ถ้าพูดถึงกองหน้าของฟุตบอลทีมชาติอุรุกวัย หลายคนคงนึกถึง2กองหน้าคู่หูระดับโลกที่ครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน อย่างหลุยส์ ซัวเรส และเอดินสัน คาวานี่ ที่เป็นกองหน้าตัวเป้าคนสำคัญของอุรุกวัยมาตลอดในช่วง10ปีที่ผ่านมา แม้อาจจะมีบางนัดที่อีกคนเจ็บ หรืออีกคนโดนแบน แต่อุรุกวัยไม่เคยขาดกองหน้าตัวหลัก2คนนี้พร้อมกันถึง2คนเลย

แต่ในวันนี้ ทั้งหลุยส์ ซัวเรส และเอดินสัน คาวานี่ ในวัย34ปีทั้งคู่ ซึ่งนับว่าเป็นช่วงท้ายๆของการค้าแข้งฟุตบอลอาชีพแล้ว นั่นทำให้เป็นงานหนักของออสก้า ตาบาเรซ ที่คุมทีมชาติอุรุกวัยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี2006 (ก่อนที่กองหน้าคู่หู2คนนี้จะแจ้งเกิดซะอีก) ต้องรีบทำการหากองหน้าคนใหม่ขึ้นมาทดแทน ไม่งั้นอุรุกวัยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากแน่ ถ้าไม่มีเครื่องจักรถล่มประตู

ซึ่งที่ผ่านมา ออสก้า ตาบาเรซ พยายามให้โอกาสหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น อาเบล เฮอร์นันเดซ , ดีเอโก้ โรลัน , โจนาธาน โรดรีเกซ รวมถึงในช่วงหลังๆมา ที่ให้โอกาสดาวรุ่งใหม่ๆอย่าง ฟาคันโด ตอร์เรส (คนนี้เด็กปั้นของตาบาเรซในช่วงโคปาอเมริกาที่ผ่านมามาก) , รวมถึง ไบรอัน โรดริเกซ แต่ก็ยังไม่มีคนไหนโชว์ฟอร์มโดดเด่นจริงๆสักที

และแล้ววันนี้ก็มาถึง ฟีฟ่าเดย์ 3นัดที่ผ่านมา อุรุกวัยต้องขาด2กองหน้าคนสำคัญอย่างหลุยส์ ซัวเรส และเอดินสัน คาวานี่ โดยออสก้า ตาบาเรซ ได้เรียกอากัสติน อัลวาเรซ ในวัย20ปี มาติดทีมชาติครั้งแรก โดยนัดแรกที่อุรุกวัย เสมอกับ เปรู 1-1  เจ้าหนู อากัสติน อัลวาเรซ ยังไม่มีโอกาสได้ลงสนาม

และแล้วโอกาสก็มาถึง ในนัดที่2ของฟีฟ่าเดย์ที่อุรุกวัยต้องเปิดบ้านพบกับโบลิเวีย เจ้าหนูอากัสติน อัลวาเรซ ได้รับโอกาสให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ในการลงสนามรับใช้ทีมชาติครั้งแรก โดยได้สวมเสื้อหมายเลข9 คือเสื้อหมายเลขในตำนานของรุ่นพี่อุรุกวัย อย่างหลุยส์ ซัวเรส


และแล้วอากัสติน อัลวาเรซ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดยทำประตูแรกในนามทีมชาติ ในการลงสนามนัดแรกได้สำเร็จ เป็นประตูที่ทำให้อุรุกวัยออกนำห่าง โบลิเวีย3-0 ในนาทีที่47 ก่อนที่ผลจะจบลงด้วยอุรุกวัยชนะโบลิเวียไป4-2


และในนัดล่าสุดที่อุรุกวัยต้องเปิดบ้านรับคู่แข่งคนสำคัญอย่างเอกวาดอร์ ที่กำลังขับเคี่ยวแย่งพื้นที่ไปฟุตบอลโลกกันอยู่นั้น อากัสติน อัลวาเรซ ก็ได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงรับใช้ทีมชาติในนัดที่2 แม้อัลวาเรซจะไม่สามารถทำประตูได้ และโดนเปลี่ยนตัวออก โดยส่งมักซี่ โกเมซลงมาแทนในนาทีที่72ก็ตาม แต่อุรุกวัยก็สามารถทำประตูชัยเอาชนะเอกวาดอร์1-0ได้ในช่วงทดเวลา ทำให้อุรุกวัยขยับขึ้นไปอยู่ที่3ของตาราง โดยแข่ง9นัดมี15คะแนน นำห่างเอกวาดอร์และพื้นที่เพลย์ออฟอยู่2คะแนน 

เท่ากับฟีฟ่าเดย์3นัดที่ผ่านมา ในวันที่ไร้เงาหลุยซ์ ซัวเรซ และเอดินสัน คาวานี่ อุรุกวัย สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง2นัด และไม่แพ้ใคร โดยใน2นัดที่อากัสติน อัลวาเรซลงสนามรับใช้ชาติ อุรุกวัยเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด แต่เส้นทางก็ยังอีกยาวไกลต้องลุ้นกันต่อไปครับ ฟีฟ่าเดย์เดือนตุลาคม อุรุกวัยมีงานหนักรออยู่ทั้ง3นัด เมื่อต้องเปิดบ้านรับโคลอมเบีย ต่อด้วยไปเยือนอาร์เจนตินา และเยือนบราซิล ถ้า3นัดนี้เก็บได้เกิน3คะแนนก็ถือว่าดีมากแล้ว และไม่รู้ว่าหลุยส์ซัวเรซ กับเอดินสัน คาวานี่ จะกลับมาได้หรือเปล่า โดยเฉพาะในรายของเอดินสัน คาวานี่ ที่ดูเหมือนสโมสรจากพรีเมียร์ลีกจะมีปัญหาในการส่งตัวนักเตะมารับใช้ชาติที่อเมริกาใต้ แต่ถึงไม่มี2คนนี้ ผมก็เชื่อว่าอากัสติน อัลวาเรซ จะทำให้อุรุกวัยดีขึ้นได้

มาดูประวัติของอากัสติน อัลวาเรซกันครับ
อากัสติน อัลวาเรซ ชื่อเต็ม คือ อากัสติน อัลวาเรซ มาร์ติเนซ(Agustín Álvarez Martínez)
เกิดวันที่ 19 พฤษภาคม 2001 ปัจจุบันอายุ20ปี
ในช่วงเยาวชน อากัสติน อัลวาเรซ สังกัดสโมสร เพนาโรล ของอุรุกวัยมาตั้งแต่ปี2012 ก่อนที่จะชึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของเพนาโรลเมื่อปี2020 หรือฤดูกาลที่ผ่านมา โดยฤดูกาลก่อนลงสนามให้ เพนาโรล ทั้งหมด24นัด ยิงไป10ประตู และยังได้ลงเล่นในบอลถ้วยใหญ่อย่างโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส แม้จะไม่สามารถทำประตูได้ก็ตาม
มาในฤดูกาลนี้ อากัสติน อัลวาเรซ ก็ยังทำผลงานได้ดีต่อเนื่องให้กับ เพนาโรล โดยลงสนามไปแล้ว 14 นัดในลีก และทำไปถึง8ประตู ส่วนในบอลถ้วย ปีนี้ เพนาโรลได้เล่นถ้วยเล็กอย่าง โคปา ซูดาเมริกาน่า (เปรียบเหมือนยูโรป้าลีก)  โดย อากัสติน อัลวาเรซ ลงสนามไปถึง12นัดในบอลถ้วยนี้ ทำไปถึง9ประตู นำเป็นดาวซัลโว โคปา ซูดาเมริกาน่า อยู่ในขณะนี้  และพา เพนาโรล ผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ โดยจะต้องพบกับ แอตเลติโก้ พาราเนนเซ่ จากบราซิล

และในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อากัสติน อัลวาเรซ กองหน้าอนาคตไกลคนนี้ยังได้รับความสนใจจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แต่เนื่องจากมีค่าฉีกสัญญาที่ค่อนข้างแพง และล่าสุด สโมสรฟุตบอลรีล มาดริด กำลังจับตาดู อากัสติน อัลวาเรซ อย่างใกล้ชิด
https://www.tribalfootball.com/articles/real-madrid-watching-penarol-striker-agustin-alvarez-martinez-4385372

หลังจากนี้มาดูกันว่า เจ้าหนูกองหน้าอนาคตไกลของอุรุกวัยคนนี้ จะไปได้ไกลแค่ไหน แต่ผมบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน