แม้ว่าเดิมจะระบุว่าเป็นด้วงชนิดหนึ่งที่มีเขายาว แต่ Pulchritudo attenboroughi อยู่ในกลุ่มด้วงขากบ
(Cr.ภาพ: Denver Museum of Nature and Science)
ด้วงใบขากบสายพันธุ์ใหม่ Pulchritudo attenboroughi หรือ Attenborough's Beauty ได้รับการประกาศชื่อเมื่อวันที่ 6 ส.ค.2021 ที่ผ่านมา ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ Papers in Palaeontology โดย Frank Krell ภัณฑารักษ์อาวุโสด้านกีฏวิทยาและธรรมชาติที่พิพิธภัณฑ์ Museum of Nature & Science Senior Curator of Entomology ของ Denver และ Francesco Vitali ภัณฑารักษ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่พิพิธภัณฑ์ National Museum of Natural History ของ Luxembourg ร่วมกันเพื่อระบุสายพันธุ์ใหม่นี้
ฟอสซิลด้วงที่สมบูรณ์อย่างน่าทึ่งนี้ ได้รับการจัดแสดงมาเป็นเวลา 26 ปี ในนิทรรศการ " การเดินทางยุคก่อนประวัติศาสตร์ " (Prehistoric Journey) ของพิพิธภัณฑ์ Denver Museum of Nature & Science's ตั้งแต่เปิดตัวในปี 1995 และครั้งหนึ่งเคยติดฉลากผิดว่าเป็นด้วงหนวดยาว (longhorn beetle) จากการก่อตัวของแม่น้ำ Green River ในเขต Garfield County รัฐโคโลราโดเมื่อเกือบ 49 ล้านปีก่อน
Krell กล่าวว่า นี่เป็นหนึ่งในฟอสซิลด้วงที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยพบ โดยเฉพาะลวดลายที่สวยงามบนปีกคู่ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ด้วยความชัดเจนและความคมชัดที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้เป็นหนึ่งในฟอสซิลด้วงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด และสมควรจะได้รับชื่อนี้มากที่สุด ซึ่งจากรายงานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า ปีกคู่หน้าส่วนบนของแมลงบางชนิดรวมทั้งของด้วงที่เรียกว่า Wing cases หรือ elytra เป็นหนึ่งในส่วนที่แข็งแรงที่สุดในอาณาจักรแมลงที่ห่อหุ้มแมลงไว้ แต่ความแตกต่างและความชัดเจนของสีในระดับนี้ของฟอสซิลนั้นหายากเป็นพิเศษ
ภาพดิจิตอลที่สร้างขึ้นใหม่ของด้วง Pulchritudo attenboroughi (Cr.ภาพ Denver Museum of Nature and Science)
สำหรับ elytra ในอาณาจักรแมลง อย่างเช่น ด้วงทะเลทรายชนิดหนึ่งในยุคปัจจุบันที่มีชื่อเรียกว่า Nosoderma diabolicum หรือ “ด้วงเหล็กปีศาจ” ที่ส่วนปีกคู่หน้า หรือ Elytra ของมันได้วิวัฒนาการจนเชื่อมต่อเข้ากับเปลือกนอกส่วนอื่น และเพิ่มความหนาจนสามารถรับแรงกดได้มากถึง 39,000 เท่าของ
น้ำหนักตัว (ขับรถทับไม่ตาย) แต่ความทนทานของเปลือกด้วงยังไม่ใช่เรื่องแปลกเท่ากับปริศนาของสีสันของฟอสซิลด้วงโบราณตัวนี้ ที่แม้เวลาผ่านไปถึง 49 ปี ก็ยังคงมีความชัดเจนสวยงาม สีเข้มอ่อนตัดกันชัดเจนถือเป็นเรื่องที่หายากเป็นอย่างยิ่ง
ชื่อ “ Pulchritudo attenboroughi ” ของฟอสซิลด้วงโบราณตัวนี้หมายถึง ความงามของ Attenborough (Attenborough's Beauty) ได้รับการตั้งตามชื่อนักธรรมชาติวิทยา และผู้ประกาศข่าวชาวอังกฤษ Sir David Attenborough สำหรับการมีส่วนร่วมของเขาในด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
มันถูกระบุว่าในปี 1995 นักบรรพชีวินวิทยาพบฟอสซิลในปีนั้นจากการก่อตัวของแม่น้ำ Green River เป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลสาบหลายแห่งครอบคลุมโคโลราโด ไวโอมิง และยูทาห์ และมีอายุย้อนไปถึงยุคอีโอซีน (Eocene epoch - 55.8 ล้านถึง 33.9 ล้านปีก่อน)
ในขณะนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้จำแนกฟอสซิลดังกล่าวเป็นด้วงหนวดยาวในสกุล Cerambycidae เนื่องจากรูปร่างของมันคล้ายกับแมลงปีกแข็งที่มีหนวดยาว แต่ขาหลังของมันสั้นและอ้วนผิดปกติ ทำให้ Krell ภัณฑารักษ์อาวุโสและผู้เขียนนำของการศึกษาใหม่นี้ ตั้งคำถามว่าด้วงนั้นอาจชนิดอื่นหรือไม่จากคุณลักษณะบางอย่างที่ไม่ตรงกับลักษณะของด้วงหนวดยาวอื่น ๆ
“ด้วงเหล็กปีศาจ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “nosoderma diabolicum” แมลงปีกแข็งของตระกูล Zopheridae
อาศัยอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และทำให้นักวิทยาศาสตร์งงงันกับความแข็งแกร่งของ Elytra
Krell และ Vitali จึงได้ทำการศึกษาฟอสซิลด้วงอีกครั้ง และพบว่าขาหลังที่คดเคี้ยวของมันระบุว่าไม่ใช่ด้วงหนวดยาว แต่เป็นด้วงใบขากบชนิดหนึ่ง
ซึ่งเป็นสกุลใหม่ในวงศ์ย่อยที่รู้จักกันในเรื่องขาหลังที่แข็งแรงและทรงพลังที่เรียกว่า frog-legged leaf beetles ทำให้การระบุตัวตนนั้นง่ายขึ้นเนื่องจากคุณภาพของฟอสซิล
ในกรณีที่ด้วงกลายเป็นฟอสซิลนั้น นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แมลงปีกแข็งเป็นแมลงที่แข็งแรง และโดยทั่วไปแล้วแมลงฟอสซิลที่พบส่วนใหญ่จะทิ้งไว้เพียง elytra หรือเปลือกหุ้มปีกที่มักจะไม่ค่อยเสียหายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ฟอสซิลที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีสามารถพบได้ในตะกอนที่นักวิจัยเรียกว่า
" lagerstatten " จากการก่อตัวของแม่น้ำ Eocene Green ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโคโลราโด โดย Attenborough's Beauty เป็นหนึ่งในแหล่งฝากเหล่านั้น
กล่าวคือ แมลงปีกแข็งจะแข็งแรงเมื่อมีชีวิตอยู่ แต่ไม่สามารถทำให้เป็นฟอสซิลได้ง่ายทั้งตัว เมื่อพวกมันตกไปในน้ำและจมลงไปถึงตะกอน พวกมันมักจะแยกออกเป็นส่วนๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะพบเพียงปีกเดียวในบันทึกฟอสซิล แต่บางที่ที่มีตะกอนเนื้อละเอียดและสภาวะที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะจะสามารถอนุรักษ์ฟอสซิลได้เป็นอย่างดี ทำให้เรามีซากดึกดำบรรพ์ที่เกือบจะสมบูรณ์นี้ ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์ ด้วงต้องการชื่อสกุลใหม่เพราะมันมีรูปร่างไม่ตรงกับด้วงใบขากบที่มีอยู่ ดังนั้น Krell และ Vitali จึงเลือกชื่อภาษาละตินของความงามว่า Pulchritudo
ด้วงใบขากบ (frog-legged leaf beetles)
Cr.
https://www.livescience.com/attenborough-beauty-beetle-fossil.html / Mindy Weisberger
Cr.
https://www.ctvnews.ca/sci-tech/magnificent-and-unique-new-beetle-species-named-after-sir-david-attenborough-1.5538606 / Matthew Talbot
Cr.
https://phys.org/news/2021-08-scientists-frog-legged-beetle-fossil-sir.html / by Denver Museum of Nature & Science
Cr.
https://stem.in.th/20210815/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" Attenborough's Beauty " หนึ่งในฟอสซิลด้วงโบราณที่งดงามที่สุด
ในขณะนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้จำแนกฟอสซิลดังกล่าวเป็นด้วงหนวดยาวในสกุล Cerambycidae เนื่องจากรูปร่างของมันคล้ายกับแมลงปีกแข็งที่มีหนวดยาว แต่ขาหลังของมันสั้นและอ้วนผิดปกติ ทำให้ Krell ภัณฑารักษ์อาวุโสและผู้เขียนนำของการศึกษาใหม่นี้ ตั้งคำถามว่าด้วงนั้นอาจชนิดอื่นหรือไม่จากคุณลักษณะบางอย่างที่ไม่ตรงกับลักษณะของด้วงหนวดยาวอื่น ๆ
ซึ่งเป็นสกุลใหม่ในวงศ์ย่อยที่รู้จักกันในเรื่องขาหลังที่แข็งแรงและทรงพลังที่เรียกว่า frog-legged leaf beetles ทำให้การระบุตัวตนนั้นง่ายขึ้นเนื่องจากคุณภาพของฟอสซิล
ในกรณีที่ด้วงกลายเป็นฟอสซิลนั้น นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แมลงปีกแข็งเป็นแมลงที่แข็งแรง และโดยทั่วไปแล้วแมลงฟอสซิลที่พบส่วนใหญ่จะทิ้งไว้เพียง elytra หรือเปลือกหุ้มปีกที่มักจะไม่ค่อยเสียหายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ฟอสซิลที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีสามารถพบได้ในตะกอนที่นักวิจัยเรียกว่า
" lagerstatten " จากการก่อตัวของแม่น้ำ Eocene Green ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโคโลราโด โดย Attenborough's Beauty เป็นหนึ่งในแหล่งฝากเหล่านั้น
กล่าวคือ แมลงปีกแข็งจะแข็งแรงเมื่อมีชีวิตอยู่ แต่ไม่สามารถทำให้เป็นฟอสซิลได้ง่ายทั้งตัว เมื่อพวกมันตกไปในน้ำและจมลงไปถึงตะกอน พวกมันมักจะแยกออกเป็นส่วนๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะพบเพียงปีกเดียวในบันทึกฟอสซิล แต่บางที่ที่มีตะกอนเนื้อละเอียดและสภาวะที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะจะสามารถอนุรักษ์ฟอสซิลได้เป็นอย่างดี ทำให้เรามีซากดึกดำบรรพ์ที่เกือบจะสมบูรณ์นี้ ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์ ด้วงต้องการชื่อสกุลใหม่เพราะมันมีรูปร่างไม่ตรงกับด้วงใบขากบที่มีอยู่ ดังนั้น Krell และ Vitali จึงเลือกชื่อภาษาละตินของความงามว่า Pulchritudo
Cr.https://www.ctvnews.ca/sci-tech/magnificent-and-unique-new-beetle-species-named-after-sir-david-attenborough-1.5538606 / Matthew Talbot
Cr.https://phys.org/news/2021-08-scientists-frog-legged-beetle-fossil-sir.html / by Denver Museum of Nature & Science
Cr.https://stem.in.th/20210815/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)