ดูมันถอยหลังยังไงไม่รู้ แต่ก็ดีกว่าเอาโค้ชอู๊ดมา แต่ว่าจะประสานงากับโค้ชโชคหรือเปล่า ใหญ่ทั้งคู่
*************************************************************************
ตามที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีกำหนดส่งทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ณ ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคม 2564 นั้น เพื่อให้การเตรียมทีมดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย จึงแต่งตั้งให้ นายวรวุธ ศรีมะฆะ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และ นายโชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน
“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ U-23 เปิดเผยว่า “ทั้งโค้ชโย่ง และโค้ชโชค เป็นผู้มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ และต่างก็มีผลงานประจักษ์ในระดับนานาชาติมาแล้ว จึงมีความเหมาะสมที่เข้ามาทำงานนี้ ให้สำเร็จตามเป้าหมายของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และความคาดหวังของแฟนฟุตบอลชาวไทย”
ด้าน นายวรวุฒิ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า “การทำงานฟุตบอลทีมชาติถือเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของคนฟุตบอล แน่นอนว่าย่อมมีความกดดันเป็นธรรมดา เพราะเป้าหมายต้องเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของสาย หรืออันดับ 2 ที่ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อรับตำแหน่งแล้วต้องทำงานอย่างเต็มที่ โดยพร้อมเริ่มทำงานทันที ตั้งแต่การคัดตัวและการเก็บตัวของนักกีฬา”
ที่มา manager online
"โค้ชโย่ง" คุม ยู-23 "โค้ชโชค" นั่งแท่นผู้ช่วย สยบเกาหลา "มาดามแป้ง"
*************************************************************************
ตามที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีกำหนดส่งทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ณ ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคม 2564 นั้น เพื่อให้การเตรียมทีมดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย จึงแต่งตั้งให้ นายวรวุธ ศรีมะฆะ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และ นายโชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน
“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ U-23 เปิดเผยว่า “ทั้งโค้ชโย่ง และโค้ชโชค เป็นผู้มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ และต่างก็มีผลงานประจักษ์ในระดับนานาชาติมาแล้ว จึงมีความเหมาะสมที่เข้ามาทำงานนี้ ให้สำเร็จตามเป้าหมายของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และความคาดหวังของแฟนฟุตบอลชาวไทย”
ด้าน นายวรวุฒิ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า “การทำงานฟุตบอลทีมชาติถือเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของคนฟุตบอล แน่นอนว่าย่อมมีความกดดันเป็นธรรมดา เพราะเป้าหมายต้องเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของสาย หรืออันดับ 2 ที่ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อรับตำแหน่งแล้วต้องทำงานอย่างเต็มที่ โดยพร้อมเริ่มทำงานทันที ตั้งแต่การคัดตัวและการเก็บตัวของนักกีฬา”
ที่มา manager online