รู้สึกอัดอัดกับแฟนพี่สาว

กระทู้นี้ขอยืมแอคเค้าท์เพื่อนมาเขียน

ต้องเกริ่นก่อนว่าพี่สาวเป็น LGBTQ และ ได้พาแฟน เข้ามาในบ้านเมื่อ 3 ปีก่อน ที่บ้านรับได้ว่าจะพาใครเข้ามาอยู่ด้วยเพราะแต่ละคนก็โตๆและทำงานก่ันหมดแล้ว ตอนแรกที่เริ่มรู้จักแฟนพี่สาวก็ไม่ได้สนิทอะไร และไม่ได้พูดคุยด้วยกันเท่าไหร่ รวมทั้งพอจะเข้าใจว่าเขาต้องปรับตัวกันที่บ้านและอะไรหลายๆ อย่าง โดยปกติในทุกวันก็มีการพูดคุยกันตามปกติของคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ผมมักจะเป็นฝ่ายคุยกับพี่เขาก่อนเสมอ ผมไม่รู้ว่าเขาคงเขิลๆ หรืออาย ไม่กล้าคุยกับใครเท่าไหร่ พี่เขาเลยคุยและปรึกษาเรื่องราวต่างๆกับพี่สาวเป็นส่วนใหญ่

หลังจากนั้นเวลาผ่านมาหลายเดือนพี่เขาเริ่มนำของใช้ส่วนตัวของตัวเองนำมาไว้ในบ้านมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ (ซึ่งแทบไม่ได้ขับเลย) แต่นำมาจอดตายไว้ ซึ่งกินพื้นที่การจอดรถภายในบ้าน นานๆทีจะขับออกไปข้างนอกเพราะปกติไปทำงานก็ให้พี่สาวไปส่ง ไปไหนก็ไปรับไปส่ง ก็ไม่รู้ว่าจะเอารถมาจอดไว้ทำไมเหมือนกัน (รถในบ้านก็มีเยอะแล้ว เวลาสมาชิกภายในบ้านจะออกไหน ก็ต้องถอยออกลำบาก) และ เครื่องใช้ต่างๆ มีการแบ่งสัดส่วนของตัวเองกับพี่สาว เช่นมีการซื้อตู้เย็นใช้กันแค่สองคน เวลาซื้อของกินก็จะเก็บไว้กินสองคน ซึ่งในช่วงแรกผมก็ไม่ได้อะไรเพราะสมาชิกภายในบ้านต่างคนต่างอยู่ ใครซื้อมาก็กินกันเอง หากินกันเอง ไม่ได้เป็นการซื้อมากินกันโดยส่วนรวม ยกเว้นพ่อที่เขาจะชอบซื้อของมาให้ที่บ้านกินอยู่สม่ำเสมอในทุกๆวัน 

ต่อมาประมาณ 1 ปี แฟนพี่สาวได้มีการพูดคุยกับน้องสาวว่าอยากเลี้ยงแมว และน้องสาวก็อยากเลี้ยงเหมือนกัน อยากเพิ่มสมาชิกใหม่ ซึ่งที่บ้านมีแมวอยู่แล้ว 4 ตัว โดยนัดแนะกัน จองแมวแล้ว จ่ายเงินแล้ว ซึ่งเงินที่จองค่าแมวก็เป็นเงินน้องสาว แล้วอยู่ดีๆ แฟนพี่สาวก็ไม่ได้เอาแมวตัวนั้น แต่ไปซื้อแมวตัวอื่นเข้ามาเลี้ยงเอง โดยเงินค่าจองแมวของน้องสาว ซึ่งตอนแรกคุยกันว่าจะหารกัน แต่ก็ไม่ได้คืน(เรื่องนี้น้องสาวพึ่งมาบอกเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว ) ปกติเวลาซื้ออาหารแมวหรือทรายแมวก็จะหาร 3 คนอยู่แล้ว (พี่สาว น้องสาว และ ผม) พอมีแมวตัวใหม่เข้ามากลายเป็นแฟนพี่สาวเขาจ่ายเฉพาะแมวตัวเอง โดยการเลี้ยงของเขาเป้นการเลี้ยงแบบประคบประหงมเกินเหตุขังไว้อยู่ในห้อง ไปข้างนอกก็เอาไปด้วย  ทำให้เป็นภาระกับสมาชิกภายในบ้านเวลาออกไปเที่ยวตามห้าง หรือ ไปต่างจังหวัด (คนอื่นเอาแมวไว้บ้านหมด) เวลาจะจองโรงแรมหรือว่าร้านอาหารก็ต้องดูว่าเอาแมวเข้าไปด้วยได้ไหม และแมวของแฟนพี่สาวกินจุมากจนพี่สาว ต้องจำกัดเวลาการกินของแมวทุกตัวซึ่งปกติก็เทให้กินตลอด แต่ก็ต้องมาเปลี่ยนเพราะแฟนพี่สาว ทำให้แมวตัวอื่นๆดูหงอยลง และเรื่องทะเลาะกันก็เกิดขึ้นจากเรื่องแมว เหตุการณ์ล่าสุดคือปกติผมจะเป็นคนเปิดประตูห้องนอน เพื่อให้แมวเข้าออกโดยสะดวก ที่นี้แมวของแฟนพี่สาว นางชอบเข้ามาอยู่ใต้เตียงอยู่บ่อยๆ แรกๆก็ไม่มีอะไร เข้ามาก็อุ้มออกไปให้ เพราะแฟนพี่สาวจะตามแมวนาง ทุกวันหลังเลิกงาน เป็นยังงี้บ่อยครั้งนานนับปี จนรู้สึกเริ่มรำคาญกับการตามแมวให้ (ต้องล่อแมวออกมา) ผมเป็นคนรักแมวมากแต่แมวของแฟนพี่สาวเป็นตัวเดียวที่ผมจะไม่ยุ่ง เพราะผมไม่อยากมีเรื่องทะเลาะกัน และจนแล้วจนเล่าก็มีการทะเลาะกันกับพี่สาวลามไปเรื่องอื่นๆ  และ พี่สาวก็จะปกป้อง และเข้าข้างแฟน รวมทั้งพ่อก็เข้าข้างแฟนพี่สาวด้วย เพราะแฟนพี่สาวค่อนข้างสนิทกับพ่อ และ มีเรื่องปรึกษาอยู่เป็นประจำ โดยน่าจะมีกรุ๊ปไลน์ที่คุยกันแค่สามคน ไม่ได้บอกให้คนในบ้านรู้เรื่อง เพราะไปไหนมาด้วยกัน ซื้อของอะไรก็ไปด้วยกันอยู่แค่สามคน โดยไม่ได้บอกสมาชิกภายในบ้าน ผมจะรู้ทุกเรื่องเป็นคนสุดท้าย

เร็วๆ นี้ที่ผ่านมาตัวผมรู้สึกค่อนข้างอึดอัดกับการใช้ชีวิตร่วมกับเขา ภายในบ้านของตัวเอง เพราะแฟนพี่สาวเขาคุยกับทุกคนในบ้านยกเว้นผม เพียงคนเดียว ที่เขาไม่คุยด้วย ไม่สบตา ไม่เอ่ยถึง ไม่เคยทักทาย เวลาสั่งของกินร่วมกันก็ไม่เคยถามผม  โดยจะข้ามผมไปตลอดแต่ถามสมาชิกทุกคนในบ้าน เหมือนเป็นธาตุอาการ จนพี่สาวหรือน้องสาว จะเป็นคนเอ่ยถามเองว่าจะกินไรไหม ซึ่งไม่รู้ว่าแฟนพี่สาวเขามีอคติกับผม เรื่องการทะเลาะกันของพี่สาวเพราะเรื่องเขา หรือ เรื่องอื่นที่มีเขาเข้าไปเกี่ยวด้วยรึเปล่า โดยปกติที่บ้านใครมีปัญหาอะไรก็จะปรึกษากันอยู่แล้ว ซึ่งผมเป็นคนพูดตรงชัดเจนทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้นภายในบ้าน ไม่เป็นคนพูดจาอ้อมคนมีอะไรก็พูดกันตรงๆ ผมคิดแบบเป็นคนกลางไม่เข้าข้างใคร บางครั้งอาจจะไม่ถูกใจแต่ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องผมก็จะพูดตามเหตุและผลปัญหาเรื่องทะเลาะกันกับแฟนพี่สาวก็เคยคุยกับพ่อแล้ว แต่พ่อก็เข้าข้างแฟนพี่สาวในทุกๆครั้ง ยังดีที่น้องสาวพอเข้าใจผม เพราะแฟนพี่สาวก็เคยทะเลาะกับน้องสาวครั้งใหญ่ และ น้องสาวก็ไม่ได้ชอบแฟนพี่สาวเป็นทุนเดิม

ผมเคยถามสาเหตุที่เขาไม่คุยด้วยกับพี่สาว โดยพี่สาวให้คำตอบว่า แฟนพี่สาวไม่ค่อยคุยกับผช คุยกับผชไม่เก่ง ก็เลยงงเพราะรู้สึกว่ามันย้อนแย้ง เพราะแฟนพี่สาวสนิทกับพ่อมาก และคุยกับเพื่อนผช รุ่นพี่ผช ที่ทำงานเป็นปกติ ถ้าแฟนพี่สาวจะคุยด้วย (ซึ่งนับคำได้ในแต่ละเดือน) น้ำเสียงของเขาจะแตกต่างกับการคุยกับสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ น้ำเสียงจะห่างเหิน ดูรำคาญ และดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนรังเกียจ และแฟนพี่สาวเคยบอกพี่สาวว่าเขาทำให้คนในบ้านเพราะเขารึเปล่า เขากลับบ้านเขาดีไหม แต่พี่สาวกับพ่อก็ยังรั้งให้เขาอยู่บ้านต่อไป โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ช่วงนี้แฟนพี่สาว WFH เวลาประชุมงานทำงานก็จะลงมานั่งทำข้างล่าง และ พูดคุยเสียงดังโดยรบกวนคนอืนๆ และ คนในบ้านก็ต้องทำตัวเงียบๆ เพราะว่าเขาทำงาน เลยไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเงียบ และเขาควรจะทำงานในห้องของตัวเองไหม เคยเกิดเรื่องทำนองนี้แล้วแต่ผมก็ไม่ได้ลดเสียงและคุยปกติ จนเขาน่าจะรำคาญหรือรู้ตัว ก็เลยเก็บของขี้นไปทำงานบนห้อง พ่อผมเองก็ยังพูดเลยว่าพวกเราต้องเงียบ เพราะว่าเขาทำงานอยู่ ผมก็เลยเริ่มงงว่า ผมอยู่บ้านใครกันแน่

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ปรึกษาแฟนเรื่องนี้ แฟนก็เลยบอกให้มานอนบ้านแฟน ลองดูว่าอยู่ที่บ้านแฟนจะมีความสุขมากกว่าบ้านตัวเองรึเปล่า และไปสงบจิตสงบใจ โดยผมก็ไปนอนอยู่เป็นอาทิตย์โดยที่ทุกคนในบ้านไม่ได้ตามหาหรือเรียกกลับ 

อาจจะยาวไปหน่อย แต่อึดอัดมาก เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และ ไม่มีความสุขในบ้านตัวเองเลย อนาคตผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างงี้อีกนานไหม เพราะว่าเราก็อยากให้ชีวิตร่วมกับแฟนพี่สาวอย่างไม่อึดอัดใจ
สุดท้ายนี้อยากปรึกษาว่าควรเรียกแฟนพี่สาวมาคุยตรงๆ โดยมีพ่อกับพี่สาวเป็นตัวกลางไหม หรือว่าผมควรอยู่เฉยๆต่อไปโดยไม่มีไรเกิดขึ้น

ปล.ผมทำงานขายของออนไลน์ และยังไม่มีทุนพอที่จะออกไปอยู่ข้างนอก เพื่อตัดปัญหาทุกเรื่อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่