ครั้งหนึ่ง จขกท. เคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศจีนไปแล้ว ก็มีหลายความเห็นและมุมมองก็หลากหลาย ซึ่ง จขกท. ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆความเห็นด้วยนะครับ
ครั้งนี้อยากสอบถามเรื่องนโยบายการเมืองภายในประเทศของจีนว่าจะพาจีนไปซ้ำรอยกับอดีตหรือไม่ โดยหลายท่านอาจทราบแล้วว่าช่วงหลังมานี้รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนรวบอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจกลับมาที่ส่วนกลางมากขึ้น จากเดิมที่ในช่วงปฏิรูปเศรษฐกิจได้กระจายอำนาจไปให้ท้องถิ่นต่างๆค่อนข้างมาก ทำให้แม้เศรษฐกิจจะเติบโตแต่ก็เป็นช่องทางทุจริตให้กับเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ พอประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นมามีอำนาจ นโยบายแรกๆของท่านคือการปราบคอร์รัปชัน ต่อมาก็ได้มีการรวบอำนาจทางการเมืองเข้าสู่ศูนย์กลางอีกครั้งดังที่กล่าวไป อีกทั้งได้มีการแก้ธรรมนูญพรรคคอมมิวนิสต์เพื่ออนุญาตให้ผู้นำอยู่ในอำนาจได้อย่างไม่จำกัดวาระ ทำให้ท่านอาจเป็นผู้นำจีนที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดนับแต่สมัยประธานเหมาเลยทีเดียว อีกทั้งแนวคิดสี จิ้นผิง ก็ยังได้รับการบรรจุลงในรัฐธรรมนูญ และเร็วๆนี้ก็มีข่าวว่าจะมีการบรรจุในตำราเรียนด้วย เลยสงสัยว่า แนวทางดังกล่าวที่ออกไปในทางเชิดชูผู้นำ นี่จะนำจีนไปสู่ยุคสมัยหนึ่งประมาณกลุ่มเรดการ์ดช่วงสมัยปฏิวัติวัฒธรรมหรือไม่ อีกทั้งการที่จีนค่อนข้างควบคุมอินเทอร์เน็ตสูงมาก การส่งเสริมแนวคิดของผู้นำและพรรคต่อสังคมจีนชนิดที่กระแสอื่นไม่มีทางมาแข่งขันได้ ชาวจีนยุคใหม่เองก็ค่อนข้างสนับสนุนรัฐบาลและผู้นำของตนมาก จากการที่จีนประสบความสำเร็จเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การควบคุมโรคระบาด และอื่นๆ การส่งเสริมแนวคิดชาตินิยมก็เลยยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก (เริ่มมาตั้งแต่ยุค 80 ช่วงที่จีนเปิดประเทศใหม่ๆ พรรคเริ่มชูชาตินิยมเพราะมองว่าแนวคิดมาร์กซ์ - เลนินเริ่มชูไม่ได้เพราะหันมาทางทุนนิยมแล้ว) ความนิยมสนับสนุนพรรคและผู้นำก็ยิ่งมาก (คหสต.บางทีก็อาจมากเกินไปจนทำให้หลายอย่างดูกดดัน อย่างที่มีข่าวว่าชาวจีนมองว่าถ้านักกีฬาไม่ได้เหรียญทองถือว่าไม่รักชาติ หรือบางทีก็มีการวิวาทะออนไลน์กับหลายประเทศรวมทั้งไทยที่เคยมีไป) นโยบายและแนวคิดต่างๆเหล่านี้จะนำพาจีนไปสู่เหตุการณ์แบบในอดีตได้หรือไม่
รบกวนช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ หากมีส่วนใดที่เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ
นโยบายการเมืองภายในประเทศของจีนจะนำพาจีนไปซ้ำรอยกับอดีตหรือไม่
ครั้งนี้อยากสอบถามเรื่องนโยบายการเมืองภายในประเทศของจีนว่าจะพาจีนไปซ้ำรอยกับอดีตหรือไม่ โดยหลายท่านอาจทราบแล้วว่าช่วงหลังมานี้รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนรวบอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจกลับมาที่ส่วนกลางมากขึ้น จากเดิมที่ในช่วงปฏิรูปเศรษฐกิจได้กระจายอำนาจไปให้ท้องถิ่นต่างๆค่อนข้างมาก ทำให้แม้เศรษฐกิจจะเติบโตแต่ก็เป็นช่องทางทุจริตให้กับเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ พอประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นมามีอำนาจ นโยบายแรกๆของท่านคือการปราบคอร์รัปชัน ต่อมาก็ได้มีการรวบอำนาจทางการเมืองเข้าสู่ศูนย์กลางอีกครั้งดังที่กล่าวไป อีกทั้งได้มีการแก้ธรรมนูญพรรคคอมมิวนิสต์เพื่ออนุญาตให้ผู้นำอยู่ในอำนาจได้อย่างไม่จำกัดวาระ ทำให้ท่านอาจเป็นผู้นำจีนที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดนับแต่สมัยประธานเหมาเลยทีเดียว อีกทั้งแนวคิดสี จิ้นผิง ก็ยังได้รับการบรรจุลงในรัฐธรรมนูญ และเร็วๆนี้ก็มีข่าวว่าจะมีการบรรจุในตำราเรียนด้วย เลยสงสัยว่า แนวทางดังกล่าวที่ออกไปในทางเชิดชูผู้นำ นี่จะนำจีนไปสู่ยุคสมัยหนึ่งประมาณกลุ่มเรดการ์ดช่วงสมัยปฏิวัติวัฒธรรมหรือไม่ อีกทั้งการที่จีนค่อนข้างควบคุมอินเทอร์เน็ตสูงมาก การส่งเสริมแนวคิดของผู้นำและพรรคต่อสังคมจีนชนิดที่กระแสอื่นไม่มีทางมาแข่งขันได้ ชาวจีนยุคใหม่เองก็ค่อนข้างสนับสนุนรัฐบาลและผู้นำของตนมาก จากการที่จีนประสบความสำเร็จเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การควบคุมโรคระบาด และอื่นๆ การส่งเสริมแนวคิดชาตินิยมก็เลยยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก (เริ่มมาตั้งแต่ยุค 80 ช่วงที่จีนเปิดประเทศใหม่ๆ พรรคเริ่มชูชาตินิยมเพราะมองว่าแนวคิดมาร์กซ์ - เลนินเริ่มชูไม่ได้เพราะหันมาทางทุนนิยมแล้ว) ความนิยมสนับสนุนพรรคและผู้นำก็ยิ่งมาก (คหสต.บางทีก็อาจมากเกินไปจนทำให้หลายอย่างดูกดดัน อย่างที่มีข่าวว่าชาวจีนมองว่าถ้านักกีฬาไม่ได้เหรียญทองถือว่าไม่รักชาติ หรือบางทีก็มีการวิวาทะออนไลน์กับหลายประเทศรวมทั้งไทยที่เคยมีไป) นโยบายและแนวคิดต่างๆเหล่านี้จะนำพาจีนไปสู่เหตุการณ์แบบในอดีตได้หรือไม่
รบกวนช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ หากมีส่วนใดที่เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ