🦸♂️🦸♂️🦸♂️
หนัง Anti Superheroes อันเข้มข้น และมีความรุนแรงเข้าขั้น 18+ จาก season 1 ที่จบสรุปทิ้งท้ายไว้อย่างน่าติดตามมากๆ มาถึง Season ที่ 2 ที่ฉายทาง Amazon สักพัก แล้ว ผมก็เพิ่งได้ดูเหมือนเรื่องก่อนๆ ซึ่งใจจริงอยากดูต่อตั้งแต่ฉายใหม่ๆ แต่ไม่มีเวลาดูสักที พอมีเวลาก็เลยยิงยาวเลย วันละ 4 ตอน แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
The Boys ซีซั่น 2 เมื่อกลุ่มก๊วนต่อต้านคนเหนือมนุษย์กลับกลายเป็นคนนอกกฏหมาย พวกเขาจึงจำเป็นดิ้นรนและสู้กลับ ในขณะที่บริษัทฮีโร่เริ่มสั่นกลัวกับวายร้ายที่มีพลังพิเศษ และฮีโร่คนใหม่ สตรอมฟรอนท์ ที่เข้ามาสั่นคลอนองค์กร รวมไปถึงโฮมแลนเดอร์ด้วย
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ใน ss นี้ ก็ยังคงมี 8 ตอน ตอนละ 40 นาทีกว่าๆ ซีรี่ส์เกริ่นเล่าถึง ss 1 เล็กน้อยก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องต่อเนื่องมาอยากฉับไว ซึ่งในช่วง 2-3 ตอนแรก เหมือนเนื้อเรื่องจะชูถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ขององค์กร วอท และตัว โฮมแลนเดอร์ เองที่มีต่อกลุ่มต่อต้าน แถมยังใส่ดราม่าหลายๆ ประเด็นเข้ามาเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อเรื่องอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของ ฮิวอี้ กับ แอนนี่, ฮิวออี้ กับ บุทเชอร์, แอนนี่ กับ แม่, บุทเชอร์ กับ พ่อแม่และป้าและประเด็นการตายของน้องชาย, รวมไปถึง ดราม่าพ่อแม่ลูกของโฮมแลนเดอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เกี่ยวดองหนองยุ่งแตกเป็นประเด็นให้ซีรี่ส์ได้มีอรรถรสมากขึ้นหว่าแค่ไล่ล่าระเบิดหัวกันเหมือน ss 1
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ความเหนือชั้นของ The Boy คือการที่ตัวเนื้อเรื่องที่ยากจะคาดเดา การขับเคี่ยว หักเหลี่ยมกันระหว่าง 3 กลุ่มคือ ผู้บริหารองค์กรวอท กลุ่ม The Seven และกลุ่มต่อต้าน ซึ่งทั้งสามกลุ่มมันเกิดประเด็นในการตีกันพัวพันวุ่นวายไปหมด ทั้งตีกันเอง ทั้งตีกับอีกฝ่าย ทำให้คนดูแทบจะคาดเดาไม่ได้เลยว่าผลสุดท้ยจะจบลงที่ตรงไหน ซึ่งดราม่าที่ใส่มาในช่วงแรก ก็ค่อยๆ มาแผลงฤทธิ์ในตอนช่วงหลังๆ ที่เนื้อเรื่องกำลังจะขมวดปมทุกอย่างมาให้เป็นบทสรุป
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ตัวละครใหม่ก็มีส่วนอย่างมาที่ทำให้เนื้อหาเข้มข้นขึ้น ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ สตอร์มฟร้อนท์ Superhero หญิงตัวใหม่ที่กล้ามาต่อต้าน โฮมแลนเดอร์ ทั้งที่ตัวเองก็อยู่ใน The Seven เช่นกันแต่กลับกล้าหักหน้า โฮมแลนเดอร์หลายครั้ง แต่แล้วกลับกลายเป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่เข้ามาสร้างความชั่วร้ายร่วมกับโฮมแลนเดอร์ ทำให้เนื้อเรื่องสนุกขึ้นอีกเป็นกอง รวมไปถึง สแตน เอสการ์ ผู้บริหารระดับสูงของวอทที่เป็นคนธรรมดาแต่กลับมีอำนาจต่อกรกับโฮมแลนเดอร์ได้อย่างไม่เกรงกลัว
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ตัวซีรี่ส์ยังคงจิกกัด Superheroes ได้อย่างเมามันส์ เราจะไม่ได้เห็นเหล่า Superheroes ทำอะไรบ้าๆ ชั่วๆ แบบนี้ในหนัง Marvel หรือ DC แน่ๆ แต่กับ The Boy เราได้เห็นความแสบสันต์ของ Superheroes เหล่านี้ที่ถูกสัคมเชิดชูให้เป็นเหมือนคนดี แต่คนที่ต้อการจะต่อต้านสิ่งเลวร้ายพวกนี้กลายเป็นคนที่ถูกขัไล่แต่ตามล่า ซึ่งเป็นไอเดียที่ค่อนข้างจะแปลกแหวกแนว และทำออกมาได้สนุกน่าติดตามซะด้วย คงต้องรอดู ss 3 แล้วล่ะครับว่าจะต่อยอดยังไงต่อไป
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] The Boy ก๊วนหนุ่มซ่าล่าซูเปอร์ฮีโร่ Season 2 - เนื้อเรื่องเกินคาดเดา ความสนุกเข้มข้น และความโหดมากขึ้นกว่าเดิม
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
หนัง Anti Superheroes อันเข้มข้น และมีความรุนแรงเข้าขั้น 18+ จาก season 1 ที่จบสรุปทิ้งท้ายไว้อย่างน่าติดตามมากๆ มาถึง Season ที่ 2 ที่ฉายทาง Amazon สักพัก แล้ว ผมก็เพิ่งได้ดูเหมือนเรื่องก่อนๆ ซึ่งใจจริงอยากดูต่อตั้งแต่ฉายใหม่ๆ แต่ไม่มีเวลาดูสักที พอมีเวลาก็เลยยิงยาวเลย วันละ 4 ตอน แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
The Boys ซีซั่น 2 เมื่อกลุ่มก๊วนต่อต้านคนเหนือมนุษย์กลับกลายเป็นคนนอกกฏหมาย พวกเขาจึงจำเป็นดิ้นรนและสู้กลับ ในขณะที่บริษัทฮีโร่เริ่มสั่นกลัวกับวายร้ายที่มีพลังพิเศษ และฮีโร่คนใหม่ สตรอมฟรอนท์ ที่เข้ามาสั่นคลอนองค์กร รวมไปถึงโฮมแลนเดอร์ด้วย
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ใน ss นี้ ก็ยังคงมี 8 ตอน ตอนละ 40 นาทีกว่าๆ ซีรี่ส์เกริ่นเล่าถึง ss 1 เล็กน้อยก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องต่อเนื่องมาอยากฉับไว ซึ่งในช่วง 2-3 ตอนแรก เหมือนเนื้อเรื่องจะชูถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ขององค์กร วอท และตัว โฮมแลนเดอร์ เองที่มีต่อกลุ่มต่อต้าน แถมยังใส่ดราม่าหลายๆ ประเด็นเข้ามาเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อเรื่องอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของ ฮิวอี้ กับ แอนนี่, ฮิวออี้ กับ บุทเชอร์, แอนนี่ กับ แม่, บุทเชอร์ กับ พ่อแม่และป้าและประเด็นการตายของน้องชาย, รวมไปถึง ดราม่าพ่อแม่ลูกของโฮมแลนเดอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เกี่ยวดองหนองยุ่งแตกเป็นประเด็นให้ซีรี่ส์ได้มีอรรถรสมากขึ้นหว่าแค่ไล่ล่าระเบิดหัวกันเหมือน ss 1
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ความเหนือชั้นของ The Boy คือการที่ตัวเนื้อเรื่องที่ยากจะคาดเดา การขับเคี่ยว หักเหลี่ยมกันระหว่าง 3 กลุ่มคือ ผู้บริหารองค์กรวอท กลุ่ม The Seven และกลุ่มต่อต้าน ซึ่งทั้งสามกลุ่มมันเกิดประเด็นในการตีกันพัวพันวุ่นวายไปหมด ทั้งตีกันเอง ทั้งตีกับอีกฝ่าย ทำให้คนดูแทบจะคาดเดาไม่ได้เลยว่าผลสุดท้ยจะจบลงที่ตรงไหน ซึ่งดราม่าที่ใส่มาในช่วงแรก ก็ค่อยๆ มาแผลงฤทธิ์ในตอนช่วงหลังๆ ที่เนื้อเรื่องกำลังจะขมวดปมทุกอย่างมาให้เป็นบทสรุป
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ตัวละครใหม่ก็มีส่วนอย่างมาที่ทำให้เนื้อหาเข้มข้นขึ้น ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ สตอร์มฟร้อนท์ Superhero หญิงตัวใหม่ที่กล้ามาต่อต้าน โฮมแลนเดอร์ ทั้งที่ตัวเองก็อยู่ใน The Seven เช่นกันแต่กลับกล้าหักหน้า โฮมแลนเดอร์หลายครั้ง แต่แล้วกลับกลายเป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่เข้ามาสร้างความชั่วร้ายร่วมกับโฮมแลนเดอร์ ทำให้เนื้อเรื่องสนุกขึ้นอีกเป็นกอง รวมไปถึง สแตน เอสการ์ ผู้บริหารระดับสูงของวอทที่เป็นคนธรรมดาแต่กลับมีอำนาจต่อกรกับโฮมแลนเดอร์ได้อย่างไม่เกรงกลัว
🦸♂️🦸♂️🦸♂️
ตัวซีรี่ส์ยังคงจิกกัด Superheroes ได้อย่างเมามันส์ เราจะไม่ได้เห็นเหล่า Superheroes ทำอะไรบ้าๆ ชั่วๆ แบบนี้ในหนัง Marvel หรือ DC แน่ๆ แต่กับ The Boy เราได้เห็นความแสบสันต์ของ Superheroes เหล่านี้ที่ถูกสัคมเชิดชูให้เป็นเหมือนคนดี แต่คนที่ต้อการจะต่อต้านสิ่งเลวร้ายพวกนี้กลายเป็นคนที่ถูกขัไล่แต่ตามล่า ซึ่งเป็นไอเดียที่ค่อนข้างจะแปลกแหวกแนว และทำออกมาได้สนุกน่าติดตามซะด้วย คงต้องรอดู ss 3 แล้วล่ะครับว่าจะต่อยอดยังไงต่อไป
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้