ประสบการณ์หมอดุทุกคนเคยเจอไหมครับ

Part1 ครั้งแรกของการไปตรวจ
เรื่องเริ่มจากตรงเราไปโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ใน กทม. เรามีอาการแสบหน้าอกมานานเป็นปี ด้วยความที่เราเนี่ยไม่ค่อยไปโรงพยาบาล เราก็จะไม่เข้าใจระบบการรักษาในปัจจุบันว่าต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง จำได้ว่าสมัยในอดีตตอนเราอยู่ต่างจังหวัดและมีสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า เราก็สามารถไปรักษาได้ที่โรงพยาบาลเลย แต่ในปัจจุบันคือต้องไปคลีนิคก่อนแล้วค่อยให้คลีนิคส่งตัวเราไปโรงพยาบาลเราถึงจะมีสิทธิ์ใช้บริการที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายได้ ด้วยความที่เราไม่รู้ เราเป็นโรคนี้จนมันมีผลกระทบกับการใช้ชีวิตของเราเราก็เลยตัดสินใจ ไปโรงพยาบาลที่เราย้ายสิทธิ์การรักษามา เราก็ไปยื่นเข้าเป็นผู้ป่วยใหม่ แล้วจุดเช็คประวัติเขาก็บอกเราว่าถ้าไม่มีใบส่งตัว เราจะต้องจ่ายเองถ้าจะรักษาฟรีเราก็ต้องกลับไปขอใบส่งตัวคลีนิค  หรือถ้าจะได้รับสิทธิ์รักษาฟรีก็ต้องให้หมออนุมัติว่าเราเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน เราก็ยินยอมจ่ายเองเพราะ ถ้าให้ย้อนกลับไปขอใบส่งตัวที่คลีนิคมันไกลและไม่สะดวก ก็เลยรอตรวจ พอเข้าห้องตรวจ หมอก็ถามแหละว่าเป็นอะไรมา ด้วยอาการเราก็อธิบาย ว่าเรามีอาการแสบหน้าอก ตรงกลางลิ้นปี่ เป็นมานานประมาณเกือบสองปี เราก็รักษาอาการโดยการซื้อยามากินเองตามวินิจฉัยตามเภสัชเราเป้นกรดไหลย้อน เราก็อธิบายแล้วก็เอายาที่กินให้หมอดู สิ่งแรกที่หมอถามเราคือ
หมอ: เราวันนี้จะมาทำอะไร?  (น้ำเสียงแบบว่ารีบไปคนเยอะ)
เรา: จะมาตรวจว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ที่เป็นแล้วไม่หายสักที
หมอ: จะเอ็กเรย์ หรือส่องกล้อง
เรา: ถ้าเอ็กเรย์นี้ต้องเป้นเคสฉุกเฉินรักษาฟรีไหมครับ (ด้วยความที่เราไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากเสียเงิน)
หมอ: ไม่!!! ถ้าคุณอยากรักษาฟรี ไปเอาใบส่งตัวแต่นี้มาแต่นี้คุณไม่มี คุณเป็นมาสองปี นั้นวันนี้ก็ไม่ต้องรักษา (ช่วงจังหวะนี้เราก็สตั้นไปด้วยคำพูดหมอที่ออกแนวห้วน ๆ)  ห้วน, ห้วน ๆ -ว. สั้น ๆ, ไม่มีหางเสียง, เช่น พูดห้วน ๆ, มีลักษณะที่จบลงอย่างรวบรัด เช่น บทความเรื่องนี้จบลงอย่างห้วน ๆ.
เรา: อ่อ ครับ ในใจก็คิดแหละว่าถามเฉยๆ ไม่ได้ก็ไม่เป็น แล้วเราก็ตอบไปว่าเอ็กเรย์ก็ได้ครับ เพราะถ้าส่องกล้องจากที่เราศึกษาค่ารักษาอยู่ประมาณ 6000-8000 บาท ระหว่างนั้นเราก็ถามเกี่ยวค่ารักษาและเอ็กเรย์ พยาบาลพาเราไปจ่ายเงิน 800 บาทค่าเอ็กเรย์ ค่าวินิจฉัย และพาไปห้องเอ็กเรย์
แล้วเราก็กับมาฟังผลกับหมอ
หมอ: ปอดปกติ ไม่มีอะไร ถ้าอยากส่องกล้องไปขอใบส่งตัวมา 
เรา: เราก็ครับ แล้วยาาาาา (พูดยังไม่ทันจบ)
หมอ: ยาตัวเดิมที่คุณกิน วันนี้ผมไม่สั่งยาถ้าสั่งคุณต้องเสียเงิน ไม่ถ้าคุณอยากส่องกล้องคุณไปขอใบส่งตัวและขอยาที่คลีนิคจะได้ฟรี 
เรา: พูดได้แต่ครับ O_o!

หลังจากนั้นเราไปคลีนิคทำเรื่องส่งตัวและขอยามาทานเพิ่ม

Part2 ครั้งที่สองของการไปตรวจตามใบส่งตัว
เราก็เลือกวันไปเพื่อที่เราจะไปนัดหมายวันส่องกล้อง ก็ทำคล้ายเดิมแต่ที่เปลี่ยนไปคือเรามีใบส่งตัวจากคลีนิค ก็ทำประวัติ และรอเรียกตรวจ
จนถึงเวลาเข้าพบหมอ 
หมอ: อยากส่องกล้องหรอ 
เรา: อยากครับมันเป็นมานานแล้วอยากรู้ว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ไม่หายสักที
หมอ: โอเครคุณอยากทรมาน คุณรู้ไหมว่ามันเป็นยังไง (หื้มมีปลอบแบบนี้ด้วยหรอ)
เรา: รู้ครับ ด้วยน้ำเสียงมั่นใจที่พร้อมแล้ว รู้แล้ว ศึกษาวิธีการมาแล้ว
หมอ: อ๋อ นึกว่าถ้าคุณไม่รู้ลองไปเอาสายยางแหย่ไปในคอดู ว่ามันเป็นยังไงก็ยังงั้นแหละ
เรา:ครับ
หมอ: วันอังคาร ไปคุยกะเขาเอง (เราก็งงว่าคุยกะใคร?)
เรา: ใครครับ ได้นัดวันอังคารหรอครับ
หมอ: ใช่ หมอเฉพาะทาง เขาเข้าวันอังคาร
เรา: ครับ แล้วเราก็ถามหมอว่า นั้นวันนี้มขอยากลับไปทานด้วยนะครับ
หมอ: ไม่!!!!!!!!!! คุณกินยาไม่หายคุณจะกินทำไม(เราคิดในใจว่าเล่น ตรูอีกแล้ว สดุงเลยทีเดียว><)
เรา: ครับ
หลังจากนั้นคือเราก็ไปรับใบนัด และกลับห้องพัก

สิ่งที่เรามาพิมพ์คือเราแค่อยากรู้ว่าเพื่อนๆ ชาวพันทิพย์เคยมีประสบการณ์ แบบนี้ไหมครับ 
เราไม่ได้อยากจะบูลี่หมอนะครับ แค่อยากเล่าประสบการณ์ของคนไข้ ที่เราอยากไปรักษาและขอคำแนะนำจากหมอครับ ก็แค่อยากได้คำแนะนำที่ดีและก็วิธีการรักษาที่โอเคร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่