ทำไมช่วง ท้องอ่อนๆ ปวดท้องน้อย บ่อยจนกลายเป็นเรื่องกังวลสำหรับคุณแม่มือใหม่ ในช่วงแรกเริ่มของการตั้งครรภ์ประมาณ 4 สัปดาห์หรือ 1 เดือน คุณแม่บางท่านอาจเพิ่งทราบว่า ตั้งท้อง ซึ่งจะมีอาการปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อยคล้ายคนมีประจำเดือน ไม่ต้องตกใจค่ะ นั่นคือสัญญาณว่า ตัวอ่อนกำลังฝังตัวเองเข้าไปในผนังมดลูกเพื่อรอการเจริญเติบโตแล้ว
ท้องอ่อนๆ ปวดท้องน้อย บ่อยมาก ควรทำอย่างไร
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดท้องน้อย จะเกิดกับผู้หญิงตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก เช่น 1-3 เดือน ช่วงไตรมาสแรกนั่นเอง ซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่จะปวดมากหรือปวดน้อยขึ้นกับพฤติกรรมของคุณแม่ค่ะ บางคนยังไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จึงใช้ชีวิตประจำวันหนักๆ แบบที่เคยทำ เช่น เดินเร็ว ออกกำลังกายหนัก ชอบวิ่ง หรือเคลื่อนไหวเร็วๆ อย่างขึ้นลงบันได ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ปวดท้องมากขึ้น ไม่ว่าจะปวดบริเวณซ้ายหรือขวา คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จึงเป็นกังวล หลังจากทราบว่าตนเองตั้งครรภ์แล้ว จะเป็นอันตรายหรือไม่ เรามาดูกันว่า หากปวดบ่อยๆ จะทำอย่างไรได้บ้าง
- ก่อนอื่นเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ควรหยุดกิจกรรมหนักๆ ทุกอย่าง หากยังปวดท้องน้อยอยู่ ให้นั่งพัก หรือนอนสบายๆ จนรู้สึกร่างกายได้ผ่อนคลายมากขึ้น
- หากปวดท้องน้อยตอนกลางคืน แนะนำให้คุณแม่เปลี่ยนท่านอนจากที่เคยนอนหงาย มานอนตะแคง โดยหาหมอนข้าง ก่ายหมอนไว้ หรือเปลี่ยนจากที่เคยนอนตะแคง มานอนหงาย สบายๆ ดูค่ะ
- เวลาที่คุณแม่นั่งทำงาน หาหมอนขนาดเหมาะๆ สักใบหนุนหลังเอาไหว หรือเวลานั่งพักบนโซฟา ก็ให้เอาหมอนหนุนหลังล่างเอาไว้ค่ะ
- ก่อนนอน แนะนำให้คุณแม่แช่น้ำอุ่น ใส่น้ำมันหอมระเหยที่ชอบ จะช่วยผ่อนคลาย บรรเทาความเหนื่อยล้าทางร่างกาย
- แม้จะห้ามเดินไว ออกกำลังกายหนักๆ แต่คุณแม่สามารถออกกำลังกายเบาๆ ได้ และควรทำเป็นประจำ เพราะวิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องน้อยของแม่ท้องอ่อนๆ ได้ เช่น ลองการเดินเบา เล่นโยคะ ซึ่งอย่างหลังจะช่วยเรื่องการกำหนดลมหายใจด้วยค่ะ
- เวลานั่งว่างๆ ลองเอามือกดหน้าท้องเบาๆ คล้ายๆ การนวด และลูบให้รู้สึกอุ่นท้องคอยสังเกตอาการว่า ปวดมากแค่ไหน หากปวดติดต่อกันเป็นสัปดาห์จนทนไม่ไหว พร้อมกับมีเลือดออกทางช่องคลอด อาจเสี่ยงภาวะแท้งคุกคาม แนะนำให้คุณแม่ไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยอาการต่อไป
อาการปวดท้องน้อย เสี่ยงต่อภาวะใดบ้าง
ช่วงเวลาท้องอ่อนๆ ปวดท้องน้อย ดูเหมือนเป็นโรคปกติ แต่จริงๆ แล้ว คุณแม่อาจกำลังเสี่ยงอยู่กับโรคแทรกซ้อน หรือสัญญาณของภาวะอื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นได้ เช่น
1. คุณแม่ตั้งครรภ์อาจเกิดการติดเชื้อในร่างกาย
ทั้งนี้คุณแม่ที่มีอาการปวดท้องน้อย อาจมีสาเหตุมาจากเกิดติดเชื้อในกระเพาะอาหารโดยไม่รู้ตัว มาจากอาหารการกินหรือบาดแผลในลำไส้ ซึ่งในบางกรณี เป็นอาการปวดจากโรคไส้ติ่งอักเสบ หรือหากมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ร่วมด้วย ก็อาจมาจากสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษได้ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ใช่แพ้ท้องแล้วค่ะ ต้องรีบพบแพทย์ด่วน
2. เสี่ยงต่อภาวะตั้งท้องนอกมดลูก
เป็นภาวะที่ไม่อยากให้เกิดกับคุณแม่ท่านใดเลยค่ะ การตั้งครรภ์นอกมดลูกนั้น ทำร้ายจิตใจคุณแม่หลายท่านมานักต่อนัก มีสาเหตุมาจาก ความผิดปกติของตัวอ่อน ที่เข้าไปฝังตัวนอกโพรงมดลูก หรือบริเวณท่อนำไข่ ซึ่งการไปฝังตัวตรงนั้น ทารกหรือตัวอ่อนจะไม่สามารถเจริญเติบโตแล้วฝ่อไปในที่สุด นอกจากจะสูญเสียทารกไปแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อแม่ท้องอีกด้วย
3. ปวดท้องน้อย บ่อยๆ อาจเกิดภาวะแท้งคุกคาม
การแท้งบุตรอีกหนึ่งประเภทที่น่าเศร้าคือ ภาวะแท้งคุกคาม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ในช่วงไตรมาสแรก ยิ่งท้องอ่อน ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงแท้งคุกคามสูงในช่วง 3 เดือนแรก นอกจากนี้ ผู้หญิงที่มีสิทธิ์แท้งคุกคามถึง 15 % คือ คนที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป ส่วนผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นเสี่ยงแท้งคุกคามถึง 30% เรียกว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นตามลำดับ นอกจากอาการปวดท้องน้อยแล้ว ยังสามารถเกิดภาวะรกลอกตัวบนผนังมดลูกอีกด้วย
สาเหตุรกลอกตัวบนผนังมดลูกเกิดจาก
- ทารกน้อยมีการพัฒนาร่างกายอย่างผิดปกติ หมายถึงอวัยวะไม่สมบูรณ์นั่นเอง
- คุณแม่ตั้งครรภ์มีเนื้องอกในมดลูก
- ผู้หญิงที่มีพังผืดในมดลูกหนา บริเวณโพรงและปากมดลูกขณะตั้งครรภ์
- ผู้หญิงที่เคยผ่านการแท้งบ่อยๆ จนต้องทำการขูดมดลูกมาก่อน จนมดลูกบาง
- คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด เช่น เป็นโรคหัดเยอรมัน โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสต่างๆ
- คุณแม่เคยใช้ยาเสพติดประเภทรุนแรงมาก่อน เช่น โคเคน
- คุณแม่ที่ติดสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นควรเลิกเสียก่อนตั้งครรภ์
- ระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรงดการดื่มคาเฟอีน พยายามลดจนไม่ดื่มเลย
- คุณแม่สูบบุหรี่หรือรับสารนิโคตินจากคนรอบข้าง
- คุณแม่ที่มีความกังวลสูง มีภาวะของโรคซึมเศร้า และเครียดจนเกินไป
นอกจากนี้ภาวะแท้งลูก ไม่ว่าจะท้องนอกมดลูก หรือ แท้งคุกคามสามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อยๆ เนื่องจากร่างกายยังไม่แข็งแรงกับสภาพ -ใหม่ ดังนั้น ควรระวังเรื่องความกระทบกระเทือนต่างๆ ไม่ว่าจะการเดิน การขึ้นลงบันได อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุแท้งลูกได้ อีกทั้งเรื่องฮอร์โมนเพศก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพราะหากขาดแล้วจะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบอบบาง อ่อนแอ ส่งผลให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวและเจริญเติบโตได้
https://th.theasianparent.com/abdominal-pain-during-pregnancy
ท้องอ่อนๆ ปวดท้องน้อย ทำไมปวดมาก เสี่ยงแท้งหรือเปล่า?
ท้องอ่อนๆ ปวดท้องน้อย บ่อยมาก ควรทำอย่างไร
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดท้องน้อย จะเกิดกับผู้หญิงตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก เช่น 1-3 เดือน ช่วงไตรมาสแรกนั่นเอง ซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่จะปวดมากหรือปวดน้อยขึ้นกับพฤติกรรมของคุณแม่ค่ะ บางคนยังไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จึงใช้ชีวิตประจำวันหนักๆ แบบที่เคยทำ เช่น เดินเร็ว ออกกำลังกายหนัก ชอบวิ่ง หรือเคลื่อนไหวเร็วๆ อย่างขึ้นลงบันได ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ปวดท้องมากขึ้น ไม่ว่าจะปวดบริเวณซ้ายหรือขวา คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จึงเป็นกังวล หลังจากทราบว่าตนเองตั้งครรภ์แล้ว จะเป็นอันตรายหรือไม่ เรามาดูกันว่า หากปวดบ่อยๆ จะทำอย่างไรได้บ้าง
- ก่อนอื่นเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ควรหยุดกิจกรรมหนักๆ ทุกอย่าง หากยังปวดท้องน้อยอยู่ ให้นั่งพัก หรือนอนสบายๆ จนรู้สึกร่างกายได้ผ่อนคลายมากขึ้น
- หากปวดท้องน้อยตอนกลางคืน แนะนำให้คุณแม่เปลี่ยนท่านอนจากที่เคยนอนหงาย มานอนตะแคง โดยหาหมอนข้าง ก่ายหมอนไว้ หรือเปลี่ยนจากที่เคยนอนตะแคง มานอนหงาย สบายๆ ดูค่ะ
- เวลาที่คุณแม่นั่งทำงาน หาหมอนขนาดเหมาะๆ สักใบหนุนหลังเอาไหว หรือเวลานั่งพักบนโซฟา ก็ให้เอาหมอนหนุนหลังล่างเอาไว้ค่ะ
- ก่อนนอน แนะนำให้คุณแม่แช่น้ำอุ่น ใส่น้ำมันหอมระเหยที่ชอบ จะช่วยผ่อนคลาย บรรเทาความเหนื่อยล้าทางร่างกาย
- แม้จะห้ามเดินไว ออกกำลังกายหนักๆ แต่คุณแม่สามารถออกกำลังกายเบาๆ ได้ และควรทำเป็นประจำ เพราะวิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องน้อยของแม่ท้องอ่อนๆ ได้ เช่น ลองการเดินเบา เล่นโยคะ ซึ่งอย่างหลังจะช่วยเรื่องการกำหนดลมหายใจด้วยค่ะ
- เวลานั่งว่างๆ ลองเอามือกดหน้าท้องเบาๆ คล้ายๆ การนวด และลูบให้รู้สึกอุ่นท้องคอยสังเกตอาการว่า ปวดมากแค่ไหน หากปวดติดต่อกันเป็นสัปดาห์จนทนไม่ไหว พร้อมกับมีเลือดออกทางช่องคลอด อาจเสี่ยงภาวะแท้งคุกคาม แนะนำให้คุณแม่ไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยอาการต่อไป
อาการปวดท้องน้อย เสี่ยงต่อภาวะใดบ้าง
ช่วงเวลาท้องอ่อนๆ ปวดท้องน้อย ดูเหมือนเป็นโรคปกติ แต่จริงๆ แล้ว คุณแม่อาจกำลังเสี่ยงอยู่กับโรคแทรกซ้อน หรือสัญญาณของภาวะอื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นได้ เช่น
1. คุณแม่ตั้งครรภ์อาจเกิดการติดเชื้อในร่างกาย
ทั้งนี้คุณแม่ที่มีอาการปวดท้องน้อย อาจมีสาเหตุมาจากเกิดติดเชื้อในกระเพาะอาหารโดยไม่รู้ตัว มาจากอาหารการกินหรือบาดแผลในลำไส้ ซึ่งในบางกรณี เป็นอาการปวดจากโรคไส้ติ่งอักเสบ หรือหากมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ร่วมด้วย ก็อาจมาจากสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษได้ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ใช่แพ้ท้องแล้วค่ะ ต้องรีบพบแพทย์ด่วน
2. เสี่ยงต่อภาวะตั้งท้องนอกมดลูก
เป็นภาวะที่ไม่อยากให้เกิดกับคุณแม่ท่านใดเลยค่ะ การตั้งครรภ์นอกมดลูกนั้น ทำร้ายจิตใจคุณแม่หลายท่านมานักต่อนัก มีสาเหตุมาจาก ความผิดปกติของตัวอ่อน ที่เข้าไปฝังตัวนอกโพรงมดลูก หรือบริเวณท่อนำไข่ ซึ่งการไปฝังตัวตรงนั้น ทารกหรือตัวอ่อนจะไม่สามารถเจริญเติบโตแล้วฝ่อไปในที่สุด นอกจากจะสูญเสียทารกไปแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อแม่ท้องอีกด้วย
3. ปวดท้องน้อย บ่อยๆ อาจเกิดภาวะแท้งคุกคาม
การแท้งบุตรอีกหนึ่งประเภทที่น่าเศร้าคือ ภาวะแท้งคุกคาม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ในช่วงไตรมาสแรก ยิ่งท้องอ่อน ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงแท้งคุกคามสูงในช่วง 3 เดือนแรก นอกจากนี้ ผู้หญิงที่มีสิทธิ์แท้งคุกคามถึง 15 % คือ คนที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป ส่วนผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นเสี่ยงแท้งคุกคามถึง 30% เรียกว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นตามลำดับ นอกจากอาการปวดท้องน้อยแล้ว ยังสามารถเกิดภาวะรกลอกตัวบนผนังมดลูกอีกด้วย
สาเหตุรกลอกตัวบนผนังมดลูกเกิดจาก
- ทารกน้อยมีการพัฒนาร่างกายอย่างผิดปกติ หมายถึงอวัยวะไม่สมบูรณ์นั่นเอง
- คุณแม่ตั้งครรภ์มีเนื้องอกในมดลูก
- ผู้หญิงที่มีพังผืดในมดลูกหนา บริเวณโพรงและปากมดลูกขณะตั้งครรภ์
- ผู้หญิงที่เคยผ่านการแท้งบ่อยๆ จนต้องทำการขูดมดลูกมาก่อน จนมดลูกบาง
- คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด เช่น เป็นโรคหัดเยอรมัน โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสต่างๆ
- คุณแม่เคยใช้ยาเสพติดประเภทรุนแรงมาก่อน เช่น โคเคน
- คุณแม่ที่ติดสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นควรเลิกเสียก่อนตั้งครรภ์
- ระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรงดการดื่มคาเฟอีน พยายามลดจนไม่ดื่มเลย
- คุณแม่สูบบุหรี่หรือรับสารนิโคตินจากคนรอบข้าง
- คุณแม่ที่มีความกังวลสูง มีภาวะของโรคซึมเศร้า และเครียดจนเกินไป
นอกจากนี้ภาวะแท้งลูก ไม่ว่าจะท้องนอกมดลูก หรือ แท้งคุกคามสามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อยๆ เนื่องจากร่างกายยังไม่แข็งแรงกับสภาพ -ใหม่ ดังนั้น ควรระวังเรื่องความกระทบกระเทือนต่างๆ ไม่ว่าจะการเดิน การขึ้นลงบันได อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุแท้งลูกได้ อีกทั้งเรื่องฮอร์โมนเพศก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพราะหากขาดแล้วจะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบอบบาง อ่อนแอ ส่งผลให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวและเจริญเติบโตได้
https://th.theasianparent.com/abdominal-pain-during-pregnancy