สัตว์มีพิษที่มากับหน้าฝน และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
🌧️ ช่วงนี้ฝนตกต่อเนื่องกันหลายวันเลยนะครับ อากาศเลยเย็นสบายขึ้นมาหน่อย ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งในหน้าฝนแบบนี้ นอกจากจะต้องระวังโรคภัยต่างๆ ที่เป็นโรคประจำฤดูกาลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องระวังด้วยเช่นกันก็คือ
สัตว์มีพิษ
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกแบบนี้ ทำให้สัตว์มีพิษทั้งหลายมักจะมาอาศัยหลบฝนภายในบ้านหรือตามต้นไม้ในบ้านของเรา ซึ่งถ้าเราไม่ระมัดระวังและไปถูกสัตว์พวกนี้กัดเข้า ก็อาจเป็นอันตรายได้
พี่หมอเลยไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์มีพิษที่มากับหน้าฝน และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นถ้าเราโดนพิษของสัตว์แต่ละชนิดมาฝากครับ 👇
1. งู 🐍
งู เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วลำตัว งูมีความปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น
วิธีสังเกตว่างูที่กัดเรามีพิษหรือไม่ ให้สังเกตจากรอยกัด ถ้าเป็นงูที่ไม่มีพิษ รอยฟันบนผิวหนังจะเรียงเป็นแถว แต่ถ้าเป็นงูที่มีพิษ อาจพบหรือไม่พบรอยเขี้ยวก็ได้ หากพบรอยเขี้ยว จะมีลักษณะเป็นรอยเขี้ยว 2 จุดชัดเจน และมีเลือดซึมออกจากแผล รอบๆ รอยเขี้ยวมีสีคล้ำ หรืออาจพองเป็นถุงน้ำ ซึ่งอันตรายของพิษงูในประเทศไทยแบ่งเป็น 3 ระบบใหญ่ๆ ได้แก่
😰
พิษต่อระบบประสาท ทำให้มีอาการแขนไม่มีแรง กระวนกระวาย ลิ้นเกร็ง พูดไม่รู้เรื่อง ตามัว น้ำลายฟูมปาก หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้หยุดหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด
😰
พิษต่อระบบเลือด ทำให้มีอาการเลือดออกผิดปกติในร่างกาย เช่น เลือดกำเดาไหล ไอ อาเจียน ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
😰
พิษต่อระบบกล้ามเนื้อ ทำให้ปวดกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว ปัสสาวะออกน้อย และปัสสาวะมีสีเข้มถึงดำ
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกงูกัด
✅ ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ และพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด
✅ ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ใช้ผ้าสะอาดห้ามเลือดด้วยการกดลงบนแผลโดยตรง สามารถใช้แอลกอฮอล์หรือเบตาดีนทาแผลได้ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค
✅ ไม่แนะนำให้ขันชะเนาะ
✅ รับประทานยาแก้ปวด ถ้ารู้สึกปวด
✅ รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด พร้อมกับนำซากงูหรือถ่ายรูปงูมาด้วย เพื่อช่วยให้แพทย์หาเซรุ่มมาฉีดแก้พิษงูได้เร็วขึ้น
2. ตะขาบ
ตะขาบ เป็นสัตว์ขาข้อซึ่งพบได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้น ชอบอาศัยอยู่บนบก มีขนาดความยาวลำตัวตั้งแต่ 3-8 ซม. มีจำนวนปล้อง 15-100 ปล้อง แต่ละปล้องมีขา 1 คู่ ส่วนหัวแยกจากลำตัวชัดเจน มีหนวดขา 1 คู่ และมีเขี้ยวพิษ 1 คู่ ซึ่งดัดแปลงมาจากปล้องแรกของลำตัว
เมื่อถูกตะขาบกัดจะพบรอยเขี้ยว 2 รอย ลักษณะเป็นจุด มีเลือดออกตรงบริเวณที่ถูกกัด พิษของตะขาบมีสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบต่อร่างกาย ได้แก่ hydroxytryptamine หรือ cytolysin ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวมแดง ร้อน ชา บางคนอาจเกิดอาการอัมพาตตรงบริเวณที่ถูกกัด หรือเป็นแผลไหม้อยู่ประมาณ 2-3 วัน ในรายที่มีอาการแพ้รุนแรง อาจมีอาการอาเจียน หัวใจเต้นผิดจังหวะ มึนงง ปวดศีรษะ ซึ่งถ้าดูแลแผลไม่ดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกตะขาบกัด
✅ ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อลดอาการปวด หรือรับประทานพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด
✅ ห้ามเกา แกะ บริเวณที่ถูกกัด เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
✅ หากอาการปวดไม่ทุเลา หรือมีอาการแพ้มาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อ บางรายแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย
3. แมงป่อง 🦂
แมงป่อง สามารถพบได้ทั่วโลก ซึ่งบางชนิดก็มีพิษไม่รุนแรง แต่บางชนิดก็มีพิษรุนแรงมากและอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยลำตัวของแมงป่องจะประกอบไปด้วยส่วนหัวและอกรวมกัน ส่วนท้องเป็นปล้องๆ ส่วนปากมีลักษณะเป็นก้าม (คล้ายก้ามปู) เอาไว้สำหรับจับเหยื่อ ส่วนหางมี 5 ปล้อง ปล้องสุดท้ายจะมีอวัยวะสำหรับใช้ต่อยและมีต่อมพิษอยู่ที่ส่วนปลาย แมงป่องชอบที่เย็นและชื้น ดังนั้น ที่ๆ เรามักจะพบแมงป่องได้บ่อยๆ ในบ้านก็คือ ห้องน้ำ ห้องครัว ผนังห้อง ท่อแอร์
พิษของแมงป่องประกอบไปด้วยสาร phospholipase, acetylcholinesterase, hyaluronidase และ neurotoxin ซึ่งแมงป่องส่วนมากที่พบในประเทศไทยจะมีพิษน้อย โดยรอยแผลที่ถูกแมงป่องต่อยจะมีจุดสีแดง ซึ่งจะบวมและปวดมาก นอกจากนี้ พิษของแมงป่องยังอาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโตและเจ็บได้ โดยทั่วไปอาการของผู้ที่ถูกแมงป่องต่อยจะดีขึ้นภายใน 1 วัน แต่ในรายที่แพ้มากอาจมีอาการน้ำลายฟูมปาก กล้ามเนื้อกระตุก ตะคริว อาเจีบน ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตจากระบบหัวใจล้มเหลวได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกแมงป่องต่อย
✅ ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อลดอาการปวด หรือรับประทานพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด
✅ ห้ามเกา แกะ บริเวณที่ถูกต่อย เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
✅ หากอาการปวดไม่ทุเลา หรือมีอาการแพ้มาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อ บางรายแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย
4. ด้วงก้นกระดก
ด้วงก้นกระดกมีชื่อเรียกอื่นๆ อีก เช่น แมลงก้นกระดก ด้วงปีกสั้น ด้วงก้นงอน ด้วงกรด เมื่อโตเต็มที่จะมีสีดำสลับเข้ม ลำตัวยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร หัวสีดำ อกส่วนหน้าแบนยาว ส่วนท้องมี 6 ปล้อง 4 ปล้องแรกจะมีสีส้มอมน้ำตาล ส่วนที่เหลือจะมีสีดำ ขาทั้ง 3 คู่ มีสีน้ำตาลแดง ปีกแข็งด้านบนมีสีน้ำเงินเข้มและมีปีกอ่อนข้างใต้ บินได้เร็วและมีความว่องไว เวลาเดินจะยกปลายท้องตั้งขึ้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “ด้วงก้นกระดก”
ด้วงก้นกระดกมีสารพิษที่ชื่อว่า พีเดอริน (Pederin) มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน สามารถทำลายเซลล์เนื้อเยื่อผิวหนังได้ โดยตัวเมียจะมีปริมาณสารพิษมากกว่าตัวผู้
โดยอาการมักเกิดจากการสัมผัสกับสารพิษโดยตรง เช่น เผลอใช้มือปัดตัวแมลงที่มาเกาะตามร่างกาย หรือใช้นิ้วบี้เพื่อให้แมลงตาย ซึ่งอาการจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของสารพิษที่เราสัมผัสและปฏิกิริยาตอบสนองของแต่ละคน เพราะอาการจะไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่มักจะเกิดขึ้นหลังสัมผัสสารพิษแล้วประมาณ 12 ชม. โดยพิษจากด้วงก้นกระดก ทำให้เกิดอาการแสบร้อน ผื่นระคายเคือง คัน และอาจเป็นหนองได้
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากสงสัยว่าสัมผัสกับแมลงก้นกระดก
✅ ล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
✅ ประคบด้วยสำลีชุบน้ำเย็น หรือน้ำเกลือครั้งละ 5-10 นาที วันละ 3-4 ครั้ง
✅ อาการอักเสบจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยอาจมีรอยดำทิ้งไว้ที่ผิวได้ แต่ไม่เป็นแผลเป็น ยกเว้นในรายได้ที่ได้รับสารพิษในปริมาณมาก หรือมีอาการแพ้รุนแรง อาจมีไข้สูง และอาการทางระบบหายใจได้ แต่ถ้ามีอาการเจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อนจนทนไม่ไหว หรือโดนพิษบริเวณใบหน้า หรือดวงตา แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
อ่านที่พี่หมอเล่ามาจบแล้ว ก็อย่าลืมสำรวจรอบบ้านตัวเองดูนะครับว่ามีตรงไหนที่สัตว์มีพิษจะมาซ่อนตัวอยู่ได้บ้าง ถ้ามีต้นไม้ใหญ่ ก็ควรตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย พื้นหญ้าก็ดูแลอย่าให้รกจนเกินไป จะได้ไม่มีสัตว์ร้ายมาทำอันตรายคนในบ้านได้
แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ และสังเกตดูว่าตัวที่กัดหรือต่อยนั้นเป็นตัวอะไร จากนั้นก็รีบปฐมพยาบาลตามขั้นตอนที่พี่หมอแนะนำเอาไว้ให้เร็วที่สุด
ขอให้ทุกคนปลอดภัยทั้งจากสัตว์ร้ายและโรคร้ายนะครับ ❤️😷
สัตว์มีพิษที่มากับหน้าฝน และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
🌧️ ช่วงนี้ฝนตกต่อเนื่องกันหลายวันเลยนะครับ อากาศเลยเย็นสบายขึ้นมาหน่อย ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งในหน้าฝนแบบนี้ นอกจากจะต้องระวังโรคภัยต่างๆ ที่เป็นโรคประจำฤดูกาลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องระวังด้วยเช่นกันก็คือ สัตว์มีพิษ
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกแบบนี้ ทำให้สัตว์มีพิษทั้งหลายมักจะมาอาศัยหลบฝนภายในบ้านหรือตามต้นไม้ในบ้านของเรา ซึ่งถ้าเราไม่ระมัดระวังและไปถูกสัตว์พวกนี้กัดเข้า ก็อาจเป็นอันตรายได้
พี่หมอเลยไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์มีพิษที่มากับหน้าฝน และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นถ้าเราโดนพิษของสัตว์แต่ละชนิดมาฝากครับ 👇
1. งู 🐍
งู เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วลำตัว งูมีความปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น
วิธีสังเกตว่างูที่กัดเรามีพิษหรือไม่ ให้สังเกตจากรอยกัด ถ้าเป็นงูที่ไม่มีพิษ รอยฟันบนผิวหนังจะเรียงเป็นแถว แต่ถ้าเป็นงูที่มีพิษ อาจพบหรือไม่พบรอยเขี้ยวก็ได้ หากพบรอยเขี้ยว จะมีลักษณะเป็นรอยเขี้ยว 2 จุดชัดเจน และมีเลือดซึมออกจากแผล รอบๆ รอยเขี้ยวมีสีคล้ำ หรืออาจพองเป็นถุงน้ำ ซึ่งอันตรายของพิษงูในประเทศไทยแบ่งเป็น 3 ระบบใหญ่ๆ ได้แก่
😰 พิษต่อระบบประสาท ทำให้มีอาการแขนไม่มีแรง กระวนกระวาย ลิ้นเกร็ง พูดไม่รู้เรื่อง ตามัว น้ำลายฟูมปาก หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้หยุดหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด
😰 พิษต่อระบบเลือด ทำให้มีอาการเลือดออกผิดปกติในร่างกาย เช่น เลือดกำเดาไหล ไอ อาเจียน ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
😰 พิษต่อระบบกล้ามเนื้อ ทำให้ปวดกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว ปัสสาวะออกน้อย และปัสสาวะมีสีเข้มถึงดำ
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกงูกัด
✅ ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ และพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด
✅ ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ใช้ผ้าสะอาดห้ามเลือดด้วยการกดลงบนแผลโดยตรง สามารถใช้แอลกอฮอล์หรือเบตาดีนทาแผลได้ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค
✅ ไม่แนะนำให้ขันชะเนาะ
✅ รับประทานยาแก้ปวด ถ้ารู้สึกปวด
✅ รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด พร้อมกับนำซากงูหรือถ่ายรูปงูมาด้วย เพื่อช่วยให้แพทย์หาเซรุ่มมาฉีดแก้พิษงูได้เร็วขึ้น
2. ตะขาบ
ตะขาบ เป็นสัตว์ขาข้อซึ่งพบได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้น ชอบอาศัยอยู่บนบก มีขนาดความยาวลำตัวตั้งแต่ 3-8 ซม. มีจำนวนปล้อง 15-100 ปล้อง แต่ละปล้องมีขา 1 คู่ ส่วนหัวแยกจากลำตัวชัดเจน มีหนวดขา 1 คู่ และมีเขี้ยวพิษ 1 คู่ ซึ่งดัดแปลงมาจากปล้องแรกของลำตัว
เมื่อถูกตะขาบกัดจะพบรอยเขี้ยว 2 รอย ลักษณะเป็นจุด มีเลือดออกตรงบริเวณที่ถูกกัด พิษของตะขาบมีสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบต่อร่างกาย ได้แก่ hydroxytryptamine หรือ cytolysin ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวมแดง ร้อน ชา บางคนอาจเกิดอาการอัมพาตตรงบริเวณที่ถูกกัด หรือเป็นแผลไหม้อยู่ประมาณ 2-3 วัน ในรายที่มีอาการแพ้รุนแรง อาจมีอาการอาเจียน หัวใจเต้นผิดจังหวะ มึนงง ปวดศีรษะ ซึ่งถ้าดูแลแผลไม่ดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกตะขาบกัด
✅ ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อลดอาการปวด หรือรับประทานพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด
✅ ห้ามเกา แกะ บริเวณที่ถูกกัด เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
✅ หากอาการปวดไม่ทุเลา หรือมีอาการแพ้มาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อ บางรายแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย
3. แมงป่อง 🦂
แมงป่อง สามารถพบได้ทั่วโลก ซึ่งบางชนิดก็มีพิษไม่รุนแรง แต่บางชนิดก็มีพิษรุนแรงมากและอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยลำตัวของแมงป่องจะประกอบไปด้วยส่วนหัวและอกรวมกัน ส่วนท้องเป็นปล้องๆ ส่วนปากมีลักษณะเป็นก้าม (คล้ายก้ามปู) เอาไว้สำหรับจับเหยื่อ ส่วนหางมี 5 ปล้อง ปล้องสุดท้ายจะมีอวัยวะสำหรับใช้ต่อยและมีต่อมพิษอยู่ที่ส่วนปลาย แมงป่องชอบที่เย็นและชื้น ดังนั้น ที่ๆ เรามักจะพบแมงป่องได้บ่อยๆ ในบ้านก็คือ ห้องน้ำ ห้องครัว ผนังห้อง ท่อแอร์
พิษของแมงป่องประกอบไปด้วยสาร phospholipase, acetylcholinesterase, hyaluronidase และ neurotoxin ซึ่งแมงป่องส่วนมากที่พบในประเทศไทยจะมีพิษน้อย โดยรอยแผลที่ถูกแมงป่องต่อยจะมีจุดสีแดง ซึ่งจะบวมและปวดมาก นอกจากนี้ พิษของแมงป่องยังอาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโตและเจ็บได้ โดยทั่วไปอาการของผู้ที่ถูกแมงป่องต่อยจะดีขึ้นภายใน 1 วัน แต่ในรายที่แพ้มากอาจมีอาการน้ำลายฟูมปาก กล้ามเนื้อกระตุก ตะคริว อาเจีบน ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตจากระบบหัวใจล้มเหลวได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกแมงป่องต่อย
✅ ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อลดอาการปวด หรือรับประทานพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด
✅ ห้ามเกา แกะ บริเวณที่ถูกต่อย เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
✅ หากอาการปวดไม่ทุเลา หรือมีอาการแพ้มาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อ บางรายแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย
4. ด้วงก้นกระดก
ด้วงก้นกระดกมีชื่อเรียกอื่นๆ อีก เช่น แมลงก้นกระดก ด้วงปีกสั้น ด้วงก้นงอน ด้วงกรด เมื่อโตเต็มที่จะมีสีดำสลับเข้ม ลำตัวยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร หัวสีดำ อกส่วนหน้าแบนยาว ส่วนท้องมี 6 ปล้อง 4 ปล้องแรกจะมีสีส้มอมน้ำตาล ส่วนที่เหลือจะมีสีดำ ขาทั้ง 3 คู่ มีสีน้ำตาลแดง ปีกแข็งด้านบนมีสีน้ำเงินเข้มและมีปีกอ่อนข้างใต้ บินได้เร็วและมีความว่องไว เวลาเดินจะยกปลายท้องตั้งขึ้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “ด้วงก้นกระดก”
ด้วงก้นกระดกมีสารพิษที่ชื่อว่า พีเดอริน (Pederin) มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน สามารถทำลายเซลล์เนื้อเยื่อผิวหนังได้ โดยตัวเมียจะมีปริมาณสารพิษมากกว่าตัวผู้
โดยอาการมักเกิดจากการสัมผัสกับสารพิษโดยตรง เช่น เผลอใช้มือปัดตัวแมลงที่มาเกาะตามร่างกาย หรือใช้นิ้วบี้เพื่อให้แมลงตาย ซึ่งอาการจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของสารพิษที่เราสัมผัสและปฏิกิริยาตอบสนองของแต่ละคน เพราะอาการจะไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่มักจะเกิดขึ้นหลังสัมผัสสารพิษแล้วประมาณ 12 ชม. โดยพิษจากด้วงก้นกระดก ทำให้เกิดอาการแสบร้อน ผื่นระคายเคือง คัน และอาจเป็นหนองได้
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากสงสัยว่าสัมผัสกับแมลงก้นกระดก
✅ ล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
✅ ประคบด้วยสำลีชุบน้ำเย็น หรือน้ำเกลือครั้งละ 5-10 นาที วันละ 3-4 ครั้ง
✅ อาการอักเสบจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยอาจมีรอยดำทิ้งไว้ที่ผิวได้ แต่ไม่เป็นแผลเป็น ยกเว้นในรายได้ที่ได้รับสารพิษในปริมาณมาก หรือมีอาการแพ้รุนแรง อาจมีไข้สูง และอาการทางระบบหายใจได้ แต่ถ้ามีอาการเจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อนจนทนไม่ไหว หรือโดนพิษบริเวณใบหน้า หรือดวงตา แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
อ่านที่พี่หมอเล่ามาจบแล้ว ก็อย่าลืมสำรวจรอบบ้านตัวเองดูนะครับว่ามีตรงไหนที่สัตว์มีพิษจะมาซ่อนตัวอยู่ได้บ้าง ถ้ามีต้นไม้ใหญ่ ก็ควรตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย พื้นหญ้าก็ดูแลอย่าให้รกจนเกินไป จะได้ไม่มีสัตว์ร้ายมาทำอันตรายคนในบ้านได้
แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ และสังเกตดูว่าตัวที่กัดหรือต่อยนั้นเป็นตัวอะไร จากนั้นก็รีบปฐมพยาบาลตามขั้นตอนที่พี่หมอแนะนำเอาไว้ให้เร็วที่สุด
ขอให้ทุกคนปลอดภัยทั้งจากสัตว์ร้ายและโรคร้ายนะครับ ❤️😷