1.ขอความร่วมมือจากคนในสังคมที่รู้จัก โดยการเล่าปัญหา 70% เข้าใจสงสาร 30%แกล้งทำเป็นสงสารจริงๆคือ
คิด - ฟังแล้วหมั่นไส้โดนเอาไปพูดในทางไม่ดี
2.เก็บไปจัดการเองด้วยตัวคนเดียว ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครนินทา
-ทางแรกสามารถผ่านพ้นปัญหาได้ด้วยดี คนที่ให้ความร่วมมือช่วยกันคนละนิดหน่อย แปปเดียวก็ผ่านพ้นปัญหาได้
แต่ทำให้คนที่ฟังแล้วไม่เห็นด้วย หรือ เกิดอคติ ก็จะเอาเราไปพูดในทางที่ไม่ดี
-กับจัดการเอง อาจจะผ่านได้ด้วยความยากลำบาก หรือ ถึงขั้นล้มเหลวก็ต้องวัดดวงอีกที
สรุปคือ ถ้าท่านมีปัญหา และเล็งเห็นว่าถ้าไปขอความร่วมมือจะมีทั้งคนเห็นด้วย และ คนอคติ เอาเราไปว่าในทางร้ายๆ
แม้ว่าจะแก้ปัญหาได้
แต่ท่านทำใจที่จะโดนคนจำนวนนึงที่อคติเอาเราไปว่านินทาในทางร้ายไหมครับ
ส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยทนกับเรื่องพวกนี้เลยมาปรึกษาครับ
นิสัยปกติเป็นคนกล้าพูดในเรื่องที่มั่นใจว่ากระแสตีมาทางเราเกิน 90%เท่านั้น ต่ำกว่านั้นไม่กล้าพูดแม้ว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ก็ตาม
ขอคำปรึกษาหน่อยครับ
ถ้าท่านเดือดร้อนมี 2 ทางเลือกคุณจะทำแบบไหนครับ
คิด - ฟังแล้วหมั่นไส้โดนเอาไปพูดในทางไม่ดี
2.เก็บไปจัดการเองด้วยตัวคนเดียว ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครนินทา
-ทางแรกสามารถผ่านพ้นปัญหาได้ด้วยดี คนที่ให้ความร่วมมือช่วยกันคนละนิดหน่อย แปปเดียวก็ผ่านพ้นปัญหาได้
แต่ทำให้คนที่ฟังแล้วไม่เห็นด้วย หรือ เกิดอคติ ก็จะเอาเราไปพูดในทางที่ไม่ดี
-กับจัดการเอง อาจจะผ่านได้ด้วยความยากลำบาก หรือ ถึงขั้นล้มเหลวก็ต้องวัดดวงอีกที
สรุปคือ ถ้าท่านมีปัญหา และเล็งเห็นว่าถ้าไปขอความร่วมมือจะมีทั้งคนเห็นด้วย และ คนอคติ เอาเราไปว่าในทางร้ายๆ
แม้ว่าจะแก้ปัญหาได้ แต่ท่านทำใจที่จะโดนคนจำนวนนึงที่อคติเอาเราไปว่านินทาในทางร้ายไหมครับ
ส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยทนกับเรื่องพวกนี้เลยมาปรึกษาครับ
นิสัยปกติเป็นคนกล้าพูดในเรื่องที่มั่นใจว่ากระแสตีมาทางเราเกิน 90%เท่านั้น ต่ำกว่านั้นไม่กล้าพูดแม้ว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ก็ตาม
ขอคำปรึกษาหน่อยครับ