงจะยอมเสียรูป กินยางมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเกาะถนน
เสียรูปที่ว่าหมายถึงในส่วนของเนื้อยางนะ แต่ทรงยางยังมีโครงสร้างบลาๆของมันให้ไม่ย้วยมั้ง
2. การเบรคบนถนนเปียกที่เห็นเค้าโฆษณาว่าเบรกสั้นกว่ากัน 2 เมตรบ้าง 5 เมตรบ้าง อันนั้นน่าจะเทียบในคลาสใกล้ๆกัน
มาลองดูตารางมาตรฐานดู เบรกที่ความเร็ว 80 เกรด A เทียบกับ F ต่างกัน 18 เมตร!! จริงๆชนไม่ชน ต่างกันเมตรเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
แต่ไม่เป็นไร จริงๆถนนมันกว้างใหญ่ ถ้าคิดว่าไม่ประมาทขับจี้ พื้นที่เบรคมันก็เหลือๆ
ถ้า18เมตรยังไม่เห็นถึงความรุนแรง ลองดูข้อมูลนี้
ถ้าเอาจุดที่เกรด A เบรกจนหยุดสนิท เป็นจุดอ้างอิง
เกรด B จะเลยสุด A ไปด้วยความเร็ว 25
C จะผ่านไปด้วยความเร็ว 34
E 42
F 49 km/h
จากจะไม่ชนเลย กลายเป็นชนอย่างสาหัส เพราะแค่ยาง เอาแค่ต่างกันเกรดเดียวพอที่ 25km/h ถ้าชนคนก็น่าจะหนักเอาเรื่องอยู่ (ยังไม่เห็นมียางรุ่นไหนห่วยได้เกรดต่ำๆนะ ส่วนใหญ่ก็ B C พรีเมี่ยมขึ้นมานิดหน่อยก็ A แล้ว)
3. เสียง อันนี้น่าจะเข้าใจกันดี
ทั้งนี้ทั้งนั้น อันนี้เป็นเพียงการวัดมาตรฐานหนึ่งเท่านั้น
คุณสมบัติของยางแต่ละตัวศึกษาที่เวปยี่ห้อนั้นๆ หรือจากการรีวิว ประกอบกัน
สติกเกอร์ มาตรฐานยาง Euro tyre label
เห็นเรื่องนึงน่าสนใจเลยอยากแชร์ หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วรวมถึงผม แต่ก็รู้แค่ว่ามันดีกว่าแย่กว่าเท่านั้น ไม่รู้ว่าวัดกันยังไง
ยางรถยนต์(รุ่นที่ขายในยุโรป)จะมีตัววัดมาตรฐานตัวนึงคือ euro tyre label ซื้อในไทยก็จะมีให้เห็นเหมือนกันเป็นสติกเกอร์แปะอยู่ที่ยาง (เปิดดูรูปประกอบในอากู๋นะครับ ผมลงภาพไม่ได้)
วัดคุณสมบัติ หลักๆ 3 อย่าง แบ่งเป็นเกรด A B C ....
1. ค่าความประหยัดน้ำมัน (ความต้านทานการหมุนของยาง)
2. การเบรคในถนนเปียก
3. ความดังในขณะขับ
ด้วยความที่แบ่งเกรดเป็นตัวอักษร เลยอาจจะไม่เห็นภาพว่าต่างกันอย่างไร
1. ค่าความประหยัด แต่ละเกรด จะต่างกันราวๆ 1.2 ลิตร ต่อ 1,000 กิโลเมตร (เดี๋ยวนี้จะมีตัวเลขเป๊ะๆของแต่ละรุ่น)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. การเบรคบนถนนเปียกที่เห็นเค้าโฆษณาว่าเบรกสั้นกว่ากัน 2 เมตรบ้าง 5 เมตรบ้าง อันนั้นน่าจะเทียบในคลาสใกล้ๆกัน
มาลองดูตารางมาตรฐานดู เบรกที่ความเร็ว 80 เกรด A เทียบกับ F ต่างกัน 18 เมตร!! จริงๆชนไม่ชน ต่างกันเมตรเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
แต่ไม่เป็นไร จริงๆถนนมันกว้างใหญ่ ถ้าคิดว่าไม่ประมาทขับจี้ พื้นที่เบรคมันก็เหลือๆ
ถ้า18เมตรยังไม่เห็นถึงความรุนแรง ลองดูข้อมูลนี้
ถ้าเอาจุดที่เกรด A เบรกจนหยุดสนิท เป็นจุดอ้างอิง
เกรด B จะเลยสุด A ไปด้วยความเร็ว 25
C จะผ่านไปด้วยความเร็ว 34
E 42
F 49 km/h
จากจะไม่ชนเลย กลายเป็นชนอย่างสาหัส เพราะแค่ยาง เอาแค่ต่างกันเกรดเดียวพอที่ 25km/h ถ้าชนคนก็น่าจะหนักเอาเรื่องอยู่ (ยังไม่เห็นมียางรุ่นไหนห่วยได้เกรดต่ำๆนะ ส่วนใหญ่ก็ B C พรีเมี่ยมขึ้นมานิดหน่อยก็ A แล้ว)
3. เสียง อันนี้น่าจะเข้าใจกันดี
ทั้งนี้ทั้งนั้น อันนี้เป็นเพียงการวัดมาตรฐานหนึ่งเท่านั้น
คุณสมบัติของยางแต่ละตัวศึกษาที่เวปยี่ห้อนั้นๆ หรือจากการรีวิว ประกอบกัน