สุนทรพจน์ BTS ที่งาน SDG Moment ประจำปี 2021 (ฉบับเต็ม) แปลโดย @_candyclover




สุนทรพจน์ BTS ที่งาน SDG Moment ประจำปี 2021 จัดโดยองค์การสหประชาชาติ



วันนี้ 18 กันยายน BTS ศิลปินปรากฏการณ์ K-Pop ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิด

RM: นายอับดุลลาห์ ซาอิด ประธานสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 76 ที่เคารพ, นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ, ประธานาธิบดีมุนแจอิน และท่านผู้นำสูงสุดจากนานาประเทศทุกท่าน, พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มายืนตรงที่แห่งนี้ครับ พวกเรา BTS ผู้แทนประธานาธิบดีพิเศษจากสาธารณรัฐเกาหลีครับ พวกเรามาในวันนี้เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ก่อนที่จะมายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ พวกเราถามไถ่ไปยังเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั่วโลกว่า 2 ปีที่ผ่านมเป็นอย่างไร และกำลังใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันที่เป็นอย่างไร พวกเราได้รับคำตอบอย่างไรบ้างนั้น คุณ Jin จะเป็นคนนำเสนอให้ทุกท่านได้ฟังครับ

Jin: ครับผม มารับชมไปพร้อม ๆ กันเลยไหมครับ? เพียงแค่ดูก็สัมผัสได้ถึงเอเนอร์จี้ดี ๆ กันแล้วใช่ไหมครับ? 2 ปีที่ผ่านมานั้นมีตอนที่เรารู้สึกลำบากใจและอัดอั้นตันใจ ถึงอย่างนั้นก็มีผู้คนที่ตะโกนออกมาว่า ‘Let’s live on! จงใช้ชีวิตในยามนี้ให้ดี!’

Jimin: เป็นเพราะว่าเราไม่สามารถหยุดอยู่เฉย ๆ ในช่วงเวลาที่เรามีโอกาสลองทำหลายสิ่งหลายอย่างได้มากที่สุดนั่นเองครับ  ตามจริงแล้ว เราคงไปโทษใครไม่ได้ แต่คุณก็คงจะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมด้วยเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่ผมยังรู้สึกเหมือนเมื่อวาน แต่โลกกลับเปลี่ยนไปในพริบตา เหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ในโลกคู่ขนาน

Jung Kook: เรารู้สึกสลดใจที่ได้ทราบว่าพิธีปฐมนิเทศ และพิธีจบการศึกษาถูกยกเลิก ทุกคนคงจะรู้สึกเสียใจที่พลาดช่วงเวลาที่อยากจะฉลองสักครั้งในชีวิต พวกเราเองก็เจ็บปวดหัวใจครับที่ทัวร์คอนเสิร์ตที่เราตระเตรียมมาเป็นเวลานานถูกยกเลิกลง เราโหยหาช่วงเวลาช่วงเวลาที่เราอยากจะทำให้สำเร็จลุล่วงอยู่พักใหญ่เลยล่ะครับ

SUGA: มันเป็นช่วงเวลาที่เรารู้สึกอาลัยในสิ่งที่เราถูกพลัดพราดไปเพราะไวรัสโคโรน่า ตลอดช่วงที่ผ่านมานั้นจึงเป็นช่วงที่ทำให้ผมตระหนักถึงความสำคัญในแต่ละช่วงเวลาที่ผมไม่เคยเห็นคุณค่าครับ

Jimin: คุณ SUGA เพิ่งพูดถึงความสำคัญของสิ่งที่เราไม่เคยเห็นคุณค่าไป มีหลายคนเลยครับที่ตอบคำถามของเราผ่านรูปถ่ายที่บันทึกช่วงเวลาที่มีคุณค่าเอาไว้ และมีรูปถ่ายกับธรรมชาติส่งมาให้เราเยอะเป็นพิเศษเลย ทุกคนคงจะรู้สึกว่าช่วงที่ได้สัมผัสและรักษาธรรมชาติตลอด 2 ปีที่ผ่านมานั้นยิ่งมีความหมายเป็นพิเศษ

j-hope: หรือมันเป็นความพะวงว่าเราเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่นาน เราเพิ่งพูดถึงสิ่งที่เราต้องเกิดความรู้สึกอาลัย แต่ผมกลับไม่อยากเกิดความรู้สึกอาลัยต่อโลกเลยครับ ทุกท่านคงเห็นพ้องต้องกันว่าการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศเป็นปัญหาที่สำคัญ แต่เราก็ไม่สามารถบอกได้ง่าย ๆ เลยครับว่าวิธีไหนคือวิธีแก้ปัญหาได้ที่ดีที่สุด เพราะผมว่ามันเป็นประเด็นที่เราไม่ควรด่วนสรุปนั่นเองครับ

RM: ใช่ครับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ระหว่างเตรียมตัวเพื่อมาที่นี่ ผมได้เรียนรู้ว่ามีนักศึกษาจำนวนมากที่สนใจในปัญหาสิ่งแวดล้อม และเลือกเรียนสาขานี้เป็นวิชาเอก อนาคตข้างหน้าเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครเผชิญ และยังมีเวลาอีกมากให้พวกเราเยาวชนได้ออกไปใช้เวลา พวกเขาจึงกำลังเสาะหาคำตอบด้วยตัวเองว่าใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะถูกต้อง

V: ดังนั้นผมจึงไม่อยากให้คิดว่าอนาคตของเราข้างหน้าจะมืดมิด เพราะยังมีผู้คนมากมายที่คำนึงและหาหนทางเพื่ออนาคตข้างหน้าของโลกใบนี้ ในเรื่องราวที่เราเป็นตัวเอกของเรื่อง ยังมีเรื่องราวให้เราเขียนอีกหลายหน้า ผมจึงไม่อยากให้พูดเหมือนว่าจุดจบได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วเลยครับ

Jung Kook: บางทีเราอาจจะรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนลง และรู้สึกหลงทาง ทั้ง ๆ ที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว เราเองก็มีช่วงเวลาที่รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันครับ

RM: ผมเคยได้ยินว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ถูกเอ่ยถึงว่าเป็น ‘Corona Lost Generation’

ในเชิงที่ว่าพวกเขาหลงทางในยามที่ต้องการโอกาสและความพยายามต่าง ๆ มากที่สุด แต่ผมกลับคิดว่าไม่ควรพูดว่าพวกเขาหลงทางเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่สายตาของผู้ใหญ่

Jimin: ลองดูภาพนี้นะครับ มีหลาย ๆ คนที่พยายามเจอเพื่อน ๆ ผ่านวิถีทางใหม่ ๆ, เริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทางออนไลน์ และใช้ชีวิตให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เรากลับมองว่าพวกเขาไม่ได้หลงทาง แต่กำลังพยายามและสร้างความกล้าขึ้นมาใหม่

Jin: ผมจึงมองว่า ‘Welcome Generation’ จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมกว่า ‘Corona Lost Generation’ ซึ่งหมายความว่าเจเนอร์เรชันนี้คือเจเนอร์เรชันที่ ‘Welcome’ เราและให้เราก้าวเดินออกไปข้างหน้า แทนที่เราจะหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลง

RM: ใช่ครับ แม้ในสถานการณ์ที่เกินความคาดหมาย หากเราเชื่อในความเป็นไปได้ และมีความหวังเราก็จะไม่หลงทาง และค้นพบกับหนทางใหม่ ๆ ครับ

SUGA: หนทางที่เราเลือกอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรที่เราทำได้เลยหรอกครับ

j-hope: ผมว่าสิ่งที่สำคัญคือหนทางที่เราเลือกในยามที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างหากครับ มีหลายคนสงสัยว่าพวกเราฉีดวัคซีนแล้วหรือยังหลังจากได้ข่าวว่าเราจะมาที่ UN ผมจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อบอกว่าพวกเราทั้งเจ็ดคนฉีดวัคซีนกันแล้วครับ

RM: ผมคิดว่าการฉีดวัคซีนเป็นเหมือนตั๋วให้เราได้มาพบกับแฟน ๆ ที่รอคอยพวกเรา

และเป็นตั๋วที่เราต้องจ่ายเพื่อมายืนอยู่ในที่แห่งนี้ ก็เหมือนกับข้อความที่เราถ่ายทอดในวันนี้เลยครับว่าเรากำลังทำในสิ่งที่พวกเราทำได้กันอยู่ในตอนนี้ครับ

V: เราฉีดวัคซีนแล้ว และกำลังพยายามดำเนินชีวิตประจำวันใหม่ ๆ ดังนั้นผมว่าวันที่เราจะได้พบหน้ากันอีกครั้งคงอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะครับ จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมหวังว่าทุกคนจะเติมเต็มชีวิตประจำวันด้วยพลังบวกกันทุกคนนะครับ

RM: เราคิดว่าโลกหยุดหมุนไป แต่จริง ๆ แล้วมันกำลังเดินหน้าไปทีละนิด ผมเชื่อว่าทุกตัวเลือกคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่จุดจบแต่อย่างใด ในโลกที่เริ่มต้นใหม่ ขอให้ทุกคนเอ่ยถึงกันและกันว่า ‘Welcome!’ นะครับ และเพลง ‘Permission to Dance’ ที่เรากำลังจะร้องให้ทุกคนได้ฟังตอนนี้คือการกล่าวยินดีต้อนรับที่เราอยากจะส่งถึงทุกคนล่วงหน้าครับ



แปลโดย : Twitter : @_candyclover

https://candyclover.com/bts-sdg-moment-2021/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่