วันแรงงานหรือ Labor Day เป็นวันหยุดราชการของอเมริกา จำง่าย ๆ คือ วันจันทร์แรกของเดือนกันยายน ซึ่งที่จริงแล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราพี่น้องคนไทย เหล่ามนุษย์ Labor แห่งห้องครัวอย่างเราซักกะหน่อย ร้านอาหารก็ยังคงเปิดเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมมาก็เห็นจะเป็นความยุ่ง ความ Busy ของร้านที่เพิ่มขึ้น ก็วันจันทร์มันเป็นวันหยุดมันเพิ่มขึ้นมา คนก็ออกมา Hang out มากขึ้นน่ะซิ แต่ เอ็น.วาย.กู. ตอนนี้เราไม่ได้จะมาเล่าถึงวันแรงงาน เพราะมันคงน่าเบื่อพิลึก วัน ๆ ก็ทำงานตัวติดอยู่กับหม้อ ไห กะทะแล้ว แต่เราจะมาเล่าให้ฟังถึงเทศกาลตนตรีที่เด็กไทยทั้งหลายต่างจับตามอง เรียกได้ว่า ถ้ามาฝังตัวที่นิวยอร์กแล้วล่ะก็ ครั้งหนึ่งต้องโดนให้ได้ล่ะ นั่นก็คือ เทศกาล Electric Zoo Festival
Electric Zoo Festival เป็นเทศกาลดนตรี EDM พวกเสียงสังเคราะห์ สายตื๊ด ๆ อยากรู้ว่าเป็นไง ไปลุงกูดูแล้วกันนะครับ โดยที่ EDM นั้นเริ่มเป็นที่นิยมทางฝั่งยุโรปตั้งแต่ช่วงปี 2000 ก่อนจะคลื่นความนิยมจะค่อย ๆ ซัดเข้ามาที่อเมริกา โดยเฉพาะฝั่ง Los Angeles, และ New York มีดีเจมากมายผลัดกันมาเล่นสดที่นี่ จนสุดท้ายเขาก็เลยจัดเป็นงานเทศกาลดนตรีกันแบบสามวันติด ใครอึด ๆ สายถึก จัดแบบสามวันไปกันยาว ๆ เอาให้ตาตั้งกันไปเลยก็มี โดยวันจัดงานก็คือสัปดาห์วันแรงงานนี่แหละ จะได้เมาปลิ้น เผื่อวันจันทร์เอาไว้ถอนได้ ปีที่แล้วหยุดไปเพราะ Covid19 ปีนี้ก็เลยกลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่ เวทีเล็กให้ดีเจยังไม่ดังมากเล่นเป็นเต๊นท์ ๆ ก็เยอะ หรือจะเวทีใหญ่ที่เล่นกันแบบจัดเต็มทั้งภาพทั้งเสียงก็หลายเวทีอยู่ แต่บอกก่อนเลยว่าราคาบัตรไม่ใช่ถูก ๆ นะครับ วันนึงนี่ก็ร้อยกว่าเหรียญนะ บัตรแบบสามวัน นี่ก็ปาเข้าไปเกือบ $400 ได้ เชสสส
จะว่าไปผมนี่ก็จัดเป็นรุ่นปู่เลยก็ว่าได้ เพราะไปมาตั้งแต่ ปีแรก ๆ ดีเจดัง ๆ ไม่ว่าจะ เป็น Hardwell, Martin Garrix, Skrillex, DJ Snake, David Guetta, Armin หรือจะเป็น สตีฟ อาโออิ เอ๊ย! สตีฟ อาโอกิ 555 พวกรุ่นเซียน เบอร์ตองพวกนี้ล้วนแต่ต้องเคยผ่านหูผ่านตาผมมาก่อน ว่าแล้วก็นึกถึงเรื่องวันวานประมาณปี 2013 สมัยยังเป็นวัยรุ่น พอเข้าวัน Labor Day ก็เอาล่ะ รวบรวมสมัครพรรคพวก เตรียมของจำเป็น เสื้อกล้ามสีเจ็บ, กางเกงขาสั้น, Sneaker ที่ใส่สบายที่สุด, แว่นกันแดด, กระเป๋าสะพายใบจิ๋ว, ธงชาติไทย และของที่สำคัญที่สุด ที่ห้ามลืมเลย คือ ยาดม! แบบเวลาเต้นมา เหนื่อย ๆ หน้ามืด ได้ยาดมไปซักปืดนี่ บอกเลยว่าชื่นใจค่อด ๆ
“เฮ้ย จะไป Ezoo ยังวะ!” โจ้ Roommate ผมโพล่งเข้ามาในห้องแบบไม่เคยเคาะประตูตามสไตล์มัน โจ้เขาเกิดอาการกระสันอยากไปใจจะขาด หลังจากเห็นผมไปสุดเหวี่ยงมาเมื่อปีก่อน ยิ่งสาว ๆ ในงานที่แต่งตัวมาแบบเปรี้ยวจี๊ด เข็ดฟัน หนุ่มรุ่นกระทง วัยกลัดมันอย่างโจ้เลยขอติดไปด้วยในปีนี้
“รอก่อน จะรีบไปไหนวะ เพิ่งจะบ่ายโมงเอง ไปตอนนี้ก็ร้อนตายห่า แดดเผาพอดี” ผมบิดขี้เกียจ พลางตอบไปแบบผู้ชำนาญการ อารมณ์เหมือนทหารเจนสมรภูมิ รบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“ป่ะ ไปหาข้าวกลางวัน-กันก่อนไป ท้องว่างไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วกูนัดน้อง ๆ ไว้ ล้อหมุน 3 โมง” ผมบอกโจ้ให้ใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบ งานไม่หนีไปไหนหรอก
หลังจากกินข้าว เติมพลังงาน นัดเจอพี่น้อง ๆ ผู้ร่วมชะตากรรมกันแล้ว ล้อก็เริ่มหมุนตอนบ่าย 3 ก่อนจะถึงหน้างานกันตอน 4 โมง ซึ่งเรียกว่าเป็น Prme Time เขาไปปุ๊ปหลังจากนี้ พวกเราจะเต้นกันยาว ๆ ไปอีก 7 ชั่วโมง ยันงานเลิกเลยน่ะแหละ พวกผมมากันเป็นกลุ่ม 7 คน ขนาดกำลังดี เหมาะในการเคลื่อนทัพ หรือจะปักหลักเต้นกันเองก็สนุกได้อยู่ หนึ่งในกฏเหล็กของงานก็คือ เวลาเดินนี่จับมือกันไว้ รวมกันเป็นกลุ่ม ห้ามหลง เพราะถ้าหลงนี่บอกเลยว่าหาลำบาก
พอเข้างานปั๊ป พวกผมก็หาไรดื่มกินกันให้พอกึ่ม ๆ จะได้เต้นสนุก ๆ ส่วน โจ้นี่เหมือนคนโดนของ กระโดดเหมือนม้าดีดซะตั้งแต่เข้างาน ฝรั่งเขาเต้น Shuffle อะไร โจ้ไม่สน บอกเต้นไม่เป็น แต่แนวเพลงมันคล้าย ๆ หมอลำซิ่ง เซิ้ง มันม่วนขนาด!
พวกเราก็เต้น ดื่ม สนุกสนานกันตามประสา ธงชาติไทยก็โบกสะบัดไปเรื่อย ๆ มีเพื่อน ๆ ทั้งฝรั่งทั้งคนไทย เห็นธงชาติไทยก็แวะเวียนมาเซย์ Hello กันเรื่อย ๆ บอกเลยว่าธงชาติเต็มไปหมดครับ คนมากันจากทั่วโลก เวลาก็ล่วงเลยไป เหนื่อยก็พักบ้าง ไปหาอะไรดื่มบ้างตามสะดวก โจ้เองก็ตื่นตาตื่นใจกับสาว ๆ ที่เรียกได้ว่ามาแบบทุกเชื้อชาติเลย แต่ละคนก็แต่งองค์ทรงเครื่องกันมาแบบแข่งกันโป๊ เรียกว่า ถูกใจโจ้เขาล่ะ!
พอบรรยากาศเริ่มมืด เข้าช่วง สองสามทุ่ม ช่วง Final ของงานล่ะ คนเริ่มมารวมตัวกันที่เวทีใหญ่ เพราะ DJ คนสุดท้าย คือ Hardwell หรือ David Guetta ที่ดังมากนี่แหละ พวกผมก็เซิ้ง-เต้น-โดดไปจนผ่านไปหลายเพลงล่ะ ขณะที่พวกเรากำลังสนุกสนานกันอย่างออกอรรถรสอยู่นั้น ก็มีกลุ่มฝรั่ง ประกอบด้วยหญิง 3 คน ชาย 2 คน โผล่มาแจมกับพวกเรา คุยกันพอรู้ว่า พวกเขามาจากยุโรป (ต้นตำรับงาน EDM) เห็นพวกเราเต้นกันสนุกมาก ก็เลยมารวมกลุ่มเต้นด้วย
พวกเราก็เฮ เอาวะไม่รู้ล่ะ เต้นกันพักใหญ่ เลือดลมมันก็คงพลุ่งพล่านตามประสา เพื่อนฝรั่งชาย 2 คนของพวกนางก็แบกพวกนางขึ้นบ่าครับ แล้วเหลืออยู่นางนึงที่ไร้คู่ หวยจะไปออกที่ใครล่ะครับ บอกก่อนว่า พวกนางนี่ตัวใหญ่ไม่ใช่เล่น ๆ นะ สูงน่าจะ 170 กว่าเลยเชียว คือ ไซส์ฝรั่งยุโรปเลยล่ะ นางหันมาหาผมก่อนเลย เพราะผมตัวโตสุดในกลุ่ม ดูท่าแล้วน่าจะแบกนางไหวอยู่ แต่ผมรีบสั่นหัว พลางชี้มือไปที่เพื่อนสาว บอกชั้นมากับคู่ชั้นแล้ว (จริง ๆ คือ กลัวแบกนางไม่ไหว 555)
“มา ๆ กูเอง Come on!” โจ้เสียงดังเสนอตัวเข้ามา พลางตบหน้าอกตัวเอง ส่งสัญญาณพร้อม บอกนางให้มาได้เลย พวกผมก็แบบ เฮ้ย เอาจริงหรือวะ? คือ โจ้น่ะตัวสูงพอ ๆ กับนาง แต่ดูจากมวลกระดูกแล้ว นางน่าจะหนากว่าโจ้นะ 555 แต่ผมเห็นเพื่อนอยากจะสัมผัสประสบการณ์ลองกลิ่นฝรั่ง เอ๊ย ลองแบกฝรั่ง ก็ได้แต่ส่งเสริมเพื่อนรัก
“โอกาสมาแล้ว เต็มที่นะ” ผมตบไหล่เพื่อนรัก โจ้กระดี้กระด้าใหญ่ ที่จะได้สัมผัสฝรั่งตัวเป็น ๆ ซึ่งโจ้มั่นใจในพละกำลังของตัวเองพอตัวครับ แหม่ หนึ่งในจตุรเทพ Bus Boy มือฉมังของร้านทะเล แบกจานชาม ของหนักมานักต่อนักแล้ว แค่แบกแหม่มฝรั่งหัวทอง มันจะหนักเท่าไรกันเชียว โจ้ย่อตัวลง นางคร่อมทันทีแบบไม่เกรงใจเลย 555 โจ้ตัวยุบไปเลยเหมือนกัน เมื่อน้ำหนักของแหม่มสาวกดลงบนไหล่สองข้าง
“ไหวนะ” ผมถามโจ้
“สู้โว็ย!” โจ้ตอบดัง สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่าคลีนแอนด์เจอร์ค สาวฝรั่งร้องกรี๊ด สนุกสนาน ตบมือ High Five กับเพื่อนนางอีกสองคนอย่างมีความสุข
“โอ๊ย ๆ” โจ้ร้อง ผมตกใจนึกว่าเพื่อนเป็นอะไร
“จิ๋มชนหัวว่ะ! 555” โจ้บอก หัวเราะร่า ว่าแล้วก็กระโดดตี๊ด ๆ โยกไปกับเพลงแบบเหมือนไม่หนักครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ พลังของหนุ่ม ตจว.อันล้นเหลือจริง ๆ ส่วนแหม่มสาวก็รับธงชาติไทยไปกางเล่นครับ โบกซะอย่างกับเป็นคนไทย เอ๊ะ หรือว่านางอยากได้สัญชาติไทย 555
นางก็มีเล่นกับเพื่อนโจ้ ลูบหัวจับมือกันแบบใกล้ชิด โจ้ก็มีความสุข ท่าทางเหมือนไม่หนัก พวกผมก็เต้น ดื่มกัน ลืมตายไปเลย ผ่านไปซักพัก พอผมหันไปหาเพื่อนโจ้ก็ตกใจ เพราะเหงื่อมันไหลอย่างกับเขื่อนแตก
“เฮ้ย ไหวเปล่าเนี่ย?” ผมถาม
“ไหวอยู่ ๆ ไม่ทำให้เสียชื่อชายไทยอยู่แล้ว” เพื่อนโจ้บอก ความภาคภูมิใจของหนุ่มไทย โจ้ 10 นิ้ว มันค้ำคออยู่! ตราบใดที่สองฝรั่งยังแบกเพื่อนนางได้อยู่นั้น โจ้จะยอมแพ้ ปล่อยนางลงก่อนได้อย่างไร ผ่านไปอีกสักเพลงสองเพลง พวกเพื่อนชายของนางก็พวกนางลง โจ้ได้ที เป่าปากบอกนางว่าลงได้แล้ว นางเองก็ทำท่าเสียดาย แหม่ โยกอยู่บนหัวของคนอื่นเป็นสิบนาทีนี่หว่า มันจะไปหนักตรงไหนล่ะคร๊าบบ 555
“หนักสัส ยาดมที” เพื่อนโจ้บอกทันที ก่อนจะหน้าซีดยืนดมยา ค้ำไหล่ผมอยู่ หลังจากพักปรับลมหายใจไปพักใหญ่ ๆ พลางเอามือแตะหลังหัวแล้วเอามาดม
“หอมกลิ่นปูดองฝรั่ง ชื่นจาย ๆ 555” โจ้บอก ก่อนจะกลับมาเต้นต่ออีกทียันจบงาน
“กูชอบว่ะ ปีหน้ามาใหม่นะ” โจ้บอกขณะเดินข้ามสะพานกลับจากงาน เดี๋ยว ๆ ๆ งานเพิ่งจบนะ จะมานัดข้ามปีอะไรแบบนี้ไม่ได้! 555
แต่งานมันยังไม่จบแค่นั้นซิครับ คืนนั้นพวกเราจะไปต่อ After Party กันที่ผับชื่อ Pacha ใน Manhattan คนแน่นสัส ๆ เรียกว่าวันนั้นพวกเราจัดกันยันหว่างกันไปเลย กว่าจะลากสังขารกลับถึงบ้านได้นี่ก็เรียกว่ากว่าจะได้ลงจากยานแม่ ก็เกือบเก้าโมงเช้า! ร่างพังกันไป ใส่กันจนหมดแม็ก ไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรเลย พอตื่นมาตอนเย็นเจอกับเสียงครวญครางของโจ้
“โอ๊ย ๆ ๆ ปวดขา ปวดหลัง ปวดไหล่ ร้าวไปทั้งตัว โอ๊ย ๆ” โจ้บอกก่อนจะสาธยายว่า ปวดร้าวตั้งแต่คอลงมาถึงกลางหลัง สันนิษฐานว่าเกิดจากเหตุแบกสาวหัวทองเต้นนี่แหละ แต่ผมพอถามว่าเข็ดไหม
“ไม่เข็ดโว๊ย ปีหน้ากูจะเอาไหม กูจะฟิตกล้ามเพิ่มขึ้นด้วย จะได้แบกสาว ๆ ได้นาน ๆ ศักดิ์ศรีของชายไทย ตั้งอยู่บนหัวไหล่กู!” โจ้บอก
เรื่องสั้น เอ็นวายกู NYKU: New York Kitchen University ตอนที่ 40: วันแรงงาน, Ezoo และศักดิ์ศรีของชายไทย
Electric Zoo Festival เป็นเทศกาลดนตรี EDM พวกเสียงสังเคราะห์ สายตื๊ด ๆ อยากรู้ว่าเป็นไง ไปลุงกูดูแล้วกันนะครับ โดยที่ EDM นั้นเริ่มเป็นที่นิยมทางฝั่งยุโรปตั้งแต่ช่วงปี 2000 ก่อนจะคลื่นความนิยมจะค่อย ๆ ซัดเข้ามาที่อเมริกา โดยเฉพาะฝั่ง Los Angeles, และ New York มีดีเจมากมายผลัดกันมาเล่นสดที่นี่ จนสุดท้ายเขาก็เลยจัดเป็นงานเทศกาลดนตรีกันแบบสามวันติด ใครอึด ๆ สายถึก จัดแบบสามวันไปกันยาว ๆ เอาให้ตาตั้งกันไปเลยก็มี โดยวันจัดงานก็คือสัปดาห์วันแรงงานนี่แหละ จะได้เมาปลิ้น เผื่อวันจันทร์เอาไว้ถอนได้ ปีที่แล้วหยุดไปเพราะ Covid19 ปีนี้ก็เลยกลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่ เวทีเล็กให้ดีเจยังไม่ดังมากเล่นเป็นเต๊นท์ ๆ ก็เยอะ หรือจะเวทีใหญ่ที่เล่นกันแบบจัดเต็มทั้งภาพทั้งเสียงก็หลายเวทีอยู่ แต่บอกก่อนเลยว่าราคาบัตรไม่ใช่ถูก ๆ นะครับ วันนึงนี่ก็ร้อยกว่าเหรียญนะ บัตรแบบสามวัน นี่ก็ปาเข้าไปเกือบ $400 ได้ เชสสส
จะว่าไปผมนี่ก็จัดเป็นรุ่นปู่เลยก็ว่าได้ เพราะไปมาตั้งแต่ ปีแรก ๆ ดีเจดัง ๆ ไม่ว่าจะ เป็น Hardwell, Martin Garrix, Skrillex, DJ Snake, David Guetta, Armin หรือจะเป็น สตีฟ อาโออิ เอ๊ย! สตีฟ อาโอกิ 555 พวกรุ่นเซียน เบอร์ตองพวกนี้ล้วนแต่ต้องเคยผ่านหูผ่านตาผมมาก่อน ว่าแล้วก็นึกถึงเรื่องวันวานประมาณปี 2013 สมัยยังเป็นวัยรุ่น พอเข้าวัน Labor Day ก็เอาล่ะ รวบรวมสมัครพรรคพวก เตรียมของจำเป็น เสื้อกล้ามสีเจ็บ, กางเกงขาสั้น, Sneaker ที่ใส่สบายที่สุด, แว่นกันแดด, กระเป๋าสะพายใบจิ๋ว, ธงชาติไทย และของที่สำคัญที่สุด ที่ห้ามลืมเลย คือ ยาดม! แบบเวลาเต้นมา เหนื่อย ๆ หน้ามืด ได้ยาดมไปซักปืดนี่ บอกเลยว่าชื่นใจค่อด ๆ
“เฮ้ย จะไป Ezoo ยังวะ!” โจ้ Roommate ผมโพล่งเข้ามาในห้องแบบไม่เคยเคาะประตูตามสไตล์มัน โจ้เขาเกิดอาการกระสันอยากไปใจจะขาด หลังจากเห็นผมไปสุดเหวี่ยงมาเมื่อปีก่อน ยิ่งสาว ๆ ในงานที่แต่งตัวมาแบบเปรี้ยวจี๊ด เข็ดฟัน หนุ่มรุ่นกระทง วัยกลัดมันอย่างโจ้เลยขอติดไปด้วยในปีนี้
“รอก่อน จะรีบไปไหนวะ เพิ่งจะบ่ายโมงเอง ไปตอนนี้ก็ร้อนตายห่า แดดเผาพอดี” ผมบิดขี้เกียจ พลางตอบไปแบบผู้ชำนาญการ อารมณ์เหมือนทหารเจนสมรภูมิ รบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“ป่ะ ไปหาข้าวกลางวัน-กันก่อนไป ท้องว่างไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วกูนัดน้อง ๆ ไว้ ล้อหมุน 3 โมง” ผมบอกโจ้ให้ใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบ งานไม่หนีไปไหนหรอก
หลังจากกินข้าว เติมพลังงาน นัดเจอพี่น้อง ๆ ผู้ร่วมชะตากรรมกันแล้ว ล้อก็เริ่มหมุนตอนบ่าย 3 ก่อนจะถึงหน้างานกันตอน 4 โมง ซึ่งเรียกว่าเป็น Prme Time เขาไปปุ๊ปหลังจากนี้ พวกเราจะเต้นกันยาว ๆ ไปอีก 7 ชั่วโมง ยันงานเลิกเลยน่ะแหละ พวกผมมากันเป็นกลุ่ม 7 คน ขนาดกำลังดี เหมาะในการเคลื่อนทัพ หรือจะปักหลักเต้นกันเองก็สนุกได้อยู่ หนึ่งในกฏเหล็กของงานก็คือ เวลาเดินนี่จับมือกันไว้ รวมกันเป็นกลุ่ม ห้ามหลง เพราะถ้าหลงนี่บอกเลยว่าหาลำบาก
พอบรรยากาศเริ่มมืด เข้าช่วง สองสามทุ่ม ช่วง Final ของงานล่ะ คนเริ่มมารวมตัวกันที่เวทีใหญ่ เพราะ DJ คนสุดท้าย คือ Hardwell หรือ David Guetta ที่ดังมากนี่แหละ พวกผมก็เซิ้ง-เต้น-โดดไปจนผ่านไปหลายเพลงล่ะ ขณะที่พวกเรากำลังสนุกสนานกันอย่างออกอรรถรสอยู่นั้น ก็มีกลุ่มฝรั่ง ประกอบด้วยหญิง 3 คน ชาย 2 คน โผล่มาแจมกับพวกเรา คุยกันพอรู้ว่า พวกเขามาจากยุโรป (ต้นตำรับงาน EDM) เห็นพวกเราเต้นกันสนุกมาก ก็เลยมารวมกลุ่มเต้นด้วย
พวกเราก็เฮ เอาวะไม่รู้ล่ะ เต้นกันพักใหญ่ เลือดลมมันก็คงพลุ่งพล่านตามประสา เพื่อนฝรั่งชาย 2 คนของพวกนางก็แบกพวกนางขึ้นบ่าครับ แล้วเหลืออยู่นางนึงที่ไร้คู่ หวยจะไปออกที่ใครล่ะครับ บอกก่อนว่า พวกนางนี่ตัวใหญ่ไม่ใช่เล่น ๆ นะ สูงน่าจะ 170 กว่าเลยเชียว คือ ไซส์ฝรั่งยุโรปเลยล่ะ นางหันมาหาผมก่อนเลย เพราะผมตัวโตสุดในกลุ่ม ดูท่าแล้วน่าจะแบกนางไหวอยู่ แต่ผมรีบสั่นหัว พลางชี้มือไปที่เพื่อนสาว บอกชั้นมากับคู่ชั้นแล้ว (จริง ๆ คือ กลัวแบกนางไม่ไหว 555)
“มา ๆ กูเอง Come on!” โจ้เสียงดังเสนอตัวเข้ามา พลางตบหน้าอกตัวเอง ส่งสัญญาณพร้อม บอกนางให้มาได้เลย พวกผมก็แบบ เฮ้ย เอาจริงหรือวะ? คือ โจ้น่ะตัวสูงพอ ๆ กับนาง แต่ดูจากมวลกระดูกแล้ว นางน่าจะหนากว่าโจ้นะ 555 แต่ผมเห็นเพื่อนอยากจะสัมผัสประสบการณ์ลองกลิ่นฝรั่ง เอ๊ย ลองแบกฝรั่ง ก็ได้แต่ส่งเสริมเพื่อนรัก
“โอกาสมาแล้ว เต็มที่นะ” ผมตบไหล่เพื่อนรัก โจ้กระดี้กระด้าใหญ่ ที่จะได้สัมผัสฝรั่งตัวเป็น ๆ ซึ่งโจ้มั่นใจในพละกำลังของตัวเองพอตัวครับ แหม่ หนึ่งในจตุรเทพ Bus Boy มือฉมังของร้านทะเล แบกจานชาม ของหนักมานักต่อนักแล้ว แค่แบกแหม่มฝรั่งหัวทอง มันจะหนักเท่าไรกันเชียว โจ้ย่อตัวลง นางคร่อมทันทีแบบไม่เกรงใจเลย 555 โจ้ตัวยุบไปเลยเหมือนกัน เมื่อน้ำหนักของแหม่มสาวกดลงบนไหล่สองข้าง
“ไหวนะ” ผมถามโจ้
“สู้โว็ย!” โจ้ตอบดัง สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่าคลีนแอนด์เจอร์ค สาวฝรั่งร้องกรี๊ด สนุกสนาน ตบมือ High Five กับเพื่อนนางอีกสองคนอย่างมีความสุข
“โอ๊ย ๆ” โจ้ร้อง ผมตกใจนึกว่าเพื่อนเป็นอะไร
“จิ๋มชนหัวว่ะ! 555” โจ้บอก หัวเราะร่า ว่าแล้วก็กระโดดตี๊ด ๆ โยกไปกับเพลงแบบเหมือนไม่หนักครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ พลังของหนุ่ม ตจว.อันล้นเหลือจริง ๆ ส่วนแหม่มสาวก็รับธงชาติไทยไปกางเล่นครับ โบกซะอย่างกับเป็นคนไทย เอ๊ะ หรือว่านางอยากได้สัญชาติไทย 555
“เฮ้ย ไหวเปล่าเนี่ย?” ผมถาม
“ไหวอยู่ ๆ ไม่ทำให้เสียชื่อชายไทยอยู่แล้ว” เพื่อนโจ้บอก ความภาคภูมิใจของหนุ่มไทย โจ้ 10 นิ้ว มันค้ำคออยู่! ตราบใดที่สองฝรั่งยังแบกเพื่อนนางได้อยู่นั้น โจ้จะยอมแพ้ ปล่อยนางลงก่อนได้อย่างไร ผ่านไปอีกสักเพลงสองเพลง พวกเพื่อนชายของนางก็พวกนางลง โจ้ได้ที เป่าปากบอกนางว่าลงได้แล้ว นางเองก็ทำท่าเสียดาย แหม่ โยกอยู่บนหัวของคนอื่นเป็นสิบนาทีนี่หว่า มันจะไปหนักตรงไหนล่ะคร๊าบบ 555
“หนักสัส ยาดมที” เพื่อนโจ้บอกทันที ก่อนจะหน้าซีดยืนดมยา ค้ำไหล่ผมอยู่ หลังจากพักปรับลมหายใจไปพักใหญ่ ๆ พลางเอามือแตะหลังหัวแล้วเอามาดม
“หอมกลิ่นปูดองฝรั่ง ชื่นจาย ๆ 555” โจ้บอก ก่อนจะกลับมาเต้นต่ออีกทียันจบงาน
“กูชอบว่ะ ปีหน้ามาใหม่นะ” โจ้บอกขณะเดินข้ามสะพานกลับจากงาน เดี๋ยว ๆ ๆ งานเพิ่งจบนะ จะมานัดข้ามปีอะไรแบบนี้ไม่ได้! 555
แต่งานมันยังไม่จบแค่นั้นซิครับ คืนนั้นพวกเราจะไปต่อ After Party กันที่ผับชื่อ Pacha ใน Manhattan คนแน่นสัส ๆ เรียกว่าวันนั้นพวกเราจัดกันยันหว่างกันไปเลย กว่าจะลากสังขารกลับถึงบ้านได้นี่ก็เรียกว่ากว่าจะได้ลงจากยานแม่ ก็เกือบเก้าโมงเช้า! ร่างพังกันไป ใส่กันจนหมดแม็ก ไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรเลย พอตื่นมาตอนเย็นเจอกับเสียงครวญครางของโจ้
“โอ๊ย ๆ ๆ ปวดขา ปวดหลัง ปวดไหล่ ร้าวไปทั้งตัว โอ๊ย ๆ” โจ้บอกก่อนจะสาธยายว่า ปวดร้าวตั้งแต่คอลงมาถึงกลางหลัง สันนิษฐานว่าเกิดจากเหตุแบกสาวหัวทองเต้นนี่แหละ แต่ผมพอถามว่าเข็ดไหม
“ไม่เข็ดโว๊ย ปีหน้ากูจะเอาไหม กูจะฟิตกล้ามเพิ่มขึ้นด้วย จะได้แบกสาว ๆ ได้นาน ๆ ศักดิ์ศรีของชายไทย ตั้งอยู่บนหัวไหล่กู!” โจ้บอก
หากคุณผู้อ่านชอบใจ สามารถกดไลค์ Comment ให้กำลังใจ ติดตาม Update เรื่องราวตอนอื่น ๆ ของ เอ็น.วาย.กู. NYKU: New York Kitchen University เรื่องวุ่น ๆ ของมนุษย์ห้องครัวในมหานครนิวยอร์ก หรือ Podcast (Blockdit) ได้ ได้ที่
FB: https://www.facebook.com/ny.kitchen.university
IG: https://www.instagram.com/ny.kitchen.university/
Readawrite: https://www.readawrite.com/c/e353e275f254489972f3fbe6593c930c
Dek-D: https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=2084075&chapter=6
Blockdit: https://www.blockdit.com/movingfinger
#เอ็นวายกู #nyku #newyorkkitchenuniversity #คนไทยในนิวยอร์ก #มหาลัยห้องครัว #ชีวิตเด็กเสิร์ฟ