สมติฐานที่ 1 worst case

สิ้นปี กำไรสะสมเฉพาะปีนี้แตะ 36000 ล้านบาท (22000+7000+7000)(รายได้อีก 2 ไตรมาสคิดรายได้ ไตรมาสละ 7000 ล้านบาท)
 จำนวนหุ้น ขอตี เป็นเลขกลมๆ ประมาณ 3000 ล้านหุ้น

ปันผลอีก  ตีว่าปันผล  อีก 1.25  *2 ไตรมาส รวม 2.5 บาท เท่ากับ  7500 ล้านบาท  
เงินเหลือ  28500 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย

สมมติปีหน้า รายได้ EPS ตกจาก 10 บาทในปีนี้เหลือ  1  บาท ต่อหุ้น  เท่ากับรายได้ราว 3,000 ล้าน
ปันผล ลดเหลือ   2 บาทต่อหุ้น   ครึ่งแรก 1 บาท  ครึ่งหลัง 1 บาท   เท่ากับปันผลไป 6000 ล้าน
ปลายปีที่แล้วจะมีเงินเหลือ  28500 + 3000  - 6000  เหลือ  25,500  ล้านบาท

หากปันผล ต่อไปในปีเหลือ ปีละ 1 บาท(ครึ่งแรก 0.5  คึ่งหลัง 0.5) และ รายได้ลดลงเหลือ  0.5 บาทต่อหุ้นต่อปี ราว 1500 ล้านบาทต่อปี
คิดปีที่  8   กำไรสะสมจะเหลือ  25,500- (3000*8)  + 1500*8 = 1500+12,000 = 13,500 ล้านบาท
นั่นคือ นับจากนี้ไป อีก 10 ปี

เลวร้ายสุด จะได้เงินปันผล  ปีนี้ อีก 2.5 +ปีหน้า 2 +ปีละ 1 บาทอีก 8 ปี = 12.5  บาท  และยังมีกำไรสะสมเหลือราว 13,500 ล้านบาท

หากราคา ปัจจุบันหุ้นอยุ่ที่ 36 บาท  เท่ากับ อีก 10 ปี ราคาหุ้นจะลงไปได้อีก 36-12.5 = 23.5  บาท 
และยังมีกำไรสะสมเหลือราว 13500 ล้านบาท
 (ถึงจะไม่ขาดทุนเป็นตัวเงินแต่จะขาดทุนดอกเบี้ยและโอกาสในการลงทุนไป 10 ปี )

หากคิดเอากำไรสะสมมาหาร จำนวนหุ้น เพิ่มจะได้อีก 4 บาท (12000 ล้าน)  นั่นคือราคาหุ้นจะลงไปได้อีก  23.5 - 4= 19.5 บาท
และมีกำไรสะสมเหลือ 1500 ล้าน

ภาพกำไรต่อหุ้นในอดีต credit jitta.com