สวัสดีค่า บิ๊ว x2Buildt เองนะคะ
วันนี้บิ๊วจะมารีวิว Electric Scooter หรือสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่บิ๊วกำลังทดลองใช้งานอยู่นะคะ เผื่อว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นทางเลือกให้กับเพื่อน ๆ ที่กำลังเล็ง ๆ หาอุปกรณ์หรือยานพาหนะคู่ใจอยู่นะคะ
เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดและบิ๊วได้ย้ายออกมาอยู่ที่คอนโดใกล้ ๆ ที่ทำงานที่อยู่ห่างจากคอนโดไม่เกิน 2 กิโลเมตร ซึ่งโดยปกติบิ๊วเดินทางไปทำงานด้วยการเรียก Grab Bike หรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์ค่ะ (หรือบางครั้งก็เดินออกกำลังกายไปในตัวค่ะ) พอคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้ว ตกเดือนนึงหลายพันบาทเหมือนกันค่ะ ตอนแรกที่บ้านบิ๊วเชียร์ให้ซื้อรถมอเตอร์ไซค์เลยค่ะ เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปทำงานและสะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวันหากต้องออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วย แต่พอลองคิดดูแล้ว บิ๊วเลยตัดสินใจซื้อสกูตเตอร์ไฟฟ้าด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้ค่ะ
1. ราคาถูกกว่าซื้ออมอเตอร์ไซค์ รวมถึงการดูรักษาก็ง่ายกว่าค่ะ
2. สะดวกต่อการใช้งาน ใช้งานได้ง่ายมาก
3. ประหยัดพื้นที่ ด้วยเนื้อที่คอนโด สกูตเตอร์ไฟฟ้าที่พับเก็บได้เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ หากมีรถมอเตอร์ไซค์ ไหนจะเรื่องที่จอดรถในคอนโดอีกด้วยค่ะ
4. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เนื่องจากสกูตเตอร์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าที่สามารถเสียบชาร์จได้ตามไฟบ้านปกติเลย ซึ่งประหยัดกว่าค่าน้ำมัน ค่าพี่วินค่ะ
5. คล่องตัวและรวดเร็ว สามารถหนีรถติดได้สบายเลยค่ะ แถมคอนโทรลเวลาได้เอง ไม่ต้องขึ้นอยู่กับพี่วินหรือรถติด หรือไม่มีวิน ไม่มี Grab bike ว่างในชั่วโมงเร่งด่วน
6. ชาร์จไฟง่าย ไม่วุ่นวายหาที่ชาร์จ EV Charger เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าหรือต้องหาที่เติมน้ำมันค่ะ
7. เอาไว้ขี่เล่นน่าจะสนุกดีค่ะ ได้ออกกำลังกายไปด้วยในตัว
ด้วยเหตุผลคร่าว ๆ ข้างต้นนี้ บิ๊วเลยเลือกเป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้าของยี่ห้อ EM ค่ะ เป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้ารุ่น EM1 ราคาปกติ 20,000 บาทแต่บิ๊วได้มาในราคา 16,900 บาทค่ะ
มาดูหน้าตาของสกูตเตอร์กันค่ะ
นอกจากนี้เขายังมีการรับประกันด้วยนะคะ
- รับประกันตัวถัง 5 ปี
- รับประกันมอเตอร์ 3 ปี
- รับประกันแบตเตอร์รี่ 1 ปี
- รับประกันคอนโทรลเลอร์ 1 ปี
แต่หากพบปัญหาใด ๆ หรือต้องการสอบถามข้อมูล สามารถติดต่อศูนย์ให้ความช่วยเหลือออนไลน์ของ EM BIKE
ได้ทาง Facebook: embikethailand , Line: @embike
ทีนี้เรามาดูหน้าตาและส่วนประกอบแต่ละอย่างของสกูตเตอร์กันค่ะ
อุปกรณ์ที่ให้มาก็จะมี คู่มือการใช้งาน, สายชาร์จ, สายสูบลมยาง, และไขควงจิ๋วค่ะ
หน้าตาส่วนแฮนด์สกูตเตอร์นะคะ แฮนด์เป็นยาง มีลายกันลื่น จับกระชับมือดีค่ะ
ฝั่งซ้ายจะมีเบรคมือ และกริ่งค่ะ กริ่งเสียงดังดีค่ะ และด้านหน้าจะมีไฟมาให้ด้วย ไฟสว่างใช้ได้เลย
ฝั่งขวามือจะเป็นคันเร่ง ปุ่มฟังก์ชั่น (ปุ่มบน) และปุ่ม power (ปุ่มล่าง)
ส่วนตรงกลางจะเป็นหน้าจอ LCD Display แสดงสถานะแบตเตอร์รี่ ความเร็วที่เราขับขี่ และบอกฟังก์ชั่นการใช้งานค่ะ
ใกล้ ๆ หน้าจอตรงนี้จะเป็นที่เก็บ/ถอดแบตเตอร์รี่นะคะ ในส่วนของแบตเตอร์รี่นั้น
สามารถชาร์จได้ทั้งสองแบบค่ะ คือแบบถอดแบตออกมาชาร์จ หรือเสียบชาร์จโดยตรงกับตัวสกูตเตอร์ได้เลยค่ะ
โดยวิธีการถอดแบตเตอร์รี่ออกมา เราจะต้องกดปุ่มแบบในภาพเลยค่ะ จากนั้นเปิดขึ้น
เมื่อเปิดขึ้นมาจะเจอกับฝาปิดแบตเตอร์รี่ค่ะ โดยเขาจะมีรูปแม่กุญแจและลูกศรบอกอยู่
ถ้าต้องการเปิดฝาให้กดลงไปแล้วบิดไปทางซ้ายค่ะ และหากต้องการปิดให้กดแล้วบิดไปทางขวาค่ะ
ซึ่งมันจะมีล็อกอยู่ค่ะ ถ้าทำถูกจะมีเสียงดังคลิ๊ก
จะเห็นเชือกสีฟ้า ๆ อยู่ค่ะ ให้ดึงออกมาได้เลย
แบตเตอร์รี่ยาวมากค่ะ 5555555 ยาวเท่าตัวสกูตเตอร์เลยค่ะ
ตรงด้านล่างของแบตเตอร์รี่จะมีช่องชาร์จค่ะ ให้ถอดจุกยางออกแล้วเสียบสายชาร์จได้เลยค่ะ
ส่วนอีกวิธีนึง ไม่ต้องถอดแบตเตอร์รี่ออกมาค่ะ เสียบชาร์จกับตัวเครื่องสกูตเตอร์ได้เลยค่ะ โดยจะมีจุกยางปิดอยู่ บริเวณใกล้ ๆ กับตัวล็อกค่ะ
เมื่อเสียบชาร์จแบตเตอร์รี่จะขึ้นไฟสีแดงค่ะ และเมื่อเต็มแล้วจะเปลี่ยนเป็นไฟสีเขียว
ใช้เวลาชาร์จประมาณ 2-3 ชั่วโมงในกรณีที่แบตหมดเลยนะคะ
ในส่วนของล้อหน้า ยางหนาแข็งแรงดีค่ะ มีแถบสะท้อนแสงด้วย
ที่ยืนมียางกันลื่นมาด้วยค่ะ บริเวณยืนกว้างดีเลย มีขาตั้งมาให้ด้วย
ล้อหลังจะมีจานเบรคอยู่ด้วยนะคะ และมีแถบเรืองแสงด้วย
ที่ทุกคนเห็นอันนี้จะเป็นบังโคลนที่สามารถเหยียบเพื่อเบรคได้นะคะ เวลาเบรคไฟด้านหลังจะกระพริบเป็นจังหวะค่ะ
(หากเปิดเครื่องแต่ไม่เบรคไฟจะติดตลอด)
และที่เห็นเป็นช่อง ๆ อยู่นั้นมีเพื่อเกี่ยวกับตะขอ hook ตรงส่วนบริเวณลำคอของสกูตเตอร์เพื่อพับเก็บนะคะ
วิธีการพับเก็บง่ายมาก ๆ ค่ะ เพียงแค่หมุนวงแหวนที่ล็อกไปทางซ้าย แล้วพับตัวล็อกลงมาตามรูปเลยค่ะ
สำหรับวิธีการใช้งานนะคะ
- เปิดเครื่องด้วยการกดค้างไว้ที่ปุ่ม power 2 วินาทีจนได้ยินเสียงสัญญาณ หน้าจอจะติดค่ะ
- หากต้องกดปิดเครื่องก็กดปุ่ม power ค้างไว้ 2 วินาทีเช่นเดียวกันค่ะ
บนหน้าจอจะแสดงเลขความเร็ว (กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และแถบด้านล่างจะเป็นแถบแสดงสถานะแบตเตอร์รี่ค่ะ
ในส่วนของปุ่มฟังก์ชั่นที่อยู่ด้านบนของปุ่มเปิดเครื่องสามารถใช้งานได้ 2 แบบค่ะ
1. กด 2 ครั้งเพื่อเปิดไฟหน้าและไฟท้าย
2. ปรับความเร็ว
โดยปกติแล้วความเร็วจะอยู่ที่ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากกดปุ่มฟังก์ชั่น 1 ครั้ง หน้าจอจะแสดงผลเป็นตัว D สีขาว ความเร็วสูงสุดจะเปลี่ยนเป็น 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และหากกดอีก 1 ครั้ง ตัว D จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ความเร็วสูงสุดจะกลายเป็น 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงค่ะ
ส่วนที่สามจะเป็นคันเร่งนะคะ อยู่ตรงนิ้วโป้ง ใช้สะดวกค่ะ
เมื่อออกตัวขี่บนสกูตเตอร์แล้วกดคันเร่งค้างไว้ ให้ความเร็วอยู่ที่ความเร็วสูงสุด (10/15/25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ประมาณ 10 วินาที
จะมีเสียงสัญญาณเตือนค่ะ ความเร็วจะคงอยู่ที่ความเร็วสูงสุดนั้น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งค้างไว้
แต่ถ้าหากเบรค จะต้องเริ่มไล่ความเร็วใหม่นะคะ
ทดลองขี่เล่นในคอนโดแล้วสนุกมากค่ะ 555555555 ดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้องเยอะเลย
โชคดีที่ฟุตบาธหน้าคอนโดบิ๊วค่อนข้างเป็นระเบียบดีค่ะ ถนนก็รถไม่ค่อยเยอะ
สามารถขี่ไปตลาด ซื้อของได้เลย สะดวกสบายมาก ๆ แถมยังสนุกด้วยค่ะ
อ้อ ข้อดีของสกูตเตอร์ไฟฟ้านี้คือกันน้ำด้วยนะคะ ระดับความสูงไม่เกิน 20 เซนติเมตร แบบว่าพื้นเปียก ๆ
สามารถขี่ได้ แต่ถ้าฝนตกหนักไม่แนะนำนะคะ
อันนี้บิ๊วให้ดูที่เก็บเวลาบิ๊วขี่มาทำงานนะคะ เก็บไว้หลังออฟฟิศได้เลยเพราะที่ใช้พื้นที่น้อยมาก
หรือสามารถเก็บไว้ใต้โต๊ะทำงานแบบนี้ได้เลย
พอขี่มาทำงาน พี่ที่ทำงานอยากซื้อมาไว้ขี่บ้างเลยค่ะ เลยไปป้ายยาเขาไว้เยอะเลย รอพี่เขาซื้อ แล้วจะชวนกันไปขี่เล่นกันค่ะ
[CR] [CR] Review: รีวิวสกูตเตอร์พับไฟฟ้า EM1 ใช้งานง่าย สะดวก คล่องตัว เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง อยู่คอนโด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้