วิธีสังเกตเนื้อคู่ของเราว่าเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางก่อนหรือไม่

คู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอก เพราะคนเก่าแก่เชื่อว่าหากใครที่เป็นเนื้อคู่กันนั้น มักมีดวงและจิตสัมพันธ์กันอยู่
ไม่ว่าจะภพไหนชาติไหน ก็ย่อมกลับมาเป็นคู่ครองรักกันเสมอ
วิธีสังเกตุง่ายๆคือ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 1. แม้พบเจอกันครั้งแรก คุณและเขากลับสนิทสนมกันได้เร็ว เพราะเกิดจากความรู้สึกภายในที่ผูกพันกันมานาน
ทำให้คุณทั้งคู่รู้สึกสุขใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ

2. คุณและเขามักมีความคิดที่คล้ายกัน  ประหนึ่งว่าเป็นคนๆ เดียวกัน มีใจตรงกันอย่างบอกไม่ถูก
ในลักษณะที่มีความคิดคล้ายกัน ใช่การพยายามเลียนแบบจะเป็นเหมือนอีกคน
3. คุณและเขาเข้ากันได้ดี เป็นส่วนที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน เปรียบเสมือนแจกันกับดอกไม้
เช่น คนหนึ่งมักใจร้อนเป็นฟืนไฟ แต่อีกคนกลับกลายเป็นคนใจเย็น นิ่งดั่งสายน้ำ
4. แม้คุณและเขาจะมีปากเสียงหรือทะเลาะกันคราวใด ก็ไม่มีทางทิ้งกันไปไหนพ้น
สุดท้ายแล้วก็ปรับความคิดให้เข้าใจกันได้ดีดังเดิม

5. ระยะทางไม่สามารถทำอะไร ความรักของคุณทั้งคู่ได้ หรือแม้มีอุปสรรคใดมาขวางกั้น
คุณและเขาก็อุ่นใจทุกครั้งที่นึกถึงกัน ราวกับว่าจิตใจผูกพันกันมากกว่าร่างกาย
6. คุณและเขามีความสุข มากกว่าความทุกข์ที่ร่วมกัน บางครั้งไม่ต้องพูดเปร่งวาจา
ก็สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร เป็นสิ่งที่บอกได้ว่าคุณและเขาใจตรงกันมานานแล้ว

7. คุณและเขามักจะชวนกันเข้าวัดทำบุญ หรือทำสิ่งดี ๆ ร่วมกัน เป็นผลบุญแต่ปางก่อน
ที่ทำให้ได้ย้อนกลับมาพบกันอีกครั้ง แต่หากความรักครั้งนี้ของคุณ อาจจะไม่ใช้เนื้อคู่กันมาก่อนในชาติที่แล้ว
ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือสิ่งที่จะมาขวางความรักของคุณได้ ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างเข้าอกเข้าใจ และหมั่นทำความดีอยู่คู่กันไปแบบนี้
ก็ถือเป็นความรักที่ดีแล้ว
วิธีดูเนื้อคู่ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ การเลือกเนื้อคู่ แยกออกเป็น 4 ข้อหลัก

1. ศรัทธาเสมอกัน หากเรามีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งเดียวกัน เราก็จะมีมุมมองในเรื่องเดียวกัน
ข้อดีหลัก ๆ ก็คือ เราจะไม่ทะเลาะเบาะแว้ง และอยากเอาชนะคะคานกันและกัน ไม่ถกเถียง
เพื่อให้ความเชื่อของเราชนะอีกฝ่าย ทำให้ครองคู่กันอย่างอยู่เย็นเป็นสุข
2. มีศีลเสมอกัน ศีลเสมอกัน เป็นสิ่งที่คนพูดถึงกันบ่อย ๆ เวลาจะมองหาคู่ครองต้องให้มีศีลเสมอกัน
อธิบายง่าย ๆ คือ คนที่รักษาศีล รู้จักยับยั้งชั่งใจ พากันไปสู่สิ่งที่ดีงาม ก็จะทำให้ชีวิตราบรื่น
แต่หากสองคนนั้นมีศีลไม่เสมอกัน ก็เป็นเรื่องยากที่จะอยู่ด้วยกันได้
3. จาคะเสมอกัน คำว่า จาคะ มีความหมายว่า การสละสิ่งของและความสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น
หมายรวมถึงการสละละทิ้งกิเลส ละความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ ความใจแคบ และการเลิกละนิสัย
ตลอดถึงความประพฤติที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดความเสียหาย จะเห็นได้ว่า คนที่มีจาคะย่อมเสียสละเพื่อส่วนรวมได้
มีความเอื้ออาทรต่อความทุกข์ยาก คอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัว หากคู่ของเรามีจาคะไม่เสมอกัน
คงเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจว่า เพราะอะไรถึงต้องไปช่วยเหลือคนอื่น
4. ปัญญาเสมอกัน ปัญญาเสมอกันคืออย่างไร พระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระอริยสงฆ์องค์หนึ่งของเรา
ครั้งหนึ่งท่านได้ตอบคำถามให้กับลูกศิษย์ เมื่อลูกศิษย์คนนั้นถามท่านว่า ปัญญาคืออะไร ท่านจึงได้เมตตาตอบไปว่า
ปัญญา ความหมายทั่วไปแปลว่าความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพินิจพิจารณา แปลว่าความเฉลียวฉลาดก็ได้ มิใช่รู้อย่างเดียว
ต้องนำเอาความรู้ที่ได้นั้นมาพิจารณาด้วย มิใช่ฉลาดอย่างเดียว ต้องมีเฉลียวใจด้วย พระพุทธองค์ตรัสไว้ในเรื่องของการ
ที่จะมาเป็นคู่ครองกัน ต้องมีปัญญาเสมอกัน ถ้าใกล้เคียงกันมากก็จะยิ่งมีความสุข ความเจริญ ทำอะไรก็ประสบผลสำเร็จ
เนื่องด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญ ที่ทั้งคู่มีได้เกื้อหนุนกันและกัน ไม่เพียงแต่ศีลเสมอกัน การมีศรัทธาเสมอกัน จาคะเสมอกัน
และปัญญาเสมอกัน ก็จะช่วยนำพาให้คู่ครองคิดเห็นในเรื่องเดียวกัน มีความเชื่อในแบบเดียวกัน ครองคู่กันอย่างมีความสุข
ยากต่อการทะเลาะเบาะแว้ง วิธีดูเนื้อคู่และการเลือกคู่ครองที่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องอาศัยทั้ง 4 ข้อนี้เป็นสำคัญ
เพจ เล่าเรื่อง เรื่องเล่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่