เป็นพราะ เวรกรรม หรือ เพราะว่า เป็นคนคิดมาก

ครอบครัวมีกันแค่ 4 คน พ่อ แม่ พี่สาว
น้องสาวเราคือน้องคนสุดท้อง

ไม่มีญาติพี่น้อง เพราะในอดีตพ่อไม่ถูกกับญาติทั้งฝั่งพ่อ
และฝั่งญาติของแม่
แถมพ่อยังกีดกัน ไม่ให้แม่เจอญาติฝั่งตัวเองด้วย เพราะปัญหาเรื่องที่ดินคุยกันไม่ลงตัวในอดีต 
ทำให้เราโตมา ไม่มีญาติเลย

ในสมัยประถม เราถูกเลี้ยงมาให้อยู่แต่ในกรอบ ในระเบียบ 
พอเข้าสมัยมัธยม มันเริ่มรู้สึกกดดัน และอึดอัด แต่ทำอะไรไม่ได้ 

เรามักจะถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวเสมอ
ข้อเปรียบเทียบและข้อแตกต่างของเราและพี่สาว

ที่พ่อมักบอกเสมอคือ พี่เขาเก่งกว่า เขาฉลาด คิดเลขเร็ว เป็นคนใจเย็น มีเหตุผล และ เท่าทันคนอื่นเสมอ

ส่วนเราเป็นคนหัวอ่อน คิดตามไม่ค่อยทันในสิ่งที่คนอื่นพูด  ใจร้อน อารมณ์วู่วาม ปากไว

พี่สาวมักบอกกับเราเสมอว่า เราโง่ ซื่อบื่อ เสมอๆ
เราเลยมานั่งคิดทบทวน  และมันก็จริงทุกคำ ที่พูดมา
เราเลยยอมรับว่าสิ่งเหล่านั้นคือตัวตนของเรา

หลังจากนั้นมา เราก็ใช้ชีวิตปกติ ทำงาน หาเงินใช้หนี้กยศ.
ระหว่างทำงาน

 เราทำงานได้เพียง3 ปีแล้วลาออก เราย้ายบริษัทมาแล้ว 3 ที่ ทุกที่ทำ3 ปีแล้วออก ไม่รู้ทำไงต้อง 3ปี แต่ด้วยเหตุผลหลักๆคือ ต้องลาออกมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง จนเข้าปีสุดท้าย 9 ปีให้หลัง แม่เสียชีวิตลง ประจวบกับโรคโควิด 19 ระบาด ทำให้ไม่สามาถหางานได้
จนเกิดแรงกดดันจากพ่อว่า ชีวิตของเราไม่มั่นคง และเกิดการเปรียบเทียบกับพี่สาวว่า เขามีอาชีพที่มั่นคง ไม่เคยลาออกจากงานเลย ทำทีเดียวมาตลอด 10 กว่าปีจนปัจจุบัน

ทำให้เราเริ่มเก็บทุกอย่างมาคิดและสะสมมาเรื่อยๆ
จนระเบิดออกมา จากที่ไม่เคยเถียงพ่อและพี่สาว หลังจากแม่เสียชีวิต เราก็เถียงมาตลอด ไม่ถึงขึ้นลงไม้ลงมือ แค่พูดและด่ากันแรงๆ 

ทุกครั้งตอนมีงานทำ เราเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ สร้างห้องให้แม่ให้พ่อนอน ทำหน้าต่างกระจก ซื้อแอร์ให้ นอนสบาย ไม่เคยมีคำชมได้รับกลับมา

 จนล่าสุดเราแต่งงานก่อนพี่สาว ก็ไม่วายบอกว่า ชีวิตของเราไม่แน่นอน (สาเหตุที่ตัดสินใจแต่งงาน เพราะอยากให้แม่เห็นก่อนเสียชีวิต หมดห่วง ก่อนท่านสิ้นลม) แต่พี่สาวไม่ได้เห็นด้วย ในงานแต่ง มีแค่ พ่อ แม่ สามีในอนาคต และ หมา 2 ตัวเป็นพยาน 

พี่สาวพูดว่า ทำไมต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนอื่น หางานทำเอง ยืนด้วยขาของตัวเอง  และก็ไม่ได้เข้าร่วมงานแต่อย่างใด

ต่อมาหมา 2 ตัว โดนเพื่อนบ้านวางยา จนตาย
หาสาเหตุ ไม่ได้ ถ้าให้เดาอาจเป็น เห่าเสียงดัง

 พอหลังจากแต่งงานเราก็ไปกลับบ้านทุกอาทิตย์ เพราะพี่สาวไม่อยากให้ห่างครอบครัว

 และผลตรวจสุขภาพประจำปีนี้ ของพ่อ
ผลออกมาพ่อว่าเป็นมะเร็งระยะต้น ตอนนี้ให้คีโม และรอผ่าตัดก้อนเนื้อออกมา

 เราเป็นฝ่ายพาพ่อไปรพ.เพราะเราว่างงาน จนกระทั่งตอนนี้ เราได้งานทำเป็นสัญญาจ้างชั่วคราว  ทำ 6 เดือน ทำให้เราไม่สามารถพาพ่อไปหาหมอได้ แต่พี่ก็บอกให้เรา ลางาน เพราะพี่สาว WFH ต้องออนไลน์ตลอด ไม่สามารถลางานได้

ปัญหาคือ .....

1.เราเข้ากับพ่อไม่ได้
ทุกครั้งคุยกันได้ไม่กี่ประโยคก็จะทะเลาะกัน และพ่อมักใช้คำพูดแรงๆจนบางทีเราหน้าชาทำอะไรไม่ถูก

2.เราเสนอความคิดเห็นไปแล้ว พ่อไม่ฟัง ฟังแต่พี่สาว

3.เวลาพี่สาวทำผิด เรามองว่า มันเกินไป พอเราตำหนิ เขาก็ไม่รับฟัง

4.เวลาออกสาธารณะ
ดูเหมือนครอบครัวรักกันดี แต่พอกลับบ้าน 
ต่างคนต่างเข้าห้องแยกย้าย

5.เผลอเรียกแม่ ในวันที่แม่ไม่อยู่ จนตอนนี้จำเสียงของแม่ไม่ได้แล้ว

6.ปัญหาเรื่องเงิน พี่สาวกำหนด ใครกินต้องจ่ายต้องหาร ใช้ไฟในบ้านไปเท่าไหร่เอาบิลมาหาร
 พี่สาวซื้ออาหารเข้าบ้านแค่ตัวเองกิน ส่วนพ่อกินโจ๊กและไข่ลวก

เราไม่ได้อยากกลับมาบ้านทุกอาทิตย์ด้วยเหตุเรื่องเงิน อาหาร ค่าน้ำมัน แต่พี่สาวให้เรากลับ 

พอเรากลับบ้านไม่มีอะไรกิน เพราะเราไม่มีเงิน แต่อยากมาดูพ่อด้วย ควรทำยังไงดี

ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่สละเวลาอ่าน
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบ 🙏🙂
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่