
.
ยองโฮ อาจไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องโชคชะตา ต่อเมื่อเขาเริ่มต้นเล่าเรื่อง เราจึงได้รู้ว่าเขาเฝ้ารอปาฏิหาริย์ตลอดมา แม้ทุกคนจะรู้ว่าปาฏิหาริย์มีจริงและเกิดขึ้นได้ แต่ทุกคนก็รู้อีกว่าปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ส่วนโชคชะตานั้น ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ต้องการ สิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ยังคงดำเนินต่อไป และยังจะเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่เร็วก็ช้า
.

.
ปี 2003 หนุ่มสาวทั้งหลายที่นั่งกันอยู่เต็มห้องในโรงเรียนกวดวิชาก็คงไม่ต่างกับยองโฮ พวกเขามารวมตัวกันที่นี่พร้อมกับความหวัง สิ่งที่แตกต่างจากคนเกือบทั้งห้องคือ นี่เป็นปีที่ 3 แล้วสำหรับยองโฮกับการพยายามจะสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในโซล นอกจากความมานะพยายามในการท่องตำรา แน่นอนว่าทุกคนหวังพึ่งปาฏิหาริย์ที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วย
.

.
ยองโฮเจอ
ซูจิน ที่โรงเรียนกวดวิชา เขาไม่เคยตามหาเธอ แต่เธอหาเขาพบทุกที่ นอกจากการพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ให้ได้ สองคนก็แทบจะไม่มีอะไรคล้ายกันเลย ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยผลักไสอีกคนออกไป และเป็นซูจินที่คอยหมุนอยู่รอบยองโฮเสมอ
.

.
วันหนึ่งขณะที่ยองโฮกำลังจ้องมองตำราคณิตศาสตร์ อะไรบางอย่างในตำราดึงยองโฮย้อนวันคืนกลับไปยังวัยประถม เพื่อพบกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ในวันกีฬาสีโรงเรียน เขาทำบางอย่างผิดพลาด เธอหยิบยื่นบางสิ่งให้ยองโฮ เป็นสิ่งที่จับต้องได้และสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ยองโฮรับไว้และเก็บถนอมมาจนถึงวันนี้ เขาไม่มีโอกาสได้คืนให้เธอ เพราะเธอย้ายโรงเรียนไปกะทันหัน ผ่านไปหลายปี ในวันที่ยองโฮรอปาฏิหาริย์ของการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก็ถึงเวลาที่เขาจะตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
.

.
ชื่อของเธอคือ
กงโซยอน . . . ด้วยความเป็นลูกคุณครูของเพื่อนเก่า ช่วยให้ยองโฮได้ที่อยู่ของโซยอนมา แล้วลงมือเขียนจดหมายถึงเธอทันที จดหมายฉบับน้อยลอยไกลไปถึงปูซาน
.

.
ณ ร้านหนังสือมือสองที่ช่วยกันดูแลกิจการโดยแม่และลูกสาวคนเล็ก
กงโซฮี ในขณะที่โซยอนลูกสาวคนโตนอนป่วยอยู่ในรพ.มานานนับปี เธอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย พูดไม่ได้แต่เธอยังสื่อสารได้
.

.
โซฮีที่สดใส อ่อนโยน ช่างคิด ทำหน้าที่สลับกับแม่ ทั้งที่ร้านและการดูแลโซยอนที่คล้ายจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แต่ความสดชื่นก็กลับคืนมาเมื่อจดหมายน้อยที่เดินทางจากโซลมาอยู่ในมือสองสาวพี่น้อง . . . โซยอนตอบจดหมายฉบับนั้นว่า . . . ขอโทษนะ แต่ฉันจำนายไม่ได้ . . .
.

.
อะไรบางอย่างทำให้โซฮีเปลี่ยนคำตอบ เธอเขียนจดหมายขึ้นมาใหม่ในนามของโซยอน มีกฎให้ยองโฮสองสามข้อ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการรอคอย
.


.
ในระหว่างการรอคอยนั้น ซูจินไม่เคยหายไปจากชีวิตยองโฮ เธอร่าเริง มั่นใจ เจิดจ้าและเปี่ยมด้วยความหวังเสมอ ถึงอย่างนั้นหากจะมองหากันจริงๆ ความเหงาอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงทั้งคู่เอาไว้
.

.
เมื่อข้อความในจดหมายเริ่มต้นเดินทาง มันไม่ใช่แค่ตัวหนังสือ แต่มันคือความคิด ความปรารถนาดี ความเบื่อหน่าย ความสนุก ความรื่นรมย์ ความฝัน การรอคอย
.

.
มันคือเรื่องราวชีวิตของคนคนหนึ่งที่แบ่งปันกับคนอีกคนหนึ่ง
.

.
แต่ละฤดูกาลที่ผันผ่าน โซฮีและยองโฮได้เรียนรู้กันและกัน ชีวิตดำเนินไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งอย่าง
.


.
โซยอนบอกโซฮีว่าเธออยากเจอเพื่อนคนนี้ และยองโฮกับความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขามีบางสิ่งที่อยากสารภาพกับโซยอน . . หรือว่าโซฮีกันแน่ล่ะ
.

.
เธอย้ำเตือนเขาไปถึงกฎสองสามข้อที่ตกลงกันไว้แต่แรก แต่สุดท้ายโซฮีในนามของโซยอนก็กำหนดนัดหมายให้กับยองโฮ
.

.
เป็นนัดหมายที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ต้องเป็นปาฏิหาริย์เท่านั้นถึงจะเกิดขึ้นได้
.

.
ความเป็นไปของชีวิต ในนามของคำว่า โชคชะตา ที่ครึ่งหนึ่งนั้นเราไม่สามารถกำหนดมันได้ ทำให้การเดินทางของจดหมายต้องสิ้นสุดลง
.

.
การรอคอยยังคงดำเนินต่อไป การรอคอยที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ปีแล้วปีเล่าแต่ไม่เคยหยุดพัก
.

.
ขณะที่คนคนหนึ่งรอคอยคนอีกคนหนึ่งที่อยู่ห่างไกลอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็ยังมีใครอีกคนที่ไม่เคยหมดหวังในการรอคอยคนที่ไม่ได้ห่างไกลกันเลยแต่ก็ไม่สามารถขยับเข้าไปใกล้กว่าที่เป็นอยู่
.

.
คังฮานึล เป็น
ยองโฮ ผู้ชายที่ยึดมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วจะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลงความเชื่อหรือความรู้สึกนั้นง่ายๆ
.

.
ชอนอูฮี เป็น
โซฮี ผู้หญิงอบอุ่น ที่ละเมียดละไมกับทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนในชีวิตของเธอ
.

.
อีซล เป็น
โซยอน ผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นที่รัก ราวกับปาฏิหาริย์
.

.
คังโซรา เป็น
ซูจิน ผู้หญิงเปี่ยมพลัง ที่เข้มแข็ง และอดทนอย่างน่าอัศจรรย์
.

.
การแสดงของพวกเขาทั้งสี่คือความรื่นรมย์ที่ฉันไม่อยากให้คนดูสักคนพลาดไป หนังรักละเมียดละไมที่ไม่มีแม้คำว่ารักให้ได้ยิน แต่ความรักล่องลอยอยู่ในทุกฉากทุกภาพ เพราะความรักนั่นล่ะที่ขับเคลื่อนตัวละครทั้งหมดในหนังเรื่องนี้
.

.
คังฮานึลเล่าไว้ในบทสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า เขาได้รับการเสนอบทหนังเรื่องนี้ตอนที่ยังรับใช้ชาติอยู่ในกองทัพ “
ตอนอ่านบทผมร้องไห้ครับ ผมรู้สึกอายเวลาร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น ผมเลยไปร้องตอนนอน”
.

.
ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายรอคอยใคร หรือใครที่รอคอยใครนานกว่ากัน เพราะว่าทุกคนมีความหวัง มีความฝัน และในเมื่อชีวิตก็ไม่เคยมีอะไรง่าย เพราะฉะนั้นก็จงทำในสิ่งที่ชอบที่รักเถอะ
.

.
นี่เป็นเรื่องของการรอคอย ที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเฝ้ารอปาฏิหาริย์ แต่ไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราไหม
.

.
ส่วนความเป็นไปของชีวิตในนามของคำว่า โชคชะตา นั้น เราย่อมกำหนดมันได้ด้วยตัวเราเองอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง . . .
.

.
ปาฏิหาริย์ของใครบางคนอาจจะผ่านไปแล้ว ปาฏิหาริย์ของอีกบางคนไม่เคยเกิดขึ้น
.

.
และไม่แน่ว่าเราอาจเป็นปาฏิหาริย์ของใครสักคน ไม่เร็วก็ช้า ไมว่าจะผ่านไปสักกี่ปี . . . Waiting For Rain คอยฝน คอยเธอ
.

.
.
.
ชมตัวอย่างที่นี่ค่ะ
.
.
.
.
[Waiting For Rain] คอยฝน คอยเธอ :!i:!i:!i!
.
ยองโฮ อาจไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องโชคชะตา ต่อเมื่อเขาเริ่มต้นเล่าเรื่อง เราจึงได้รู้ว่าเขาเฝ้ารอปาฏิหาริย์ตลอดมา แม้ทุกคนจะรู้ว่าปาฏิหาริย์มีจริงและเกิดขึ้นได้ แต่ทุกคนก็รู้อีกว่าปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ส่วนโชคชะตานั้น ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ต้องการ สิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ยังคงดำเนินต่อไป และยังจะเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่เร็วก็ช้า
.
.
ปี 2003 หนุ่มสาวทั้งหลายที่นั่งกันอยู่เต็มห้องในโรงเรียนกวดวิชาก็คงไม่ต่างกับยองโฮ พวกเขามารวมตัวกันที่นี่พร้อมกับความหวัง สิ่งที่แตกต่างจากคนเกือบทั้งห้องคือ นี่เป็นปีที่ 3 แล้วสำหรับยองโฮกับการพยายามจะสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในโซล นอกจากความมานะพยายามในการท่องตำรา แน่นอนว่าทุกคนหวังพึ่งปาฏิหาริย์ที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วย
.
.
ยองโฮเจอ ซูจิน ที่โรงเรียนกวดวิชา เขาไม่เคยตามหาเธอ แต่เธอหาเขาพบทุกที่ นอกจากการพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ให้ได้ สองคนก็แทบจะไม่มีอะไรคล้ายกันเลย ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยผลักไสอีกคนออกไป และเป็นซูจินที่คอยหมุนอยู่รอบยองโฮเสมอ
.
.
วันหนึ่งขณะที่ยองโฮกำลังจ้องมองตำราคณิตศาสตร์ อะไรบางอย่างในตำราดึงยองโฮย้อนวันคืนกลับไปยังวัยประถม เพื่อพบกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ในวันกีฬาสีโรงเรียน เขาทำบางอย่างผิดพลาด เธอหยิบยื่นบางสิ่งให้ยองโฮ เป็นสิ่งที่จับต้องได้และสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ยองโฮรับไว้และเก็บถนอมมาจนถึงวันนี้ เขาไม่มีโอกาสได้คืนให้เธอ เพราะเธอย้ายโรงเรียนไปกะทันหัน ผ่านไปหลายปี ในวันที่ยองโฮรอปาฏิหาริย์ของการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก็ถึงเวลาที่เขาจะตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
.
.
ชื่อของเธอคือ กงโซยอน . . . ด้วยความเป็นลูกคุณครูของเพื่อนเก่า ช่วยให้ยองโฮได้ที่อยู่ของโซยอนมา แล้วลงมือเขียนจดหมายถึงเธอทันที จดหมายฉบับน้อยลอยไกลไปถึงปูซาน
.
.
ณ ร้านหนังสือมือสองที่ช่วยกันดูแลกิจการโดยแม่และลูกสาวคนเล็ก กงโซฮี ในขณะที่โซยอนลูกสาวคนโตนอนป่วยอยู่ในรพ.มานานนับปี เธอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย พูดไม่ได้แต่เธอยังสื่อสารได้
.
.
โซฮีที่สดใส อ่อนโยน ช่างคิด ทำหน้าที่สลับกับแม่ ทั้งที่ร้านและการดูแลโซยอนที่คล้ายจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แต่ความสดชื่นก็กลับคืนมาเมื่อจดหมายน้อยที่เดินทางจากโซลมาอยู่ในมือสองสาวพี่น้อง . . . โซยอนตอบจดหมายฉบับนั้นว่า . . . ขอโทษนะ แต่ฉันจำนายไม่ได้ . . .
.
.
อะไรบางอย่างทำให้โซฮีเปลี่ยนคำตอบ เธอเขียนจดหมายขึ้นมาใหม่ในนามของโซยอน มีกฎให้ยองโฮสองสามข้อ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการรอคอย
.
.
ในระหว่างการรอคอยนั้น ซูจินไม่เคยหายไปจากชีวิตยองโฮ เธอร่าเริง มั่นใจ เจิดจ้าและเปี่ยมด้วยความหวังเสมอ ถึงอย่างนั้นหากจะมองหากันจริงๆ ความเหงาอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงทั้งคู่เอาไว้
.
.
เมื่อข้อความในจดหมายเริ่มต้นเดินทาง มันไม่ใช่แค่ตัวหนังสือ แต่มันคือความคิด ความปรารถนาดี ความเบื่อหน่าย ความสนุก ความรื่นรมย์ ความฝัน การรอคอย
.
.
มันคือเรื่องราวชีวิตของคนคนหนึ่งที่แบ่งปันกับคนอีกคนหนึ่ง
.
.
แต่ละฤดูกาลที่ผันผ่าน โซฮีและยองโฮได้เรียนรู้กันและกัน ชีวิตดำเนินไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งอย่าง
.
.
โซยอนบอกโซฮีว่าเธออยากเจอเพื่อนคนนี้ และยองโฮกับความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขามีบางสิ่งที่อยากสารภาพกับโซยอน . . หรือว่าโซฮีกันแน่ล่ะ
.
.
เธอย้ำเตือนเขาไปถึงกฎสองสามข้อที่ตกลงกันไว้แต่แรก แต่สุดท้ายโซฮีในนามของโซยอนก็กำหนดนัดหมายให้กับยองโฮ
.
.
เป็นนัดหมายที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ต้องเป็นปาฏิหาริย์เท่านั้นถึงจะเกิดขึ้นได้
.
.
ความเป็นไปของชีวิต ในนามของคำว่า โชคชะตา ที่ครึ่งหนึ่งนั้นเราไม่สามารถกำหนดมันได้ ทำให้การเดินทางของจดหมายต้องสิ้นสุดลง
.
.
การรอคอยยังคงดำเนินต่อไป การรอคอยที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ปีแล้วปีเล่าแต่ไม่เคยหยุดพัก
.
.
ขณะที่คนคนหนึ่งรอคอยคนอีกคนหนึ่งที่อยู่ห่างไกลอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็ยังมีใครอีกคนที่ไม่เคยหมดหวังในการรอคอยคนที่ไม่ได้ห่างไกลกันเลยแต่ก็ไม่สามารถขยับเข้าไปใกล้กว่าที่เป็นอยู่
.
.
คังฮานึล เป็น ยองโฮ ผู้ชายที่ยึดมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วจะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลงความเชื่อหรือความรู้สึกนั้นง่ายๆ
.
.
ชอนอูฮี เป็น โซฮี ผู้หญิงอบอุ่น ที่ละเมียดละไมกับทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนในชีวิตของเธอ
.
.
อีซล เป็น โซยอน ผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นที่รัก ราวกับปาฏิหาริย์
.
.
คังโซรา เป็น ซูจิน ผู้หญิงเปี่ยมพลัง ที่เข้มแข็ง และอดทนอย่างน่าอัศจรรย์
.
.
การแสดงของพวกเขาทั้งสี่คือความรื่นรมย์ที่ฉันไม่อยากให้คนดูสักคนพลาดไป หนังรักละเมียดละไมที่ไม่มีแม้คำว่ารักให้ได้ยิน แต่ความรักล่องลอยอยู่ในทุกฉากทุกภาพ เพราะความรักนั่นล่ะที่ขับเคลื่อนตัวละครทั้งหมดในหนังเรื่องนี้
.
.
คังฮานึลเล่าไว้ในบทสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า เขาได้รับการเสนอบทหนังเรื่องนี้ตอนที่ยังรับใช้ชาติอยู่ในกองทัพ “ตอนอ่านบทผมร้องไห้ครับ ผมรู้สึกอายเวลาร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น ผมเลยไปร้องตอนนอน”
.
.
ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายรอคอยใคร หรือใครที่รอคอยใครนานกว่ากัน เพราะว่าทุกคนมีความหวัง มีความฝัน และในเมื่อชีวิตก็ไม่เคยมีอะไรง่าย เพราะฉะนั้นก็จงทำในสิ่งที่ชอบที่รักเถอะ
.
.
นี่เป็นเรื่องของการรอคอย ที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเฝ้ารอปาฏิหาริย์ แต่ไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราไหม
.
.
ส่วนความเป็นไปของชีวิตในนามของคำว่า โชคชะตา นั้น เราย่อมกำหนดมันได้ด้วยตัวเราเองอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง . . .
.
.
ปาฏิหาริย์ของใครบางคนอาจจะผ่านไปแล้ว ปาฏิหาริย์ของอีกบางคนไม่เคยเกิดขึ้น
.
.
และไม่แน่ว่าเราอาจเป็นปาฏิหาริย์ของใครสักคน ไม่เร็วก็ช้า ไมว่าจะผ่านไปสักกี่ปี . . . Waiting For Rain คอยฝน คอยเธอ
.
.
.
.
ชมตัวอย่างที่นี่ค่ะ
.
.
.
.