ฝีคัณฑสูตร
อยากแชร์ประสบการณ์นี้เพราะมันหาข้อมูลจากผู้ป่วยจริงๆจากอินเตอร์เน็ตค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่จะมีแต่ข้อมูลทางวิชาการจากหมอซ่ะมากกว่า คนที่เป็นโรคนี้ก็จะกังวลมาก มันเป็นโรคเวรโรคกรรมครับเวลาปวดทรมานมาก
ทีนี้จะเล่าตั้งแต่เริ่มเลยว่า เริ่มมีอาการถ่ายหนักแล้วแล้วปวดตุ๊บๆที่รูทวาร แรกๆมันก็ปวดแป๊บเดียวแล้วก็หาย หลังๆมันปวดทั้งวันบางทีปวดข้ามวันข้ามคืน จนต้องกินยาแก้ปวด แล้วมันจะรุ้สึกคันยิบๆที่รุทวารแบบอยากเกามากๆ แล้วก็มีเมือกๆ เป็นแบบนี้มาประมาน1-2เดือน ทีแรกคิดว่าเป็นริดสีดวงเพราะอาการคล้ายกัน แต่ถามเพื่อนที่เป็นริดสีดวงเค้าบอกว่า มันไม่ปวดนานขนาดนี้ เลยเอะใจค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตโดยพิมพ์อาการที่เป็นเข้าไป มันขึ้น2โรค คือ ริดสีดวง และ ฝีคัณฑสูตร ริดสีดวงนี่ข้ามไปเลยเพราะรุ้อยู่แล้ว เลยมุ่งไปที่ข้อมูลเรื่องฝีคัณฑสูตร อ่านอาการที่เป็นมันใช่เลยเป๊ะ100% ทีนี้เริ่มมั่นใจแล้วว่าใช่แน่ ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคว่าใครเป็นบ้าง แล้วแต่ละคนรักษายังไง มันน่ากลัวมั๊ย ข้อมูลที่ได้คือ คนเป็นกันหลายคนอยู่นะเนี่ยะ ทั้งชาย-หญิง บางคนผ่า2รอบ บางคน5รอบ กว่าจะหาย นั่นนี่ เอาหละสิ…ต้องผ่าตัดเหรอว่ะ ไม่อยากผ่าเลยทำไงดี…เครียดมาก เลยหาข้อมูลการรักษาทางเลือก เจอการรักษาแบบใช้ยาสมุนไพร มีทั้งกิน และทา ราคาต่อชุดประมาน 3,000 บาท มีหลายนี่ห้อมาก แต่ละยี่ห้อก็เคลมว่า หายได้ไม่ต้องผ่า เอาหละสิทีนี้เริ่มมีความหวังของการไม่ผ่า แต่ก็ลังเลว่า ถ้าเรากินยาสมุนไพรก็ต้องจ่ายเงินเอง3,000บาท แล้วเรามีสิทธิ์ปกส.รักษาฟรี เอาไงดี ตังก็ไม่ค่อยมี….ผมนอนคิดทั้งคืนเลยตัดสินใจไปหาหมอก่อนดีกว่า ว่าเป็นฝีคัณฑสูตรจริงมั๊ย แล้วรักษายังไง ไม่ผ่าตัดได้มั๊ย…
วันรุ่งขึ้นไปหาหมอที่ รพ.ปทุมเวช ได้พบหมอธีรศักดิ์ จิรวงศ์บุญรอด ที่ไปที่รพ.นี้เพราะปกส.อยู่ที่นั่น ได้คิวตรวจก็เล่าอาการให้หมอฟัง ทีนี้กมอเค้าก็ขอดูตูดเรา โห…อายก็อาย ไม่ได้อายหมอนะครับ อายพยาบาล…เพราะหมอเป็นผช.แก่แล้ว แต่พยาบาลนี่สิวัยรุ่นๆอยู่เลย แต่ในตอนนั้นก็คิดว่า หมอและพยาบาลคงไม่ได้อยากจะดูหรอก วันๆเค้าดูมากี่คนแล้ว เลยทำตัวเป็นปรกติ หมอให้ขึ้นเตียงเลยครับนอนตะแคงในท่าชันเข่า เอาเข่าชิดหน้าอก แล้วถกกางเกงออกมา ทีนี้หมอก็มาแหกๆดูครับ เอานิ้วจิ้มๆ แล้วก็บอกว่า “อ่ะ…ใส่กางเกงได้” จากนั้นหมอก็ฟันธงเลย “ฝีคัณสูตร 100% ยังไงก็ต้องผ่า ไม่ผ่าไม่หายเอายาไปกินก็แค่หลอกตัวเองว่าหายเพราะมันช่วยทุเลา แต่ซักพักก็ปวดขึ้นมาอีก ผมเลยถามหมอว่า “ค่าผ่าตัดแพงมั๊ย ผมใช้ปกส.ได้มั๊ย” หมอบอก”ได้ ใช้ปกส.” เลยนัดผ่าวันอาทิตย์นั้นเลย ตอนนั้นไปหาหมอวันจันทร์ครับ ต่อมาวันพุธหมอก็นัดตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด มีเอ็กซ์เรย์ปอด + เจาะเบือดหาเชื้อHIV + ตรวจโควิท-19 เมื่อผลทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปรกติก็เตรียมตัวผ่าตัดวันอาทิตย์ได้เลย
….ก่อนวันผ่าตัดก็งดน้ำและอาหารตั้งแต่เที่ยงคืน หมอนัดมารพ. 08:00น. มาถึงก็วัดความดัน ชั่งน้ำหนักแล้วก็ไปจองห้องพัก ถ้าสิทธ์ปกส.จะได้ห้องรวมครับ ห้องคู่จ่ายเพิ่ม1,000บาท/คืน ห้องเดี่ยวจ่ายเพิ่ม2,200บาท/คืน ผมเลือกห้องรวมครับ ไม่ได้คิดไรมากเลย กลัวผี นอนหลายๆคนอบอุ่นดี แล้วอีกอย่างหมอเคยบอกไว้แล้วว่าแอดมิดคืนเดียว เลยไม่ได้ลำบากอะไรที่จะนอนห้องรวม เมื่อเลือกห้องเสร็จแล้วก็รอ รอและรอ จาก 08:00รอจนถึง 11:30 ถึงได้เข้ามาเจาะสายน้ำเกลือ แล้วก็นอนให้น้ำเกลือต่ออีก ถึงประมาณ12:30น. ห้องแอร์โคตรเย็น หละงจากนั้นพยาบาลก็เรียกให้ไปผ่าตัด มีรถวิลแชร์ให้นั่ง ครั้งแรกเลยครับที่ได้นั่ง ใจจริงอยากเดินไปมากกว่า ให้นั่งทำไมก็ไม่รุ้ เข็นผ่านคนไข้อายุรกรรม เค้าก็มองกัน อ๊ายอายทำตัวไม่ถูก ก้มหน้าอย่างเดียวเลย รุ้สึกห้องผ่าตัดจะอยู่ชั้น3 มั่งครับ เมื่อถึงห้องผ่าตัดเค้าก็ให้ไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุม เปลี่ยนทั้งมีสายน้ำเกลือนี่แหละครับ เสื้อคลุมจะคล้ายๆเสื้อคลุมอาบน้ำแหละครับ แต่ไม่มีเชือกผูกเอว ทำไงหละแก้ผ้าหมดแล้วเชือกผูกเอวไม่มี มันก็แหวกหมดสิเวลาปล่อยมือ เลยต้องใช้มือดึงๆไว้แทน ออกจากห้องมาก็ขึ้นเตียงครับพยาบาลเอาผ้าคลุมมาคลุมอีกทีเสีเขียวเข้มๆ มันก็โล่งๆดีนะครับไม่ใส่ไรเลยมีแต่เสื้อคลุม จากนั้นพยาบาลก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดเลยครับ ตื่นเต้นมากครั้งแรกของการผ่าตัด ครั้งแรกของการได้เยี่ยมชมสถานที่ผ่าตัดจริงๆ มันรุ้สึกตื่นเต้น กลัว และตื่นตาตื่นใจ ปนๆกัน มีผู้ช่วยหมอประมาน5คนได้ รวมกันทั้งชาย-หญิง และหมอ2คน เป็นอาจารย์หมอ1คน และนักศึกษา1คนเหมือนให้มาดูงาน ผมกำลังเหลือกตาดูนั่นนี่ไปทั่วอย่างเพลินๆพยาบาลก็ให้ลุกมานั่งที่เตียงจากที่ผมนอนอยู่และก้มลงให้มากที่สุด จากนั้นก็ฉีดยาบล็อคหลังให้ มือเบามาก ไม่รุ้สึกเลยว่าฉีดตอนไหน เพราะทีแรกกลัวเจ็บตอนฉีดบล็อคหลังนี่แหละครับ ทีนี้ฉีดปุ๊บยาทำงานไวมากท่อนล่างชาไปแล้ว หมอเลยช่วยกันพลิกตัวจากนอนหงายอีกเตียงไปนอนค่ำอีกเตียง ซึ่งเป็นเตียงผ่าตัด ลักษณะเตียงผ่าตัดจะเป็นคล้ายๆลูกคลื่น พอเรานอนคว่ำปุ๊บกลายเป็นเราทำท่าหมาทันที (พอนึกภาพตามออกมั๊ยครับ) จากนั้นหมอก็เริ่มผ่าตัด มันไม่รุ้สึกอะไรเลยครับ แต่ซักพักได้กลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนเนื้อไหม้หน่ะครับ ประมาน 10-15นาทีได้ หมอก็เอาชิ้นเนื้อมาให้ดูว่าเป็นขนาดเท่านี้ เป็นการใช้เลเซอร์คว้านฝีออกจนหมดครับ หมอบอกว่าอาจจะมีโอกาสกลับมาเป็นอีกถ้าไม่ดูแลตัวเอง แต่จะเป็นในตำแหน่งอื่นแทน การผ่าตัดดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก ก่อนผ่าตัดผมจินตนาการไปทั่วดูจากคลิปน่ากลัวมาก แต่เอาจริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลยด้วยนวัฒกรรมการแพทย์ที่ทำให้มันง่ายขึ้นด้วยมั้งครับ
…..จากนั้นพยาบาลก็เข็นผมลงมาห้องผู้ป่วยรวม ท่อนล่างผมยังคงไร้ความรุ้สึกดหมิอนเดิม หมอบอกว่าจะค่อยๆดีขึ้นไม่ต้องกังวล แล้วหมอก็ให้นอนราบกับไปกับเตียงประมาน12ชม. ผมผ่าตัดเสร็จบ่าย2 ก็ต้องนอนแบบนี้ถึงประมาน 2 ทุ่ม พยาบาลบอกว่าเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากการบล็อคหลัง ผมนี่นอนแข็งทื่อไม่กระดิกเลย กลัวเกิดอะไรขึ้น จากนั้นประมาน 4โมงเย็นผมเริ่มขยับขาได้ ประมาน 6โมงเย็นท่อนล่างที่ชาไม่รู้สึกก็กลับมาเป็นปรกติ ทีนี้ก็รอกินข้าวสิครับ ข้าวมาตั้งรอตั้งแต่ 5โมงเย็นแล้วแต่กินไม่ได้ ต้องรอถึง 2ทุ่ม พอถึงเวลา 2 ทุ่มก็ลุกกินข้าวได้ ไม่เจ็บแผลเลยครับ แต่ผมก็กลัวเนาะเลยค่อยๆลุกค่อยๆขยับหลังผ่าตัดก็ฉี่ได้ปรกตินะครับ แต่ยังไม่กล้าถ่ายหนัก มันไม่ปวดไปเอง สงสัยกลัวแผลเป็นอะไรมั้งครับร่างกายเลยตอบสนองแบบนี้ ปรกติถ่ายหนักทุกวันครับ ห้องรวมนี่ก็ครึกครื้นดีครับ กว่าจะเงียบสงบก็ประมาน23:00ได้มั้ง พยาบาลก็ปิดไฟเพดานเกือบหมด เหลือเพียงไม่กี่ดวง ผู้ป่วยจะได้ไม่แสบตา หลังจากปิดไฟพยาบาลก็ไม่เข้ามาอีกเลยจน ตี5 ของอีกวัน
……พอถึงเวลาตี5 เช้าวันใหม่ พยาบาลก็มาสะกิดว่า “วันนี้ต้องแช่ก้นนะค่ะ เด๋วจะมาเรียกอีกที สามารถอาบน้ำและขับถ่ายได้ตามปรกตินะค่ะ” ผ่านไป15นาที พยาบาลก็บอกว่า “เตรียมอ่างแช่ก้นให้แล้วนะค่ะอยู่ในห้องน้ำห้องสุดท้าย ให้นั่งแช่ 10-15นาที” ผมก็งงเนาะไม่เคยแช่ เปิดประตูห้องน้ำไปมันจะเป็นอ่างตื้นๆที่สวมไปกับชักโครกพอดีเลยครับ ในนั้นจะมีน้ำอยู่ เป็นน้ำปรกตินี่แหละครับไม่ใช่น้ำอุ่น ผมก็นั่งแช่มันก็สบายดีนะครับ พอดีกับก้นเราเลย ถ้าเป็นน้ำอุ่นคงดี พอแช่ก้นครบ 15นาที ผมก็อาบน้ำต่อ สบายตัวเลยครีบทีนี้ แค่ยังไม่กล้าเอาสบู่ไปถูตรงรูทวารหนักที่ผ่าฝีมานะครับ ยังกลัวๆอยู่ แค่เอาผ้าเช็ดๆให้แห้งสนิท ประมาน 07:00 อาหารก็มาส่ง เป็นโจ๊กหมู อาหารอ่อน จะได้อุจาระนิ่มๆ พอเที่ยงๆก็ออกจากรพ.ครับ ได้ยามากินฆ่าเชื้อ แล้วนัดดูแผลอีก5วัน ระหว่างนี้ก็ห้ามเดินนาน นั่งนาน เพราะมันจะเกิดการเสียดสีกับแผล แล้วก็หละงจากถ่ายหนักเสร็จก็ล้างน้ำเช็ดให้แห้งสนิท แล้วก็ให้แช่ก้นในน้ำอุ่นวันละ 2-3ครั้ง ๆละ10นาที ครับ
ปล. เผื่อใครอยากปรึกษา นพ.ธีรศักดิ์ จิรวงศ์บุญรอด จะเข้าเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ที่รพ.ปทุมเวช คุณหมอดีมากครับอธิบายชัดเจน ตรงๆ ไม่อ้อม มีไรถามเลย หมอค่อยข้างจะอธิบายเร็ว เป็นคนลักษณะทำงานไวอ่ะครับ
ฝีคัณฑสูตร
อยากแชร์ประสบการณ์นี้เพราะมันหาข้อมูลจากผู้ป่วยจริงๆจากอินเตอร์เน็ตค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่จะมีแต่ข้อมูลทางวิชาการจากหมอซ่ะมากกว่า คนที่เป็นโรคนี้ก็จะกังวลมาก มันเป็นโรคเวรโรคกรรมครับเวลาปวดทรมานมาก
ทีนี้จะเล่าตั้งแต่เริ่มเลยว่า เริ่มมีอาการถ่ายหนักแล้วแล้วปวดตุ๊บๆที่รูทวาร แรกๆมันก็ปวดแป๊บเดียวแล้วก็หาย หลังๆมันปวดทั้งวันบางทีปวดข้ามวันข้ามคืน จนต้องกินยาแก้ปวด แล้วมันจะรุ้สึกคันยิบๆที่รุทวารแบบอยากเกามากๆ แล้วก็มีเมือกๆ เป็นแบบนี้มาประมาน1-2เดือน ทีแรกคิดว่าเป็นริดสีดวงเพราะอาการคล้ายกัน แต่ถามเพื่อนที่เป็นริดสีดวงเค้าบอกว่า มันไม่ปวดนานขนาดนี้ เลยเอะใจค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตโดยพิมพ์อาการที่เป็นเข้าไป มันขึ้น2โรค คือ ริดสีดวง และ ฝีคัณฑสูตร ริดสีดวงนี่ข้ามไปเลยเพราะรุ้อยู่แล้ว เลยมุ่งไปที่ข้อมูลเรื่องฝีคัณฑสูตร อ่านอาการที่เป็นมันใช่เลยเป๊ะ100% ทีนี้เริ่มมั่นใจแล้วว่าใช่แน่ ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคว่าใครเป็นบ้าง แล้วแต่ละคนรักษายังไง มันน่ากลัวมั๊ย ข้อมูลที่ได้คือ คนเป็นกันหลายคนอยู่นะเนี่ยะ ทั้งชาย-หญิง บางคนผ่า2รอบ บางคน5รอบ กว่าจะหาย นั่นนี่ เอาหละสิ…ต้องผ่าตัดเหรอว่ะ ไม่อยากผ่าเลยทำไงดี…เครียดมาก เลยหาข้อมูลการรักษาทางเลือก เจอการรักษาแบบใช้ยาสมุนไพร มีทั้งกิน และทา ราคาต่อชุดประมาน 3,000 บาท มีหลายนี่ห้อมาก แต่ละยี่ห้อก็เคลมว่า หายได้ไม่ต้องผ่า เอาหละสิทีนี้เริ่มมีความหวังของการไม่ผ่า แต่ก็ลังเลว่า ถ้าเรากินยาสมุนไพรก็ต้องจ่ายเงินเอง3,000บาท แล้วเรามีสิทธิ์ปกส.รักษาฟรี เอาไงดี ตังก็ไม่ค่อยมี….ผมนอนคิดทั้งคืนเลยตัดสินใจไปหาหมอก่อนดีกว่า ว่าเป็นฝีคัณฑสูตรจริงมั๊ย แล้วรักษายังไง ไม่ผ่าตัดได้มั๊ย…
วันรุ่งขึ้นไปหาหมอที่ รพ.ปทุมเวช ได้พบหมอธีรศักดิ์ จิรวงศ์บุญรอด ที่ไปที่รพ.นี้เพราะปกส.อยู่ที่นั่น ได้คิวตรวจก็เล่าอาการให้หมอฟัง ทีนี้กมอเค้าก็ขอดูตูดเรา โห…อายก็อาย ไม่ได้อายหมอนะครับ อายพยาบาล…เพราะหมอเป็นผช.แก่แล้ว แต่พยาบาลนี่สิวัยรุ่นๆอยู่เลย แต่ในตอนนั้นก็คิดว่า หมอและพยาบาลคงไม่ได้อยากจะดูหรอก วันๆเค้าดูมากี่คนแล้ว เลยทำตัวเป็นปรกติ หมอให้ขึ้นเตียงเลยครับนอนตะแคงในท่าชันเข่า เอาเข่าชิดหน้าอก แล้วถกกางเกงออกมา ทีนี้หมอก็มาแหกๆดูครับ เอานิ้วจิ้มๆ แล้วก็บอกว่า “อ่ะ…ใส่กางเกงได้” จากนั้นหมอก็ฟันธงเลย “ฝีคัณสูตร 100% ยังไงก็ต้องผ่า ไม่ผ่าไม่หายเอายาไปกินก็แค่หลอกตัวเองว่าหายเพราะมันช่วยทุเลา แต่ซักพักก็ปวดขึ้นมาอีก ผมเลยถามหมอว่า “ค่าผ่าตัดแพงมั๊ย ผมใช้ปกส.ได้มั๊ย” หมอบอก”ได้ ใช้ปกส.” เลยนัดผ่าวันอาทิตย์นั้นเลย ตอนนั้นไปหาหมอวันจันทร์ครับ ต่อมาวันพุธหมอก็นัดตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด มีเอ็กซ์เรย์ปอด + เจาะเบือดหาเชื้อHIV + ตรวจโควิท-19 เมื่อผลทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปรกติก็เตรียมตัวผ่าตัดวันอาทิตย์ได้เลย
….ก่อนวันผ่าตัดก็งดน้ำและอาหารตั้งแต่เที่ยงคืน หมอนัดมารพ. 08:00น. มาถึงก็วัดความดัน ชั่งน้ำหนักแล้วก็ไปจองห้องพัก ถ้าสิทธ์ปกส.จะได้ห้องรวมครับ ห้องคู่จ่ายเพิ่ม1,000บาท/คืน ห้องเดี่ยวจ่ายเพิ่ม2,200บาท/คืน ผมเลือกห้องรวมครับ ไม่ได้คิดไรมากเลย กลัวผี นอนหลายๆคนอบอุ่นดี แล้วอีกอย่างหมอเคยบอกไว้แล้วว่าแอดมิดคืนเดียว เลยไม่ได้ลำบากอะไรที่จะนอนห้องรวม เมื่อเลือกห้องเสร็จแล้วก็รอ รอและรอ จาก 08:00รอจนถึง 11:30 ถึงได้เข้ามาเจาะสายน้ำเกลือ แล้วก็นอนให้น้ำเกลือต่ออีก ถึงประมาณ12:30น. ห้องแอร์โคตรเย็น หละงจากนั้นพยาบาลก็เรียกให้ไปผ่าตัด มีรถวิลแชร์ให้นั่ง ครั้งแรกเลยครับที่ได้นั่ง ใจจริงอยากเดินไปมากกว่า ให้นั่งทำไมก็ไม่รุ้ เข็นผ่านคนไข้อายุรกรรม เค้าก็มองกัน อ๊ายอายทำตัวไม่ถูก ก้มหน้าอย่างเดียวเลย รุ้สึกห้องผ่าตัดจะอยู่ชั้น3 มั่งครับ เมื่อถึงห้องผ่าตัดเค้าก็ให้ไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุม เปลี่ยนทั้งมีสายน้ำเกลือนี่แหละครับ เสื้อคลุมจะคล้ายๆเสื้อคลุมอาบน้ำแหละครับ แต่ไม่มีเชือกผูกเอว ทำไงหละแก้ผ้าหมดแล้วเชือกผูกเอวไม่มี มันก็แหวกหมดสิเวลาปล่อยมือ เลยต้องใช้มือดึงๆไว้แทน ออกจากห้องมาก็ขึ้นเตียงครับพยาบาลเอาผ้าคลุมมาคลุมอีกทีเสีเขียวเข้มๆ มันก็โล่งๆดีนะครับไม่ใส่ไรเลยมีแต่เสื้อคลุม จากนั้นพยาบาลก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดเลยครับ ตื่นเต้นมากครั้งแรกของการผ่าตัด ครั้งแรกของการได้เยี่ยมชมสถานที่ผ่าตัดจริงๆ มันรุ้สึกตื่นเต้น กลัว และตื่นตาตื่นใจ ปนๆกัน มีผู้ช่วยหมอประมาน5คนได้ รวมกันทั้งชาย-หญิง และหมอ2คน เป็นอาจารย์หมอ1คน และนักศึกษา1คนเหมือนให้มาดูงาน ผมกำลังเหลือกตาดูนั่นนี่ไปทั่วอย่างเพลินๆพยาบาลก็ให้ลุกมานั่งที่เตียงจากที่ผมนอนอยู่และก้มลงให้มากที่สุด จากนั้นก็ฉีดยาบล็อคหลังให้ มือเบามาก ไม่รุ้สึกเลยว่าฉีดตอนไหน เพราะทีแรกกลัวเจ็บตอนฉีดบล็อคหลังนี่แหละครับ ทีนี้ฉีดปุ๊บยาทำงานไวมากท่อนล่างชาไปแล้ว หมอเลยช่วยกันพลิกตัวจากนอนหงายอีกเตียงไปนอนค่ำอีกเตียง ซึ่งเป็นเตียงผ่าตัด ลักษณะเตียงผ่าตัดจะเป็นคล้ายๆลูกคลื่น พอเรานอนคว่ำปุ๊บกลายเป็นเราทำท่าหมาทันที (พอนึกภาพตามออกมั๊ยครับ) จากนั้นหมอก็เริ่มผ่าตัด มันไม่รุ้สึกอะไรเลยครับ แต่ซักพักได้กลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนเนื้อไหม้หน่ะครับ ประมาน 10-15นาทีได้ หมอก็เอาชิ้นเนื้อมาให้ดูว่าเป็นขนาดเท่านี้ เป็นการใช้เลเซอร์คว้านฝีออกจนหมดครับ หมอบอกว่าอาจจะมีโอกาสกลับมาเป็นอีกถ้าไม่ดูแลตัวเอง แต่จะเป็นในตำแหน่งอื่นแทน การผ่าตัดดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก ก่อนผ่าตัดผมจินตนาการไปทั่วดูจากคลิปน่ากลัวมาก แต่เอาจริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลยด้วยนวัฒกรรมการแพทย์ที่ทำให้มันง่ายขึ้นด้วยมั้งครับ
…..จากนั้นพยาบาลก็เข็นผมลงมาห้องผู้ป่วยรวม ท่อนล่างผมยังคงไร้ความรุ้สึกดหมิอนเดิม หมอบอกว่าจะค่อยๆดีขึ้นไม่ต้องกังวล แล้วหมอก็ให้นอนราบกับไปกับเตียงประมาน12ชม. ผมผ่าตัดเสร็จบ่าย2 ก็ต้องนอนแบบนี้ถึงประมาน 2 ทุ่ม พยาบาลบอกว่าเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากการบล็อคหลัง ผมนี่นอนแข็งทื่อไม่กระดิกเลย กลัวเกิดอะไรขึ้น จากนั้นประมาน 4โมงเย็นผมเริ่มขยับขาได้ ประมาน 6โมงเย็นท่อนล่างที่ชาไม่รู้สึกก็กลับมาเป็นปรกติ ทีนี้ก็รอกินข้าวสิครับ ข้าวมาตั้งรอตั้งแต่ 5โมงเย็นแล้วแต่กินไม่ได้ ต้องรอถึง 2ทุ่ม พอถึงเวลา 2 ทุ่มก็ลุกกินข้าวได้ ไม่เจ็บแผลเลยครับ แต่ผมก็กลัวเนาะเลยค่อยๆลุกค่อยๆขยับหลังผ่าตัดก็ฉี่ได้ปรกตินะครับ แต่ยังไม่กล้าถ่ายหนัก มันไม่ปวดไปเอง สงสัยกลัวแผลเป็นอะไรมั้งครับร่างกายเลยตอบสนองแบบนี้ ปรกติถ่ายหนักทุกวันครับ ห้องรวมนี่ก็ครึกครื้นดีครับ กว่าจะเงียบสงบก็ประมาน23:00ได้มั้ง พยาบาลก็ปิดไฟเพดานเกือบหมด เหลือเพียงไม่กี่ดวง ผู้ป่วยจะได้ไม่แสบตา หลังจากปิดไฟพยาบาลก็ไม่เข้ามาอีกเลยจน ตี5 ของอีกวัน
……พอถึงเวลาตี5 เช้าวันใหม่ พยาบาลก็มาสะกิดว่า “วันนี้ต้องแช่ก้นนะค่ะ เด๋วจะมาเรียกอีกที สามารถอาบน้ำและขับถ่ายได้ตามปรกตินะค่ะ” ผ่านไป15นาที พยาบาลก็บอกว่า “เตรียมอ่างแช่ก้นให้แล้วนะค่ะอยู่ในห้องน้ำห้องสุดท้าย ให้นั่งแช่ 10-15นาที” ผมก็งงเนาะไม่เคยแช่ เปิดประตูห้องน้ำไปมันจะเป็นอ่างตื้นๆที่สวมไปกับชักโครกพอดีเลยครับ ในนั้นจะมีน้ำอยู่ เป็นน้ำปรกตินี่แหละครับไม่ใช่น้ำอุ่น ผมก็นั่งแช่มันก็สบายดีนะครับ พอดีกับก้นเราเลย ถ้าเป็นน้ำอุ่นคงดี พอแช่ก้นครบ 15นาที ผมก็อาบน้ำต่อ สบายตัวเลยครีบทีนี้ แค่ยังไม่กล้าเอาสบู่ไปถูตรงรูทวารหนักที่ผ่าฝีมานะครับ ยังกลัวๆอยู่ แค่เอาผ้าเช็ดๆให้แห้งสนิท ประมาน 07:00 อาหารก็มาส่ง เป็นโจ๊กหมู อาหารอ่อน จะได้อุจาระนิ่มๆ พอเที่ยงๆก็ออกจากรพ.ครับ ได้ยามากินฆ่าเชื้อ แล้วนัดดูแผลอีก5วัน ระหว่างนี้ก็ห้ามเดินนาน นั่งนาน เพราะมันจะเกิดการเสียดสีกับแผล แล้วก็หละงจากถ่ายหนักเสร็จก็ล้างน้ำเช็ดให้แห้งสนิท แล้วก็ให้แช่ก้นในน้ำอุ่นวันละ 2-3ครั้ง ๆละ10นาที ครับ
ปล. เผื่อใครอยากปรึกษา นพ.ธีรศักดิ์ จิรวงศ์บุญรอด จะเข้าเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ที่รพ.ปทุมเวช คุณหมอดีมากครับอธิบายชัดเจน ตรงๆ ไม่อ้อม มีไรถามเลย หมอค่อยข้างจะอธิบายเร็ว เป็นคนลักษณะทำงานไวอ่ะครับ