สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน วันนี้ผมอยากมาแชร์ประสบการณ์ในการสมัครบัตรเครดิต ทั้งๆที่ยังปิดหนี้มาไม่ถึง 3 ปี
 
ขอเกริ่นก่อนว่าผมเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดา และคาดว่าเหมือนหลายๆท่านที่พอทำงานได้สักพัก ก็เริ่มที่จะสมัครบัตรและสินเชื่อต่างๆ พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าหนี้ตามบัตรต่างๆ ช่างสูงเกินกว่าเงินเดือนไปหลายเท่าตัว จนกระทั่งเริ่มจ่ายไม่ไหว จ่ายได้แค่ขั้นต่ำ แถมยังต้องเอามารูดใช้ด้วย เพราะจ่ายจนแทบไม่เหลือเงินเดือนเลย
 
ใช้ชีวิตอยูาแต่แบบนี้ จนผ่านมา 2-3 ปี จึงตัดสินใจลองหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ต และตัดสินใจทำแฮร์คัทในที่สุด (ทราบแต่แรกว่าคงติดแบล็คลิสกับธนาคารเหล่านี้ไปชั่วชีวิต) แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นชีวิตย่ำแย่มาก
 
ใช้เวลา 2-3 ปีในการปลดหนี้ทั้งหมดเป็นเงินกว่า 3 แสนบาท (บัตร 5 ใบ 3 ธนาคาร) โดยมีบทเรียนว่าไม่เอาแล้วหนี้ต่างๆ ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย
 
ปี 59-62 - ทยอยปิดทีละบัตรไปเรื่อยๆ ขอผ่อน ขอส่วนลด
มิ.ย. 62 - ปิดหนี้ก้อนสุดท้ายจบ
ส.ค. 62 - ห้าว ลองสมัครบัตรไป 5 ธนาคาร.... แน่นอนว่าไม่ผ่านซักใบ ฮ่าๆๆ
ก.ย. 62 - จ่ายงวดรถ งวดสุดท้าย (เป็นไทแล้วววว)
ใช้ชีวิตแบบเงินสดล้วนๆมาเรื่อยๆ
---------------
พ.ย. 63 - อยากมีบ้าน เลยไปดูโครงการบ้านย่านปริมณฑล และแจ้งเซลล์ว่าเรามีประวัติแบบนี้ๆ เซลล์แจ้งว่าให้ลองยื่น ธอส ดู
ธ.ค. 63 - ธอส อนุมัติ!!! ยอด 100% (ราคาบ้าน 4.69 ล้าน) เริ่มมีกำลังใจในการเป็นหนี้อีกแล้ว ฮ่าๆ (ขณะนั้นเงินเเดิอน 80k)
ม.ค. 64 - ลาออก!! ด้วยสถานการณ์โควิท เลยโดนลดเงินเดือนมหาศาล และคิดว่าไม่คุ้ม เลยออกมาเป็นฟรีแลนซ์
ส.ค. 64 - อ่านเจอในนี้ว่ามีการสมัครบัตรแบบใช้เงินฝากค้ำประกันได้ มีโอกาสผ่านมากกว่ายื่นรายได้ เลยคิดว่าเอาวะ ลองดูหน่อย
ลองตรวจสอบเครดิตบูโร พบว่ายังโชว์อยู่ 2 สัญญา ที่ค้างชำระเกิน 180 วัน แต่เป็นสถานะ 11 ปิดบัญชี ได้สกอร์รวม 705 คะแนน อยู่เกรด CC 
 
พฤ. 26 ส.ค. 64 - เดินทางไปธนาคารกรุงไทย สาขาในกทม. พร้อมแจ้งว่าต้องการสมัครบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน
พนักงานมีแอบงงเล็กน้อย ต้องโทรถามผู้จัดการสาขา (แอบได้ยินว่าเคสผมเป็นเคสที่ 2 ของสาขานี้) แต่รวมๆก็ผ่านไปได้ดีครับ ใช้แค่บัตรประชาชนกับเงินสดที่ต้องการค้ำ พร้อมเซ็นต์เอกสารนิดหน่อย เป็นการเสร็จสิ้น โดยผมได้ทำการเปิดบัญชีฝากประจำ เพื่อนำเงินไปค้ำประกันจำนวน 2 แสน บาท แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องรอ ผจก. สาขา มาเซ็นต์เอกสารรับรองก่อน ถึงจะส่งให้ ktc ได้ โดย ผจก. จะเข้าสาขาวันจันทร์ 
 
จ. 30 ส.ค. 64 - เงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหว เอกสารยังไม่เข้าระบบ
พ. 1 ก.ย. 64 - เช็คในเวปช่วงบ่าย ขึ้นว่าเอกสารเข้าระบบแล้ว เย้!!
พฤ. 2 ก.ย. 64 - เช็คในเวปอีกรอบช่วงเย็นๆ แจ้งว่า "รอเอกสาร ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่" จึงทำการแชทไปหา cc ของ ktc ในเฟซบุ๊ค, cc แจ้งว่า เป็นการรอเอกสารเพิ่มเติมจากทางสาขา
ส. 4 ก.ย. 64 - ลองโทรหา cc โดยตรง เจ้าหน้าที่แจ้งแบบเดียวกัน ว่าขาดหนังสือรับรองการ HOLD เงิน พร้อมทั้งแจ้งว่า จะทำการประสานงานให้ในวันจันทร์
จ. 6 ก.ย. 64 - เงียบ.... เริ่มทำใจว่าอาจจะไม่ผ่านแล้ว
อ. 7 ก.ย. 64 - ช่วงบ่ายสามโมง มีสายโทรเข้าจาก KTC!!! ลุ้นตัวโก่ง. เจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ค่อนข้างเยอะ แล้ววางสายไป พร้อมบอกว่าจะแจ้งผลทาง sms
หลังวางสายประมาณ 10 นาที ลองเช็คในเวปใหม่ ปรากฎว่าบัตรอนุมัติเรียบร้อย !!! แต่ยังไม่มี sms แจ้งเข้ามาแต่อย่างใด
พ. 8 ก.ย. 64 - 08.30 น.ได้รับ sms อนุมัติ
ศ. 10 ก.ย. 64 -16.00 น. บัตรส่งมาถึงบ้าน ลองเช็คจากเลขพัสดุที่อยู่หน้าซอง ขึ้นต้นด้วยรหัส EO คาดว่าน่าจะเป็น EMS เพราะส่งออกจาก KTC เช้าวันพฤหัสที่ 9!! แค่วันเดียวก็ถึง (ปกติได้ยินว่าจะส่งเป็นจดหมายธรรมดามา แต่คราวนี้เป็น EMS ปรบมือให้ KTC ครับ ไวมากๆ)

สรุป เท่าที่หาข้อมูลมา ผมจึงลองนำที่เพื่อนสมาชิกแนะนำตามกระทู้ต่างๆมารวมกัน เช่น
- เว้นระยะเวลาหลังปิดบูโรยอดสุดท้ายประมาณ 1-2 ปี
- หลังปิดยอดสุดท้ายให้รักษาเครดิตตัวเองดีๆ ถ้ามีหนี้อื่นอยู่ ต้องจ่ายให้ครบ จ่ายให้ตรง
- ไม่ยื่นสมัครกับธนาคารที่เราเคยมีประวัติเสีย
- สมัครแบบเงินฝากค้ำประกัน (อาจจะแค่ขั้นต่ำของบัตรก็พอมั้ง)

ส่วนตัวคงใช้บัตรนี้สร้างเครดิตไปซักปีสองปี แล้วค่อยลองยื่นแบบเงินออมหรือแบบแสดงรายได้ดูอีกที
ขอขอบคุณทาง KTC ที่ให้โอกาสในการสร้างเครดิตอีกครั้ง คราวนี้สัญญาว่าจะรักษาไว้อย่างดี