ประสบการณ์หลอน ณ โรงแรมที่จังหวัดยโสธร

สวัสดีค่ะ เราชื่อ กิ่ง นะคะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เราเขียนเรื่องแบบนี้ในพันทิปนะคะ

เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เจอกับตัวเองเมื่อ 3 ปีที่แล้วค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า กิ่งเป็นคนที่มีเซ้นส์ เรื่องนี้มานานแล้วค่ะ
แต่เซ้นส์จะไม่แรงมาก จะเห็นบ้างบางครั้ง ส่วนใหญ่จะรุ้สึกได้ถึงเขา
ถ้าเราไปตามสถานที่ต่างๆแล้วรู้สึกได้ว่ามีเขาอยู่ เราจะรู้ได้เลยทันทีค่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดยโสธร
ตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบ แล้วมีโอกาสได้ทำงานกับค่ายติวเตอร์ค่ายนึง
ซึ่งหน้าที่ของเราคือต้องออกเดินทางไปตามจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน
เพื่อทำการโปรโมทและประชาสัมพันธ์ค่ายนี้กับน้องๆที่โรงเรียนต่างๆ
ซึ่งครั้งนี้คือที่จังหวัดยโสธร เราได้ทำการจองโรงแรมผ่านแอพจองที่พักชื่อดัง ตัว A
เราดูในรีวิวก็ไม่ได้แย่ แล้วรูปโรงแรมในแอพก็ดูปกติเหมือน โรงแรมทั่วไป ค่ะ

โรงแรมที่เราดูเป็นโรงแรมใหญ่ทีเดียว
เราก็อะ โอเค ราคากับเงื่อนไขค่อนข้างตรงกับที่เราต้องการ
*ซึ่งต้องแจ้งก่อนค่ะว่า เราไปกัน 3 คน ญ 2 ช 1"
ทำให้เงื่อนในการเข้าพัก จะต้องสามารถเข้าพักได้ 3 คนใน ห้องเดียวกันค่ะ
สมาชิกที่ไป จะมีกิ่ง น้องเค พี่เอ น้องเคเป็นผู้หญิง เป็นรุ่นน้องกิ่ง แล้วก็เป็นรูมเมทกันอยู่แล้วด้วย
น้องเคเนี่ยเป็นไม่มีเซ้นส์เลย แต่พี่เอ ที่เป็นผู้ชาย เขาเซ้นส์แรงเลย เห็นเป็นตัวๆ คุยด้วยก็ได้

ตัดกลับมาที่โรงแรม เมื่อเราเดินทางไปถึงโรงแรม
สิ่งแรกที่เห็นเลยคือ ตึกสูงๆ ค่อนข้างเก่าทีเดียว
บรรยากาศมันอึมครึมมาก แต่ตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่มีอะไร
โรงแรมมันค่อนข้างเก่าแล้วก็น่าจะปกติที่จะดูอึมครึมๆ
เราก็ทำการเช็คอินตามปกติ ได้กุญแจห้องมา เตรียมตัวเข้าห้องพัก
ซึ่งตอนนั้นบรรยากาศตรงจุดนั้น ค่อนข้างครึกครื้น
เนื่องจากเหมือนจะมีงานสัมมนา มีคนเดินไปเดินมา เสียงดังพอสมควร
ทำให้ตอนนั้นทุกคนรู้สึกสบายใจว่ามีคนมาพักเยอะ ก็ดูปกติดี เหมือนโรงแรมทั่วๆไป

พอขึ้นมาห้องพัก (จำชั้นกับเลขห้องไม่ได้) ประตูลิฟต์เปิดออกมา
คือบรรยากาศคนละฟีลกับที่ชั้นแรกเลย คือพื้นปูด้วยพรม เพดานต่ำ
เห็นแล้วรู้เลยว่าโรงแรมค่อนข้างเก่ากว่าที่คิดไว้ แต่ก็ใจดีสู้เสือ ไม่คิดมาก
เดินไปที่ห้องพักของตัวเอง เมื่อเปิดเข้าไปที่ห้องพัก ก็เป็นแปลนห้องมาตราฐาน
เปิดประตูเข้าไปเจอ ห้องน้ำขวามือ ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า ถัดไปเป็นตู้เย็น
เคาร์เตอร์ที่มีทีวีตั้งอยู่ และ ข้างๆก็เป็นเหมือนโต๊ะเครื่องแป้ง มีกระจก กับเก้าอี้ให้
สุดห้องเป็น หน้าต่างที่เป็นกระจกใสแผ่นเดียวใหญ่ๆ ใหญ่เท่าขนาดของห้องเลย  พูดง่ายๆว่ากระจกแบบเต็มใบ
มีโซฟาเดี่ยว 2 ตัว ตั้งอยู่ติดกับกระจก
มองออกไปเป็นวิวแม่น้ำ ตอนนั้นวิวกำลังสวย เพราะช่วงเย็นพอดี

ส่วนเตียง เป็นเตียงคู่  เราก็แบ่งที่นอนกัน ผญ นอนด้วยกัน
พี่เอ ก็นอนอีกเตียงไป เหตุการณ์ก็ปกติดี ยังไม่มีอะไร
พอเราเก็บของเสร็จก็ออกไปหาข้าวเย็นกินกัน หลังจากกลับมาจากกินข้าว
ก็มืดแล้ว ไม่มีแสงอาทิตย์ มันทำให้บรรยากาศของโรงแรมดูวังเวงมาก
รวมถึงงานสัมมนาก็จบลงไปแล้ว แถบไม่มีคนเลย มันเงียบจนใจเราเริ่มหวั่น

เราหันไปมองหน้ากับพี่เอโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพราะว่าน้องเค จะกลัว เรา 3 คน ได้ทำข้อตกลงกันไว้ว่า เวลาเดินทางมานอนต่างที่ 
ถ้าทั้ง 2 คนเห็นหรือรู้สึกอะไรห้ามพูด เก็บไว้พูดทีเดียวตอนที่ออกจากที่พักหรือโรงแรมแล้ว
พอกลับเข้าห้องพักก็อาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน
เรากับน้องเค นอนเตียงติดกำแพงซึ่งหลังกำแพงคือห้องน้ำ พี่เอ นอนเตียงฝั่งหน้าต่าง

น้องเค อาบน้ำคนแรก หลังจากอาบเสร็จ เราก็เป็นคิวถัดไป วันนั้นเราอาบน้ำ และสระผมด้วย
พออาบเสร็จเราก็จะแต่งตัวในห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมา รวบผมไว้
ท่าของเราตอนนั้นคือ ก้มตัวมาด้านหน้า ก้มหัวลง ให้ผมมันมาด้านหน้า
(ตอนนั้นเรายืนอยู่หน้าห้องน้ำแล้ว)

จังหวะที่เรากำลังก้มหน้าอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมาดูว่ามีคนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้ากระจกไหม
เพราะเราจะได้ไปนั่งทาครีม ก็เห็นว่าน้องเค นั่งอยู่ ซึ่งตอนนั้นผมก็บังหน้าอยู่ เลยเห็นแบบไม่ค่อยชัด
พอเราก้มหน้าเอาผ้าเช็ดตัวรวบๆ ผมเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้น
สรุปว่า น้องเค นั่งอยู่ตรงโซฟาติดหน้าต่างอยู่
ตรงเก้าอี้หน้ากระจกไม่มีใครเลย นอนนั้นคือเริ่มเอ๊ะที่ 1
พี่เอ ก็นั่งอยู่โซฟาข้างๆกันกับน้องเค

เราเลยถามน้องเคว่า เอ้า ตะกี้ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้หรอ น้องก็บอกไม่นะ
เคนั่งตรงนี้สักพักละ นั่งคุยโทรศัพท์ อะ ตอนนั้นคือมองหน้ากับพี่เอเลย
น้องเคก็คุยโทรศัพท์ต่อ เราก็อะ โอเค สงสัยเราตาฝาดแหละ คงไม่มีอะไร
พี่เอก็ไปอาบน้ำเป็นคนถัดไป หลังจากนั้นก็คุยสรุปงาน บรีฟงานของวันพรุ่งนี้
ว่าจะทำอะไรกันบ้าง แล้วก้แยกย้ายกันไปนอน


**เดี๋ยวมาต่อด้านล่างนะคะ**
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่