ชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย
ผมได้คบแฟนไม่ได้จดทะเบียนจนวันหนึ่งเขาบอกอยากมีลูกและบังคับถ้าไม่มีตอนนี้จะไปมีตอนไหน เมื่อท้องอยู่ดีๆก็ชวนผมไปอำเภอและบอกให้ผมเซ็นทะเบียนสมรส
จากนั้นผ่านมาอีกสักระยะบอกว่าต้องการมีลูกอีกคน ก็มีตามปกติ แต่ตลอดเวลาที่คบกัน เขาจะไม่ยอมเปิดเสียงโทรศัพท์ จนจับได้ว่าแอบคุยกับคนอื่น และชวนผมหาเรื่องหย่าทุกเดือน และผู้ใหญ่ทางนั้นจะบอกให้ผมเงียบเสมอที่เกิดการโต้เถียงโดยผมไม่เคยได้ข้อสรุปทางออกของปัญหาที่คุย เพราะเขาจะบอกว่าไม่ต้องมาใช้เหตุผล และอีกข้ออ้างคือผมต้องให้เงินเดือนละ2หมื่นไม่งั้นก็หย่าแต่แรกๆผมปฏิเสธการหย่าและพอหาได้ก่อนช่วงโควิด และเพราะสงสารลูก ที่เขาไม่ค่อยสนใจดูแล จนสุดท้ายถามบ่อยๆเข้า ผมเลยยอมหย่าให้
หลังหย่า3วันผมพลาดไปเปิดโทรศัพท์ผมที่เขาเข้าเฟสไว้จึงทราบเรื่องที่เขายังแอบคุยกับชายหลายๆคนเช่นเดิม แต่ด้วยความต้องการให้เขาบอกเอง และผมสงสารลูกเขาก็ไม่บอกจนผมทนอึดอัดไม่ไหวจึงเรียกคุย เขาก็ปฏิเสธ จึงได้งัดหลักฐานมาให้ดู และผมก็พลาดไปมีอะไรกับเขาอีกทีเดียว จากนั้นเขาก็กลับมาหาผมบอกว่าท้อง คนที่ 3 ผมนึกว่าคงจะเปลี่ยนนิสัยได้ จึงพยายามทำให้ดีที่สุดซึ่งตลอดระยะเวลาลูกสามคนโตมาด้วยนมผงทั้งหมด ทั้งที่เขาเป็นครูเด็กเล็กแต่ไม่เคยดูแลลูกและงานบ้านงานเรือนใดๆ ผมทำเองหมด เพราะคิดว่าความดีจะซื้อใจได้
แต่สุดท้ายผมดันพลาดไปแอบเห็นข้อความเช่นเดิมที่เขายังคุยกับคนอื่นๆ นัดเจอ คุยทะลึ่ง หลากหลายอารมณ์ที่ปะเดปะดังเข้ามาในหัวผม
และจะบอกกับคนอื่นๆเสมอว่าผมมีคนอื่น ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ผมก็ทนเก็บต่อไป
และผมให้คนรอบข้างไปถามให้ก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรเสมอ จนผมทนไม่ไหวเลยงัดหลักฐานให้ดู จากนั้นเขาก็บอกว่าผมผิดและด่าผมอย่างรุนแรงสารพัด บอกว่าผมสันดานเสียบอกจะไม่ดูข้อมูลเขาก็ทำอีก และชาตินี้ไม่ต้องมาพบเจอกันอีก
ที่เคยให้ผมจดทะเบียนสมรสนี่ไม่ใช่เกิดจากความรักเหรอ ถึงถามหย่าได้ตลอดเวลา
หากไม่รักจะเก็บผมไว้ทำไมตั้งนาน จนลูกคนโต 5 ขวบคนกลาง 3ขวบครึ่ง คนเล็ก 8เดือน
จนเกิดคำถามชั่ววูบขึ้นมาในหัวว่าตลอดระยะเวลาใช่ลูกผมทั้งหมดหรือเปล่า แค่เฉพาะที่รับรู้บางทีก็เจ็บพอแล้ว หากไม่ใช่ก็ควรจะบอกยังไงผมก็รักอยู่ดี เพราะเลี้ยงมาเอง
เหมือนตอนนี้มันเคว้งที่เป้าหมายอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นมันหายไปทั้งที่มีลูกกันแล้วผมก็ไม่อยากให้ลูกกำพร้า ส่วนแม่ยายเขาก็ทราบเรื่องพอไปบอกก็จะโดนเขาด่าสวนกลับมา
ผมคงจนปัญญาที่อยากให้กลับมาเหมือนเดิมได้ หรือยังพอมีทาง
หรือควรตัดใจ หรือควรคิดยังไง หรือควรทำยังไงต่อไป
พยายามคิดตัดทุกข์ แต่เหมือนบางครั้งบางอารมณ์มันยังทำให้เราวนเวียน จนจะเป็นโรคประสาทครับ เลยอยากฟังหลายๆความคิดเห็นเผื่อมีคำดีๆที่ผมอาจหลงลืมไป นำมาใช้ยึดมั่นเพื่อให้ใจมันเข้มแข็ง ฮึดสู้อีกสักครั้ง
บางทีผมว่าชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย
ผมได้คบแฟนไม่ได้จดทะเบียนจนวันหนึ่งเขาบอกอยากมีลูกและบังคับถ้าไม่มีตอนนี้จะไปมีตอนไหน เมื่อท้องอยู่ดีๆก็ชวนผมไปอำเภอและบอกให้ผมเซ็นทะเบียนสมรส
จากนั้นผ่านมาอีกสักระยะบอกว่าต้องการมีลูกอีกคน ก็มีตามปกติ แต่ตลอดเวลาที่คบกัน เขาจะไม่ยอมเปิดเสียงโทรศัพท์ จนจับได้ว่าแอบคุยกับคนอื่น และชวนผมหาเรื่องหย่าทุกเดือน และผู้ใหญ่ทางนั้นจะบอกให้ผมเงียบเสมอที่เกิดการโต้เถียงโดยผมไม่เคยได้ข้อสรุปทางออกของปัญหาที่คุย เพราะเขาจะบอกว่าไม่ต้องมาใช้เหตุผล และอีกข้ออ้างคือผมต้องให้เงินเดือนละ2หมื่นไม่งั้นก็หย่าแต่แรกๆผมปฏิเสธการหย่าและพอหาได้ก่อนช่วงโควิด และเพราะสงสารลูก ที่เขาไม่ค่อยสนใจดูแล จนสุดท้ายถามบ่อยๆเข้า ผมเลยยอมหย่าให้
หลังหย่า3วันผมพลาดไปเปิดโทรศัพท์ผมที่เขาเข้าเฟสไว้จึงทราบเรื่องที่เขายังแอบคุยกับชายหลายๆคนเช่นเดิม แต่ด้วยความต้องการให้เขาบอกเอง และผมสงสารลูกเขาก็ไม่บอกจนผมทนอึดอัดไม่ไหวจึงเรียกคุย เขาก็ปฏิเสธ จึงได้งัดหลักฐานมาให้ดู และผมก็พลาดไปมีอะไรกับเขาอีกทีเดียว จากนั้นเขาก็กลับมาหาผมบอกว่าท้อง คนที่ 3 ผมนึกว่าคงจะเปลี่ยนนิสัยได้ จึงพยายามทำให้ดีที่สุดซึ่งตลอดระยะเวลาลูกสามคนโตมาด้วยนมผงทั้งหมด ทั้งที่เขาเป็นครูเด็กเล็กแต่ไม่เคยดูแลลูกและงานบ้านงานเรือนใดๆ ผมทำเองหมด เพราะคิดว่าความดีจะซื้อใจได้
แต่สุดท้ายผมดันพลาดไปแอบเห็นข้อความเช่นเดิมที่เขายังคุยกับคนอื่นๆ นัดเจอ คุยทะลึ่ง หลากหลายอารมณ์ที่ปะเดปะดังเข้ามาในหัวผม
และจะบอกกับคนอื่นๆเสมอว่าผมมีคนอื่น ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ผมก็ทนเก็บต่อไป
และผมให้คนรอบข้างไปถามให้ก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรเสมอ จนผมทนไม่ไหวเลยงัดหลักฐานให้ดู จากนั้นเขาก็บอกว่าผมผิดและด่าผมอย่างรุนแรงสารพัด บอกว่าผมสันดานเสียบอกจะไม่ดูข้อมูลเขาก็ทำอีก และชาตินี้ไม่ต้องมาพบเจอกันอีก
ที่เคยให้ผมจดทะเบียนสมรสนี่ไม่ใช่เกิดจากความรักเหรอ ถึงถามหย่าได้ตลอดเวลา
หากไม่รักจะเก็บผมไว้ทำไมตั้งนาน จนลูกคนโต 5 ขวบคนกลาง 3ขวบครึ่ง คนเล็ก 8เดือน
จนเกิดคำถามชั่ววูบขึ้นมาในหัวว่าตลอดระยะเวลาใช่ลูกผมทั้งหมดหรือเปล่า แค่เฉพาะที่รับรู้บางทีก็เจ็บพอแล้ว หากไม่ใช่ก็ควรจะบอกยังไงผมก็รักอยู่ดี เพราะเลี้ยงมาเอง
เหมือนตอนนี้มันเคว้งที่เป้าหมายอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นมันหายไปทั้งที่มีลูกกันแล้วผมก็ไม่อยากให้ลูกกำพร้า ส่วนแม่ยายเขาก็ทราบเรื่องพอไปบอกก็จะโดนเขาด่าสวนกลับมา
ผมคงจนปัญญาที่อยากให้กลับมาเหมือนเดิมได้ หรือยังพอมีทาง
หรือควรตัดใจ หรือควรคิดยังไง หรือควรทำยังไงต่อไป
พยายามคิดตัดทุกข์ แต่เหมือนบางครั้งบางอารมณ์มันยังทำให้เราวนเวียน จนจะเป็นโรคประสาทครับ เลยอยากฟังหลายๆความคิดเห็นเผื่อมีคำดีๆที่ผมอาจหลงลืมไป นำมาใช้ยึดมั่นเพื่อให้ใจมันเข้มแข็ง ฮึดสู้อีกสักครั้ง