realme ประเทศไทยเปิดตัว realme GT Master Edition ตามหลังต่างประเทศไม่กี่วันเท่านั้น และนอกเหนือจากมือถือ ยังมีการเปิดตัว คอมพิวเตอร์พกพา เครื่องแรกของค่ายในชื่อ realme Book ด้วยเช่นกันถือว่าเป็นการลุยตลาดแบบจัดเต็มหลังจากที่เดือนที่แล้วเงียบเหงากันไปพอสมควรเลยในวงการมือถือ แต่เดือนนี้เริ่มไตรมาสใหม่บอกเลยว่าแต่ละค่ายจัดเต็มกันไม่ยอมกันแน่นอน และในรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษทั้งงานออกแบบ และสเปกในหลายๆส่วนครับ เป็นรุ่น realme GT Master Edition ที่มาพร้อมกับการออกแบบพิเศษฝาหลังได้ แรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทาง จากคุณ นาโอโตะ ฟุคาซาว่า นั้นเอง ได้แนวคิดจากการเดินทางที่ช่วงนี้อาจจะทำให้หลายๆคนคิดถึงการเดินทางต่างๆ และมาพร้อมกับ Snapdragon 778G ล่าสุด รวมถึง หน้าจอเทพ 120Hz AMOLED และชาร์จไว 65W SuperDart Charge จัดเต็ม เหมือนเคยและกล้องหน้าพัฒนาขึ้นอีกครั้งเป็น 32MP IMX651 ตัวใหม่ด้วยเช่นกันถือว่าภาพรวมรุ่นนี้ ทำสเปก งานออกแบบ การใช้งานนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับน้องใหม่ตระกูล GT ตัวนี้ครับ
ทางด้านสเปกเอง realme GT Master Edition มาพร้อมกับ Snapdragon 778G 5G ขนาด 6nm และใช้งาน การ์ดจอ Adreno 642L พร้อมด้วย RAM 8GB และ Storage 128GB หรือ 256GB พร้อมกับ Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0 ซิมคู่ (nano + nano) หน้าจอ OLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2,400×1,080พิกเซล) Full HD+ 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits และตอบสนองการสัมผัส 360Hz จอตัวเดียวกับ GT 5G และ ส่วนทางด้านกล้องหลัง เป็นกล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง Ultra Wide 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED รองรับโหมด Bokeh Flare Portrait รวมถึง Street Filter โทนสี KODAK ในการทำโทนสีแบบกล้องฟิล์ม และโหมด Street ใส่เข้ามาให้ที่มี Peak Focus มาให้ด้วย เจ๋งมาก และใช้งาน กล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 ตัวใหม่ที่มุมมองกว้าง และ คุณภาพที่ดีกว่าเดิม พร้อมกับ เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ และ ลำโพงตัวเดียว Super linear speaker รองรับ คุณภาพเสียง Hi-Res ผ่านรูหูฟัง พร้อมแบต 4,300 mAh รองรับ ชาร์จไวด้วย 65W SuperDart Charge ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที และมีระบบ flash charging ขณะเล่นเกม ช่วยให้สามารถชาร์จได้ถึง 38% ในการเล่นหนึ่งชั่วโมง พร้อมกับระบบสั่นพิเศษ Tactile Engine ได้รับการพัฒนาโดยใช้มอเตอร์แนวราบที่ปรับให้เข้ากับทุกด้านของระบบอย่างล้ำลึก ให้การตอบสนองการสั่นสะเทือนแบบ 3มิติ ถือว่าสเปกไม่ธรรมดาและหน้าจอก็ลื่นไหลมาก
PRICE
realme GT Master Edition เปิดตัวในประเทศไทยมาพร้อมกับ 2 สีนะครับ และ มีความจุแตกต่างกันเล็กน้อย
- realme GT Master (8+128) : 13,990 THB
- realme GT Master (8+256) : 15,990 THB
UNBOX
ตัวกล่องเองนั้นมีการออกแบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆ แต่ก็จะไปอิงการออกแบบในแนวทางของตระกูล GT นั้นเองครับคล้ายกับรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ และอุปกรณ์ในกล่องเองก็ให้มาครบพร้อมใช้งานแต่รุ่นพิเศษนี้จะได้เคสแตกต่างกับสีปกติ
- ตัวเครื่อง realme GT Master Edition
- ตัวเคส Master Edition ออกแบบ สีเดียวกับตัวเครื่อง วัสดุนิ่ม TPU
- สายชาร์จ USB-A ไป USB-C รองรับ 65W SuperDart Charge
- Adaptor 65W SuperDart Charge
- คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
ตัวเคสแถมนั้นในรุ่นนี้จะเป็นสี voyager grey ทำให้เป็นฝาหลังหนังและตัวเคสเลยมีการออกแบบพิเศษกว่ารุ่นทั่วๆไปเยอะมาก เป็นลวดลายแบบเดียวกับฝาหลังเลยครับ แต่จะทำจากวัสดุที่สะดวกสบายและทนทาน (TPU) ด้วยรูปทรงกระเป๋าเดินทาง 3 มิติแบบเดียวกันและลายเซ็นของนาโอโตะ ฟุคาซาไม่เพียงปกป้องโทรศัพท์ได้ แต่ยังแสดงการออกแบบที่มีสไตล์อีกด้วยนั้นเอง และในด้านหน้าจะคลุมมาเยอะกว่าเคสแถมที่เราเคยเห็นทำให้การใช้งานนั้นลงตัวและมีความแข็งแรงรวมถึงยังคงสวยได้เหมือนเดิม จะดีกว่าเคสแข็งทั่วไปในแบรนด์อื่นๆและตัวนี้ทำได้ลงตัว
ในแง่ของการคลุมเลนส์กล้องนั้นวางคว่ำไม่โดนเลนส์แต่จะไม่ได้มีมุมขึ้นมาเยอะอะไรมากนักปกป้องได้เล็กน้อยครับสูงกว่าเลนส์กล้อง แต่จะไม่ได้นูนออกมาเยอะ ถือว่าต้องระวังนิดหน่อย แต่ผิวสัมผัสตัวเคสเนียนมือวัสดุดีและลวดลายสวยเช่นเดิมครับ และเป้นสีเทาด้านสวยงาม ส่วนด้านหน้านั้นปกป้องได้ดีเลยแหละ คลุมทุกมุมของกระจกปกป้องจอแตก
DESIGN
งานออกแบบตัวเครื่องรุ่นนี้การวางเลนส์กล้อง งานออกแบบภาพรวมนั้นไม่ได้หนีจากรุ่นอื่นๆของค่ายแต่รุ่นนี้ ในสีเทาจะได้งานออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆของค่ายทันที ฝาหลังลวดลายพิเศษจากคุณ นาโอโตะ ฟุคาซาว่า ที่ได้แนวคิดจากกระเป๋าเดินทางต่างๆ ทำให้ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุหนังที่ผิวสัมผัสดี และสวยงามกว่าตัวอื่นๆ รวมถึงขนาดตัวเครื่องเบา บางกำลังดี และ หน้าจอได้ตัวเดียวกับ GT 5G ทำได้ลื่นไหล และ สีเทาออกมาโทนกำลังหรูและทันสมัยงานประกอบแน่นดีแม้จะไม่ได้ใช้เฟรมโลหะแต่ความเนียน รอยต่อความแน่นเวลาจับถือเองนั้นตัวนี้ทำได้ดีมากๆทีเดียว
หน้าจอนั้นเป็นการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายบนใช้งาน หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 20:9 รองรับ HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz,สัมผัส 360Hz
ขอบหน้าจอส่วนบนนั้นตัวนี้ถือว่าทำได้ดีเพราะว่าเป็นลำโพงคู่ให้มาจัดเต็ม พร้อมกับกล้องหน้า 32MP F2.45 รองรับการถ่ายมาตรฐาน แต่น่าเสียดายว่ารูรับแสงนั้นแคบไปนิดหน่อยครับ พร้อมกับแทรกเซนเซอร์ต่างๆไว้ขอบบนทั้งหมด
ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นมีความบางระดับนึงพร้อมกับปุ่มควบคุมมาตรฐาน และ สามารถปรับไปใช้งานได้แบบเต็มหน้าจอ ส่วนหน้าจอนั้นเป็นการออกแบบหน้าจอแบบเรียบๆ ไม่ได้มีส่วนขอบโค้งหรือกระจกโค้งอะไรแต่อย่างใดในรุ่นนี้
ขอบเครื่องส่วนล่างนั้นเราจะเห็นว่ารุ่นนี้เป็นลำโพงหลัก และ มาพร้อมกับ USB-C และ รูไมค์หลักในด้านล่าง พร้อมกับรู 3.5 มม. ให้มาไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ ส่วนลำโพงอีกตัวนั้นจะไว้ขอบบนหน้าจอนั้นเอง ส่วนการออกแบบนั้นจะเป็นขอบสีเงินโครเมี่ยมสวยงามมากๆ ดูพรีเมี่ยมสวยงาม และจะมีความโค้งมนมากกว่าตัว GT 5G ก่อนหน้านี้ครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม / ลด เสียงครับ จะเห็นว่ามีสีเงินโครเมี่ยมทั้งขอบเครื่องดูหรูหราสวยงามจริงๆ พร้อมกับถาดซิมที่รองรับการใช้งานแบบ Dual-Sim แต่จะไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD นะครับตัวนี้
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่เราจะเห็นรูไมค์ด้านบนสำหรับการตัดเสียงหรือว่าอัดเสียงใส่มาพร้อมกับฝาหลังที่เราเห็นนั้นจะมีการโค้งลงมาทำให้การจับถืออะไรนั้นรองรับได้ง่ายและถือได้ถนัดมือมากขึ้นด้วย
ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็นว่ามีแค่ปุ่ม Power เท่านั้น ไม่ได้มีการเล่นสีหรือพื้นผิวอะไรตรงปุ่มเปิดปิดนี้ และ ส่วนฝาหลังหนังนั้นมีการเข้าขอบเครื่องมากขึ้น ทำให้ตัวขอบเครื่องนั้นดูบางมากกว่าเดิมและจับถือได้สะดวกเช่นกัน
ฝาหลังถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆของตัวนี้เพราะว่ามีวัสดุพิเศษ และได้รับการออกแบบมาจากคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า ซึ่งมีแนวคิดในการออกแบบฝาหลังว่า “การเดินทางมีบทบาทสำคัญในชีวิตของฉัน ทำให้ฉันได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างที่มีอยู่ในโลกและการออกแบบที่แท้จริงคืออะไร ฉันต้องการออกแบบสมาร์ตโฟนสำหรับทุกคน โดยเฉพาะสำหรับคนที่คิดบวก กระตือรือร้น และมีชีวิตชีวา” จึงได้ฝาหลังดีไซน์หนังวีแกนมาพร้อมกับสี Voyager Greyในการออกแบบจากกระเป๋าเดินทาง จะช่วยเตือนให้คุณความรู้สึกคิดถึงในทุกๆการเดินทางต่างๆ และ หนังวีแก้น ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นนุ่มเหมือนผิวเด็ก ซึ่งเป็นหนังวีแก้นแบบเว้าแบบแรกในอุตสาหกรรม พร้อมกับ ดีไซน์เส้นตารางแนวนอนของกระเป๋าเดินทาง ให้ความรู้สึกถือสบายส่วนโทน สีเทาโวเอเจอร์ให้ความรู้สึกสบายตัวเนื่องจากเป็นโทนสีที่ไม่มืด
และที่ขาดไม่ได้เลยคือโลโก้ realme ที่ตำแหน่งมุมขวาบน พร้อมกับลายเซ็นอันละเอียดอ่อนของ Naoto Fukasawa ทำด้วยกระบวนการแกะสลักระดับนาโน และ เขียนชัดเจนเลยว่า Designed By ชัดเจนเลยทีเดียวครับ และไม่หลุดลอกได้ง่ายๆแน่นอน ซึ่งในไทยจะมีแค่สีเทาตัวนี้เท่านั้นที่เป็นฝาหลังพิเศษและมีความสวยงามแบบนี้ครับ
ทางด้านกล้องตัวนี้มีการจัดวางต่างๆคล้ายกับรุ่นพี่ แต่จะมีการเปลี่ยนงานออกแบบเล็กน้อยมีความหรูหรามากกว่าเดิม เลนส์แต่ละชิ้นเองนั้นแยกกันทั้งหมดพร้อมกับยกระดับขึ้นมาจากตัวบอดี้ และ เรียงกันแนวตั้ง พร้อมกับ ไฟแฟลชในด้านล่าง รวมถึงเขียน MATRIX CAMERA และมีการเพิ่มโหดมดการถ่ายเข้ามาทั้ง Bokeh Flare Portrait หรือ Street Mode ที่มีการใช้โทนสีฟิล์ม KODAK เข้ามาด้วยเช่นกันครับ ในแง่ของสเปก กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง Ultra Wide 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED ถือว่ารองรับการถ่ายทั่วไปได้สบาย และ โหมดการถ่ายทั้งกลางคืนหรือกลางวัน และ Portrait ก็ตาม ส่วนวีดีโอรองรับ 4K 30FPS สูงสุดเลยนั้นเองครับ และมี Dual View และ โหมดการถ่ายวีดีโอแบบละลายหลัง ดูดสีต่างๆให้มาครบจัดเต็มมาก
[SR] รีวิว realme GT Master Edition ดีไซน์สวย พร้อมจอ AMOLED 120Hz ชาร์จไว 65W !
realme ประเทศไทยเปิดตัว realme GT Master Edition ตามหลังต่างประเทศไม่กี่วันเท่านั้น และนอกเหนือจากมือถือ ยังมีการเปิดตัว คอมพิวเตอร์พกพา เครื่องแรกของค่ายในชื่อ realme Book ด้วยเช่นกันถือว่าเป็นการลุยตลาดแบบจัดเต็มหลังจากที่เดือนที่แล้วเงียบเหงากันไปพอสมควรเลยในวงการมือถือ แต่เดือนนี้เริ่มไตรมาสใหม่บอกเลยว่าแต่ละค่ายจัดเต็มกันไม่ยอมกันแน่นอน และในรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษทั้งงานออกแบบ และสเปกในหลายๆส่วนครับ เป็นรุ่น realme GT Master Edition ที่มาพร้อมกับการออกแบบพิเศษฝาหลังได้ แรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทาง จากคุณ นาโอโตะ ฟุคาซาว่า นั้นเอง ได้แนวคิดจากการเดินทางที่ช่วงนี้อาจจะทำให้หลายๆคนคิดถึงการเดินทางต่างๆ และมาพร้อมกับ Snapdragon 778G ล่าสุด รวมถึง หน้าจอเทพ 120Hz AMOLED และชาร์จไว 65W SuperDart Charge จัดเต็ม เหมือนเคยและกล้องหน้าพัฒนาขึ้นอีกครั้งเป็น 32MP IMX651 ตัวใหม่ด้วยเช่นกันถือว่าภาพรวมรุ่นนี้ ทำสเปก งานออกแบบ การใช้งานนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับน้องใหม่ตระกูล GT ตัวนี้ครับ
ทางด้านสเปกเอง realme GT Master Edition มาพร้อมกับ Snapdragon 778G 5G ขนาด 6nm และใช้งาน การ์ดจอ Adreno 642L พร้อมด้วย RAM 8GB และ Storage 128GB หรือ 256GB พร้อมกับ Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0 ซิมคู่ (nano + nano) หน้าจอ OLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2,400×1,080พิกเซล) Full HD+ 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits และตอบสนองการสัมผัส 360Hz จอตัวเดียวกับ GT 5G และ ส่วนทางด้านกล้องหลัง เป็นกล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง Ultra Wide 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED รองรับโหมด Bokeh Flare Portrait รวมถึง Street Filter โทนสี KODAK ในการทำโทนสีแบบกล้องฟิล์ม และโหมด Street ใส่เข้ามาให้ที่มี Peak Focus มาให้ด้วย เจ๋งมาก และใช้งาน กล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 ตัวใหม่ที่มุมมองกว้าง และ คุณภาพที่ดีกว่าเดิม พร้อมกับ เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ และ ลำโพงตัวเดียว Super linear speaker รองรับ คุณภาพเสียง Hi-Res ผ่านรูหูฟัง พร้อมแบต 4,300 mAh รองรับ ชาร์จไวด้วย 65W SuperDart Charge ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที และมีระบบ flash charging ขณะเล่นเกม ช่วยให้สามารถชาร์จได้ถึง 38% ในการเล่นหนึ่งชั่วโมง พร้อมกับระบบสั่นพิเศษ Tactile Engine ได้รับการพัฒนาโดยใช้มอเตอร์แนวราบที่ปรับให้เข้ากับทุกด้านของระบบอย่างล้ำลึก ให้การตอบสนองการสั่นสะเทือนแบบ 3มิติ ถือว่าสเปกไม่ธรรมดาและหน้าจอก็ลื่นไหลมาก
PRICE
realme GT Master Edition เปิดตัวในประเทศไทยมาพร้อมกับ 2 สีนะครับ และ มีความจุแตกต่างกันเล็กน้อย
- realme GT Master (8+128) : 13,990 THB
- realme GT Master (8+256) : 15,990 THB
UNBOX
ตัวกล่องเองนั้นมีการออกแบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆ แต่ก็จะไปอิงการออกแบบในแนวทางของตระกูล GT นั้นเองครับคล้ายกับรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ และอุปกรณ์ในกล่องเองก็ให้มาครบพร้อมใช้งานแต่รุ่นพิเศษนี้จะได้เคสแตกต่างกับสีปกติ
- ตัวเครื่อง realme GT Master Edition
- ตัวเคส Master Edition ออกแบบ สีเดียวกับตัวเครื่อง วัสดุนิ่ม TPU
- สายชาร์จ USB-A ไป USB-C รองรับ 65W SuperDart Charge
- Adaptor 65W SuperDart Charge
- คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
ตัวเคสแถมนั้นในรุ่นนี้จะเป็นสี voyager grey ทำให้เป็นฝาหลังหนังและตัวเคสเลยมีการออกแบบพิเศษกว่ารุ่นทั่วๆไปเยอะมาก เป็นลวดลายแบบเดียวกับฝาหลังเลยครับ แต่จะทำจากวัสดุที่สะดวกสบายและทนทาน (TPU) ด้วยรูปทรงกระเป๋าเดินทาง 3 มิติแบบเดียวกันและลายเซ็นของนาโอโตะ ฟุคาซาไม่เพียงปกป้องโทรศัพท์ได้ แต่ยังแสดงการออกแบบที่มีสไตล์อีกด้วยนั้นเอง และในด้านหน้าจะคลุมมาเยอะกว่าเคสแถมที่เราเคยเห็นทำให้การใช้งานนั้นลงตัวและมีความแข็งแรงรวมถึงยังคงสวยได้เหมือนเดิม จะดีกว่าเคสแข็งทั่วไปในแบรนด์อื่นๆและตัวนี้ทำได้ลงตัว
ในแง่ของการคลุมเลนส์กล้องนั้นวางคว่ำไม่โดนเลนส์แต่จะไม่ได้มีมุมขึ้นมาเยอะอะไรมากนักปกป้องได้เล็กน้อยครับสูงกว่าเลนส์กล้อง แต่จะไม่ได้นูนออกมาเยอะ ถือว่าต้องระวังนิดหน่อย แต่ผิวสัมผัสตัวเคสเนียนมือวัสดุดีและลวดลายสวยเช่นเดิมครับ และเป้นสีเทาด้านสวยงาม ส่วนด้านหน้านั้นปกป้องได้ดีเลยแหละ คลุมทุกมุมของกระจกปกป้องจอแตก
DESIGN
งานออกแบบตัวเครื่องรุ่นนี้การวางเลนส์กล้อง งานออกแบบภาพรวมนั้นไม่ได้หนีจากรุ่นอื่นๆของค่ายแต่รุ่นนี้ ในสีเทาจะได้งานออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆของค่ายทันที ฝาหลังลวดลายพิเศษจากคุณ นาโอโตะ ฟุคาซาว่า ที่ได้แนวคิดจากกระเป๋าเดินทางต่างๆ ทำให้ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุหนังที่ผิวสัมผัสดี และสวยงามกว่าตัวอื่นๆ รวมถึงขนาดตัวเครื่องเบา บางกำลังดี และ หน้าจอได้ตัวเดียวกับ GT 5G ทำได้ลื่นไหล และ สีเทาออกมาโทนกำลังหรูและทันสมัยงานประกอบแน่นดีแม้จะไม่ได้ใช้เฟรมโลหะแต่ความเนียน รอยต่อความแน่นเวลาจับถือเองนั้นตัวนี้ทำได้ดีมากๆทีเดียว
หน้าจอนั้นเป็นการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายบนใช้งาน หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 20:9 รองรับ HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz,สัมผัส 360Hz
ขอบหน้าจอส่วนบนนั้นตัวนี้ถือว่าทำได้ดีเพราะว่าเป็นลำโพงคู่ให้มาจัดเต็ม พร้อมกับกล้องหน้า 32MP F2.45 รองรับการถ่ายมาตรฐาน แต่น่าเสียดายว่ารูรับแสงนั้นแคบไปนิดหน่อยครับ พร้อมกับแทรกเซนเซอร์ต่างๆไว้ขอบบนทั้งหมด
ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นมีความบางระดับนึงพร้อมกับปุ่มควบคุมมาตรฐาน และ สามารถปรับไปใช้งานได้แบบเต็มหน้าจอ ส่วนหน้าจอนั้นเป็นการออกแบบหน้าจอแบบเรียบๆ ไม่ได้มีส่วนขอบโค้งหรือกระจกโค้งอะไรแต่อย่างใดในรุ่นนี้
ขอบเครื่องส่วนล่างนั้นเราจะเห็นว่ารุ่นนี้เป็นลำโพงหลัก และ มาพร้อมกับ USB-C และ รูไมค์หลักในด้านล่าง พร้อมกับรู 3.5 มม. ให้มาไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ ส่วนลำโพงอีกตัวนั้นจะไว้ขอบบนหน้าจอนั้นเอง ส่วนการออกแบบนั้นจะเป็นขอบสีเงินโครเมี่ยมสวยงามมากๆ ดูพรีเมี่ยมสวยงาม และจะมีความโค้งมนมากกว่าตัว GT 5G ก่อนหน้านี้ครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม / ลด เสียงครับ จะเห็นว่ามีสีเงินโครเมี่ยมทั้งขอบเครื่องดูหรูหราสวยงามจริงๆ พร้อมกับถาดซิมที่รองรับการใช้งานแบบ Dual-Sim แต่จะไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD นะครับตัวนี้
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่เราจะเห็นรูไมค์ด้านบนสำหรับการตัดเสียงหรือว่าอัดเสียงใส่มาพร้อมกับฝาหลังที่เราเห็นนั้นจะมีการโค้งลงมาทำให้การจับถืออะไรนั้นรองรับได้ง่ายและถือได้ถนัดมือมากขึ้นด้วย
ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็นว่ามีแค่ปุ่ม Power เท่านั้น ไม่ได้มีการเล่นสีหรือพื้นผิวอะไรตรงปุ่มเปิดปิดนี้ และ ส่วนฝาหลังหนังนั้นมีการเข้าขอบเครื่องมากขึ้น ทำให้ตัวขอบเครื่องนั้นดูบางมากกว่าเดิมและจับถือได้สะดวกเช่นกัน
ฝาหลังถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆของตัวนี้เพราะว่ามีวัสดุพิเศษ และได้รับการออกแบบมาจากคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า ซึ่งมีแนวคิดในการออกแบบฝาหลังว่า “การเดินทางมีบทบาทสำคัญในชีวิตของฉัน ทำให้ฉันได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างที่มีอยู่ในโลกและการออกแบบที่แท้จริงคืออะไร ฉันต้องการออกแบบสมาร์ตโฟนสำหรับทุกคน โดยเฉพาะสำหรับคนที่คิดบวก กระตือรือร้น และมีชีวิตชีวา” จึงได้ฝาหลังดีไซน์หนังวีแกนมาพร้อมกับสี Voyager Greyในการออกแบบจากกระเป๋าเดินทาง จะช่วยเตือนให้คุณความรู้สึกคิดถึงในทุกๆการเดินทางต่างๆ และ หนังวีแก้น ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นนุ่มเหมือนผิวเด็ก ซึ่งเป็นหนังวีแก้นแบบเว้าแบบแรกในอุตสาหกรรม พร้อมกับ ดีไซน์เส้นตารางแนวนอนของกระเป๋าเดินทาง ให้ความรู้สึกถือสบายส่วนโทน สีเทาโวเอเจอร์ให้ความรู้สึกสบายตัวเนื่องจากเป็นโทนสีที่ไม่มืด
และที่ขาดไม่ได้เลยคือโลโก้ realme ที่ตำแหน่งมุมขวาบน พร้อมกับลายเซ็นอันละเอียดอ่อนของ Naoto Fukasawa ทำด้วยกระบวนการแกะสลักระดับนาโน และ เขียนชัดเจนเลยว่า Designed By ชัดเจนเลยทีเดียวครับ และไม่หลุดลอกได้ง่ายๆแน่นอน ซึ่งในไทยจะมีแค่สีเทาตัวนี้เท่านั้นที่เป็นฝาหลังพิเศษและมีความสวยงามแบบนี้ครับ
ทางด้านกล้องตัวนี้มีการจัดวางต่างๆคล้ายกับรุ่นพี่ แต่จะมีการเปลี่ยนงานออกแบบเล็กน้อยมีความหรูหรามากกว่าเดิม เลนส์แต่ละชิ้นเองนั้นแยกกันทั้งหมดพร้อมกับยกระดับขึ้นมาจากตัวบอดี้ และ เรียงกันแนวตั้ง พร้อมกับ ไฟแฟลชในด้านล่าง รวมถึงเขียน MATRIX CAMERA และมีการเพิ่มโหดมดการถ่ายเข้ามาทั้ง Bokeh Flare Portrait หรือ Street Mode ที่มีการใช้โทนสีฟิล์ม KODAK เข้ามาด้วยเช่นกันครับ ในแง่ของสเปก กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง Ultra Wide 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED ถือว่ารองรับการถ่ายทั่วไปได้สบาย และ โหมดการถ่ายทั้งกลางคืนหรือกลางวัน และ Portrait ก็ตาม ส่วนวีดีโอรองรับ 4K 30FPS สูงสุดเลยนั้นเองครับ และมี Dual View และ โหมดการถ่ายวีดีโอแบบละลายหลัง ดูดสีต่างๆให้มาครบจัดเต็มมาก
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้