JJNY : ประชุมร่วมสภาล่ม│แม่ดาวTikTokแอบลูกฉีดก่อนทรุดเสียชีวิต│หมอธีระหวั่นโควิดซ้ำรอยปีใหม่│ศก.ชะลอฉุดคอนโดฯเปิดใหม่วูบ

ประชุมร่วมรัฐสภาล่มครั้งแรก ‘ชวน’ กรีด จะทำอะไรอยู่ที่ความรับผิดชอบ ชี้ครั้งแรกอีกที่ ส.ว.มาน้อยกว่า ส.ส.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2933163

 
ประชุมร่วมรัฐสภาล่มครั้งแรก ‘ชวน’ กรีด จะทำอะไรอยู่ที่ความรับผิดชอบ เผยเป็นครั้งที่ ส.ว.เข้าประชุมน้อยกว่า ส.ส. ด้าน ส.ส.ภูมิใจไทยแนะ ใครขาด 1 ครั้ง หัก 1 หมื่น

เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานและนวัตกรรม พ.ศ….  มาตรา 8 โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม
 
ต่อมาเวลา 15.10 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ลุกขึ้นหารือต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้มองดูแล้วองค์ประชุมเหมือนจะไม่ครบ ดังนั้น ในเมื่อกฎหมายฉบับนี้ยังมีข้อผิดพลาดที่ต้องแก้ไข ก็ขอให้เอากลับไปแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยนำกลับมาพิจารณาร่วมกันใหม่ จะดีกว่าหรือไม่
 
โดย นายชวน ระบุว่า เวลาเป็นสิ่งมีค่าและให้ประชุมต่อไป ซึ่งหลังจากนั้นองค์ประชุมก็น้อยลงเรื่อยๆ จนมีการทักท้วงหลายครั้ง จนกระทั่งเวลา 16.00 น. นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้เสนอว่า ในการประชุมครั้งหน้า หากบรรยากาศเป็นเช่นนี้ ควรจะนำวาระสำคัญ เช่น การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไว้วาระหลังๆ ไม่เช่นนั้นกฎหมายสำคัญ หรือกฎหมายที่จะต้องพิจารณาก็จะต้องมีสภาพเช่นนี้
 
ขณะที่ นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้เสนอว่า ควรแก้ข้อบังคับการประชุมใครขาด 1 ครั้ง ปรับ 10,000 บาท
 
นายชวน กล่าวว่า ความจริงแล้วจะทำอะไรก็ตามอยู่ที่ความรับผิดชอบของเรา ไม่ว่าเราจะใช้วิธีไหนก็ตามหากเราขาดความรับผิดชอบก็จะมีปัญหา แต่ไม่บ่อยครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการประชุมรัฐสภา ปกติการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเรามีบ่อย แต่ประชุมรัฐสภาไม่ค่อยมีปัญหา เพราะวุฒิสมาชิกจะมาประชุมพร้อมมากกว่า ส.ส. แต่ครั้งนี้วุฒิสมาชิกขาดมากกว่าเราในตอนหลัง ฉะนั้น อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้จำนวนสมาชิกไม่ครบ
 
จากนั้นเวลา 16.08 น. นายชวนจึงกดออดเรียกตรวจสอบองค์ประชุมโดยการเสียบบัตรแสดงตน ซึ่งผลปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ครบ โดยมีจำนวนผู้เข้าประชุมเพียง 355 คน ทำให้นายชวนสั่งปิดการประชุม พร้อมระบุว่า ใครแสดงตนคนนั้นก็อยู่ ใครไม่แสดงตนคนนั้นก็ไม่อยู่ ประกาศได้เลย เมื่อองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องปิดประชุม
   

 
แม่ดาวTikTok แอบลูกไปฉีดวัคซีน ก่อนทรุด เข้ารพ.เสียชีวิต
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6612899
 
แม่ดาว TikTok แอบลูกไปฉีดวัคซีนหลังกลัวติดโควิด และอยากสร้างภูมิคุ้มหมู่ให้ชุมชน แต่ฉีดกลับมาป่วยหนัก ต้องหามส่งเข้ารพ. รักษาตัวก่อนเสียชีวิต
  
วันที่ 10 ก.ย.2564 นายนาวิน เสระทอง อายุ 18 ปี ลูกชายของนางพนมไพร เสระทอง อายุ 56 ปี ซึ่งเสียชีวิตหลังไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาในวันที่ 31 ส.ค. ก่อนจะมีอาการป่วยและทรุดจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดประจำหมู่บ้านในพื้นที่จ.อุบลราชธานี โดยจะมีการประกอบพิธีฌาปนกิจในวันที่ 12 ก.ย.นี้
 
นายนาวินซึ่งเป็นดาวดังในแอพพลิเคชั่น TikTok เผยว่าก่อนหน้านี้ตนได้ห้ามแม่ไปฉีดวัคซีน เพราะแม่มีโรคประจำตัว วอนขอให้อดทนรอวัคซีนที่ดีกว่าปัจจุบัน แม้จะต้องเสียเงินซื้อก็ยอม แต่แม่ก็แอบไปฉีด เพราะกลัวติดเชื้อ และอยากรับผิดชอบต่อชุมชนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ มีคนไปฉีดเกือบ 400 คน แม่เลยแอบไป พอกลับมาบ้านหลังฉีดได้ 2 วันปรากฎว่า ก็เริ่มป่วย มีไข้ เหนื่อย
 
“ตอนนั้นมีคนบอกว่าเกิดจากผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน เดี๋ยวก็หายไป แต่ผ่านไปหลายวันอาการไม่ดีขึ้น จนต้องนำตัวส่งรพ. แพทย์พบว่ามีภาวะปอดติดเชื้อค่อนข้างรุนแรง ก่อนจะเสียชีวิตลงในที่สุด”
 
ทางนายอุทัย นิปัจการสุนทร สาธารณสุขอ.โขงเจียมเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด โดยได้ลงพื้นที่พบกับครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว จากนี้จะดำเนินการเรื่องเงินเยียวยาให้กับครอบครัวตามระเบียบต่อไป
 
สำหรับนายนาวินนั้นใช้ชื่อใน TikTok ว่า 2055nawin มีผู้ติดตามกว่า 1.1 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ลงเนื้อหาเกี่ยวกับอาหาร
 

 
‘หมอธีระ’ หวั่น ‘โควิด’ซ้ำรอยปีใหม่ ชี้มาตรการรัฐควรรีบเมื่อถึงเวลา
https://www.dailynews.co.th/news/256118/
  
"หมอธีระ" ย้ำ Sandbox และ 7+7 สะท้อนทำเร่งโควิด-19 ระบาดหนัก ชี้มาตรการรัฐควรเร่งรีบเมื่อถึงเวลา หากพลาดหวั่นซ้ำรอยปีใหม่!
 
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยระบุว่า 
 
“สถานการณ์ทั่วโลก 10 กันยายน 2564…” อิหร่านแซงอาร์เจนตินาขึ้นมาเป็นอันดับ 8 ของโลกแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 594,845 คน รวมแล้วตอนนี้ 223,988,471 คน ตายเพิ่มอีก 9,121 คน ยอดตายรวม 4,619,578 คน
 
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด ยังคงเป็นเช่นเดิมคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร อินเดีย บราซิล และอิหร่าน
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 155,171 คน รวม 41,555,546 คน ตายเพิ่ม 1,889 คน ยอดเสียชีวิตรวม 674,507 คน อัตราตาย 1.6%
อินเดีย ติดเพิ่ม 34,310 คน รวม 33,173,166 คน ตายเพิ่ม 201 คน ยอดเสียชีวิตรวม 441,983 คน อัตราตาย 1.3%
 
บราซิล ติดเพิ่ม 30,891 คน รวม 20,958,899 คน ตายเพิ่ม 747 คน ยอดเสียชีวิตรวม 585,205 คน อัตราตาย 2.8%
สหราชอาณาจักร ติดเพิ่ม 38,013 คน ยอดรวม 7,132,072 คน ตายเพิ่ม 167 คน ยอดเสียชีวิตรวม 133,841 คน อัตราตาย 1.9%
 
รัสเซีย ติดเพิ่ม 18,380 คน รวม 7,084,284 คน ตายเพิ่ม 794 คน ยอดเสียชีวิตรวม 190,376 คน อัตราตาย 2.7%
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิหร่าน อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 89.94 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
 
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน
แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม และญี่ปุ่น ติดเพิ่มกันหลักหมื่น
 
ส่วนเมียนมาร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
 
“…สำหรับสถานการณ์ไทยเรา เมื่อวานทั้งจำนวนติดเชื้อใหม่ และจำนวนเสียชีวิตเพิ่ม สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติยังมีมากเป็นอันดับ 7 ของโลก” …ผลลัพธ์ของกล่องทรายและพื้นที่ 7+7 เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพื้นที่กล่องทราย และพื้นที่ใกล้เคียง จะมีธรรมชาติที่เราพอจะใช้คาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น หากขยายไปดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ในระยะเวลาถัดจากนี้ไป
 
“นั่นคือจำนวนการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นชัดเจน หลังจากดำเนินการไปได้ตั้งแต่ 4-8 สัปดาห์ โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการระบาดทวีความรุนแรงขึ้นนั้นคือ การมีคนจำนวนมากขึ้น เคลื่อนไหวกันมากขึ้นในพื้นที่ กิจการกิจกรรมต่างๆ นำมาซึ่งการพบปะติดต่อกัน สัมผัสกัน ใกล้กัน บ่อยครั้งขึ้น และนานขึ้น” เหล่านี้คือสิ่งที่เป็นตัว catalyst เร่งปฏิกิริยาของการแพร่เชื้อติดเชื้อที่มีอยู่ในชุมชน ดังนั้นหากดู timeline ของนโยบายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ขยายพื้นที่ไปอีก 5 จังหวัด ก็คงน่าเป็นห่วงยิ่งนัก เพราะธรรมชาติของการระบาดอันเป็นผลลัพธ์จากกล่องทรายและ 7+7 นั้นเป็นตัวสะท้อนให้เห็นอยู่แล้ว
 
ยิ่งหากสถานการณ์ระบาดทั่วประเทศยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และแต่ละวันยังติดกันหลักหมื่นคน ติดท็อปเท็นของโลก การเปิดกิจการกิจกรรมดังกล่าวคงเป็นไปได้เพียงระยะสั้น และจะเกิดผลกระทบตามมาในเวลาไม่นาน สิ่งที่ควรทำคือ การทบทวนนโยบายดังกล่าว และหันมากดการระบาดให้ดี ใช้เวลาช่วงที่กดการระบาดนั้น ไปขันน็อต ปรับปรุงรูปแบบการใช้ชีวิต การประกอบกิจการกิจกรรมค้าขายและบริการต่างๆ ให้ปลอดภัยไปกว่าที่มีอยู่ “มิฉะนั้นไตรมาสสุดท้ายของปี ปลายปีเป็นช่วงเทศกาลต่อเนื่องไปถึงปีใหม่ อาจซ้ำรอยกับปีที่ผ่านมา
 
แต่อย่าลืมว่าศึกนี้มายาวนานมาก ทรัพยากรของทุกคนร่อยหรอไปมาก หากระบาดทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม “ก้าวเมื่อควรจะก้าว…หากเร่งรีบก้าวตอนที่ฝนตกพื้นลื่นรองเท้าที่ใส่ยังไม่เหมาะสม จะพลาดหกล้มเจ็บหนักได้ ด้วยรักและห่วงใย”…
 
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Thira Woratanarat
 
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223096457232304
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่