เครดิตภาพจาก Facebook
10 วิธีบำบัดความเครียด เพื่อให้ชีวิตคุณ
กลับมากระปรี้กระเปร่ากันอีกครั้ง
1.ดนตรีคลายเครียด
นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ
แล้วฟังเพลงเบาๆ ทั้งเสียงของดนตรีบรรเลง
หรือเสียงธรรมชาติ เช่น คลื่น เสียงน้ำตก เสียงนกร้อง
2.พูดคุยคลายเครียด
แม้ว่าหัวใจสาวมั่นจะแข็งแกร่งเพียงใด
ก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ
ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคน
แล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้
อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ..
ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก
3.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
จะ ช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้มาก
เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายใหม่
ให้เราสดชื่น ผ่อนคลาย เอาเรื่องเครียดปัญหาต่างๆ
วางไว้นอกตัว ไม่เอามาคิดตอนนอน
4.เขียนไดอารี่
เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์
ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ
ให้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระ
และเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะ
การถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา
จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น
5.สร้างอารมณ์ขัน
เป็นการช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยว
ให้หัวเราะได้อีกครั้ง เนื่องจากการหัวเราะ
จะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมน
คอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล =
ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด)
แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ “อิมโมโนโกลบูลินเอ”
ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วย
6.สูดกลิ่นหอมบำบัด
กลิ่นหอมของดอกไม้มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัส
ให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี
7.พักผ่อนท่องเที่ยว
หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์
กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก
หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด
หลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาว
หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น
8.ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
เริ่มด้วยการนั่งหรือนอนในท่าสบายๆ
จากนั้นค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขึ้นมา
โดยอาจไล่จากปลายเท้า ข้อเท้า น่อง ต้นขา
ลำตัว แขน มือ นิ้ว ไหล่ คอ ศีรษะ และใบหน้า
เกร็งไว้สักอึดใจหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ผ่อนคลาย
ย้อนกลับไปโดยเริ่มจากใบหน้า จนถึงปลายเท้า
สามารถใช้การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ในยามที่รู้สึกตึงเครียด อึดอัด ไม่สบายใจ
หรือแม้แต่ยามที่คุณต้องการให้สมาธิกลับคืน
9.หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน
ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่น
เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น
หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจ
อันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้
และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก
10.การสัมผัส
หา ใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆ
เวลารู้สึกเหนื่อยล้า เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัส
จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ “อ๊อกซี่โทชิน”
ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด
ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นพ.ปราการ กล่าวเสริมว่า ...
การจัดการกับความเครียด สิ่งที่สำคัญที่สุด
คืออย่าคิดซ้ำ สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ให้มันผ่านไป
หาเพื่อนที่ดี หาที่ระบาย มองโลกในแง่บวก
คิดเสมอว่า ชีวิตยังต้องเดินต่อไป
และหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น การออกกำลังกาย
สวดมนต์ ฟังเพลง
หากรู้สึกว่าอัดอึดจนทนไม่ไหว ..
ให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือ โทรปรึกษาสายด่วน
ที่เบอร์ 1323 สายด่วนกรมสุขภาพจิต ตลอด 24 ชั่วโมง
“ความเครียด” หรือ “ความทุกข์” นั้น
เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
จะเป็นสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป
เกือบจะตลอดชีวิตของคนเรา
ฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องแบกรับความเครียดไว้ตลอดเวลา
ลองมองไปรอบตัว หรือหาอะไรใหม่ๆทำ
ที่จะช่วยให้ความเครียดนั้นจางหายไป
เพียงเท่านี้คุณก็จะดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
ได้อย่างมีความสุข และมีสุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วยค่ะ...
- เดลินิวส์ออนไลน์ -
#clubคนรักสุขภาพ💕
10 วิธีบำบัดความเครียด เพื่อให้ชีวิตคุณ กลับมากระปรี้กระเปร่ากันอีกครั้ง
กลับมากระปรี้กระเปร่ากันอีกครั้ง
1.ดนตรีคลายเครียด
นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ
แล้วฟังเพลงเบาๆ ทั้งเสียงของดนตรีบรรเลง
หรือเสียงธรรมชาติ เช่น คลื่น เสียงน้ำตก เสียงนกร้อง
2.พูดคุยคลายเครียด
แม้ว่าหัวใจสาวมั่นจะแข็งแกร่งเพียงใด
ก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ
ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคน
แล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้
อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ..
ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก
3.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
จะ ช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้มาก
เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายใหม่
ให้เราสดชื่น ผ่อนคลาย เอาเรื่องเครียดปัญหาต่างๆ
วางไว้นอกตัว ไม่เอามาคิดตอนนอน
4.เขียนไดอารี่
เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์
ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ
ให้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระ
และเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะ
การถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา
จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น
5.สร้างอารมณ์ขัน
เป็นการช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยว
ให้หัวเราะได้อีกครั้ง เนื่องจากการหัวเราะ
จะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมน
คอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล =
ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด)
แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ “อิมโมโนโกลบูลินเอ”
ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วย
6.สูดกลิ่นหอมบำบัด
กลิ่นหอมของดอกไม้มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัส
ให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี
7.พักผ่อนท่องเที่ยว
หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์
กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก
หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด
หลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาว
หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น
8.ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
เริ่มด้วยการนั่งหรือนอนในท่าสบายๆ
จากนั้นค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขึ้นมา
โดยอาจไล่จากปลายเท้า ข้อเท้า น่อง ต้นขา
ลำตัว แขน มือ นิ้ว ไหล่ คอ ศีรษะ และใบหน้า
เกร็งไว้สักอึดใจหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ผ่อนคลาย
ย้อนกลับไปโดยเริ่มจากใบหน้า จนถึงปลายเท้า
สามารถใช้การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ในยามที่รู้สึกตึงเครียด อึดอัด ไม่สบายใจ
หรือแม้แต่ยามที่คุณต้องการให้สมาธิกลับคืน
9.หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน
ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่น
เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น
หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจ
อันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้
และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก
10.การสัมผัส
หา ใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆ
เวลารู้สึกเหนื่อยล้า เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัส
จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ “อ๊อกซี่โทชิน”
ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด
ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นพ.ปราการ กล่าวเสริมว่า ...
การจัดการกับความเครียด สิ่งที่สำคัญที่สุด
คืออย่าคิดซ้ำ สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ให้มันผ่านไป
หาเพื่อนที่ดี หาที่ระบาย มองโลกในแง่บวก
คิดเสมอว่า ชีวิตยังต้องเดินต่อไป
และหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น การออกกำลังกาย
สวดมนต์ ฟังเพลง
หากรู้สึกว่าอัดอึดจนทนไม่ไหว ..
ให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือ โทรปรึกษาสายด่วน
ที่เบอร์ 1323 สายด่วนกรมสุขภาพจิต ตลอด 24 ชั่วโมง
“ความเครียด” หรือ “ความทุกข์” นั้น
เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
จะเป็นสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป
เกือบจะตลอดชีวิตของคนเรา
ฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องแบกรับความเครียดไว้ตลอดเวลา
ลองมองไปรอบตัว หรือหาอะไรใหม่ๆทำ
ที่จะช่วยให้ความเครียดนั้นจางหายไป
เพียงเท่านี้คุณก็จะดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
ได้อย่างมีความสุข และมีสุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วยค่ะ...
- เดลินิวส์ออนไลน์ -
#clubคนรักสุขภาพ💕