เจาะเวลา...หาหวย

กระทู้สนทนา
.

 
เจาะเวลาหาเลขเด็ด

 
             เมื่อพูดถึงนักวิทยาศาสตร์หรือนักฟิสิกส์ หลายคนอาจนึกถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์  ทฤษฎีเกี่ยวกับพื้นที่ผิวหลุมดำของสตีเฟน ฮอว์คิง  กฏแรงโน้มถ่วงของไอแซก นิวตัน  แบบจำลองของอะตอมและกลศาสตร์ควอนตัมของ นีลส์โบร์ หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนแบร์ก และคนอื่น ๆ ตามความชอบใจส่วนบุคคล 

             แต่ผมนึกถึง เมธา นักฟิสิกส์ของไทยเรานี่ละ ผู้ชายตัวเล็กสวมแว่นสายตาซ่อนแววฉลาดไว้ภายใน ถ้าจะมีอะไรที่บ่งบอกถึงเส้นบางเบาระหว่างความบ้าและความอัจฉริยะได้ดีที่สุด ก็ต้องนึกถึงเมธาเป็นคนแรกอีกเหมือนกัน 

             เมธาเป็นนักฟิสิกส์เชิงทดลองและเชิงทฤษฎี ที่กล้าหาญกับความคิดของตัวเอง ฉลาดปราดเปรื่องที่สุดเท่าที่เคยเห็นตัวเป็น ๆ และบ้าสุดขั้วในสายตาของคนอื่น แต่สำหรับผมแล้ว ไม่เคยสงสัยในความอัจฉริยภาพของเขาแม้แต่น้อยนิด เมธาไม่สนใจชื่อเสียง แต่สนใจงานทดลองมากกว่า ซึ่งก็ทำให้เขามีปัญหาคลาสสิก นั่นคือการขาดเงินทุนสนับสนุนงานวิจัย แต่ดูเหมือนเขาจะพบทางออกของปัญหา เมื่อเขาเดินทางกลับมาจากอเมริกาครั้งล่าสุด
หลังจากนั้นเมธาก็ไม่เคยได้รับแรงบันดาลใจให้เดินทางไปไหนไกล ๆ อีกเลย ประหนึ่งว่าเขาค้นพบจอกศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูก็ไม่มิปาน

             “ฉันพบพิมพ์เขียวของไทม์แมชชีน และกำลังสร้างมันขึ้นมา”  นั่นเป็นประโยคแรกที่เมธาบอกให้ผมรับรู้ หลังจากกลับมาจากเมืองนอกได้สองวัน ผมจดจำได้ไม่มีวันลืม ก็แน่ละครับ ใครจะลืมเรื่องสำคัญระดับจักรวาลแบบนี้ได้

             “ไทม์แมชชีน เครื่องข้ามเวลา...” ผมทวนคำอย่างประหลาดใจและไม่เชื่อ “มีพิมพ์เขียวด้วย ใครกันเขียนมันขึ้นมา เหลือเชื่อชะมัด ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

             “ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่มันจริง”   เสียงของเมธาหนักแน่นจริงจัง จนเกินกว่าจะเป็นการพูดเล่น

             “แน่ใจว่า มีหลายคนคิดค้นกันขึ้น และพัฒนาต่อ ๆ กันมา ไม่ว่าจะเป็น เอดิสัน เทสล่า นิวตัน ไอน์สไตน์   ฉันไปเจอสมุดบันทึกแบบแปลนในร้านขายของเก่า มองเผิน ๆ เหมือนเรื่องตลก แต่ฉันเชื่อว่ามันจริง”

             นั่นคือการสนทนาของเราสอง หลังจากนั้นเมธาก็เงียบหายไปนาน เขาไม่เคยติดต่อสื่อสารอะไรมาอีก  ขนาดลงทุนไปหาที่บ้านก็พบว่าเขาปิดบ้านเงียบ ราวกับว่ากำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องสำคัญบางอย่าง

             วันนี้เองที่ผมได้รับโทรศัพท์จากเมธาเป็นครั้งแรกในรอบปี  เขาบอกข่าวดีว่า สร้างเครื่องไทม์แมชชีน  ท่องเวลาสำเร็จแล้ว และอยากให้ผมไปร่วมทดลองเชิงปฏิบัติการของเขาเป็นคนแรกในฐานะเพื่อนสนิทที่สุด  แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธ เพราะอยากรู้อยากเห็นเหมือนกันว่าเครื่องกาลเวลาที่ว่ามันทำงานอย่างไร เมธาไม่เคยพูดเล่นในเรื่องสำคัญ ถ้าเขาบอกว่าจริงมันก็ต้องจริง

             พอขับรถมาถึงหน้าบ้าน  พบว่าเมธายืนรอรับอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างสังเกตได้ชัด  สีหน้าท่าทางแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เขาจะต้องมีเรื่องราวแปลกใหม่พิสดารมานำเสนออย่างไม่ต้องสงสัย

             “ฉันอยากให้แกมาเป็นพยาน ถึงความสำเร็จอันน่ามหัศจรรย์  ไทม์แมชชีน เครื่องเดินทางในกาลอวกาศของเมธา  ที่จะนำความร่ำรวยมาสู่พวกเรา ใช่... หมายถึงแกด้วย ไอ้เพื่อนยาก” 

             เขาพล่ามให้ฟัง อย่างชนิดไม่ทันเอ่ยปากถาม  ถ้าเป็นคนอื่นพูดผมคงไม่เชื่อ แต่เมธาไม่ใช่คนคุยเขื่อง

             ในห้องนั่งเล่นกลางบ้านชั้นล่าง ผมเห็นไทม์แมชชีนของเมธาตั้งตระหง่าน รูปร่างของมันคล้ายกล่องสี่เหลียมทื่อ ๆ ขนาดเท่าเตียงขนาดใหญ่จดเพดาน สายไฟมากมายเรียงรายไม่เป็นระเบียบ ไม่ได้มีความสวยงามทางศิลปะสักน้อยนิด  คนอย่างเมธาไม่สนใจความสวยงามอยู่แล้ว การทำงานของมันต่างหากเป็นหลักการสำคัญ

             “ถ้านี่เป็นเครื่องข้ามเวลา”  ผมพูดอย่างระมัดระวัง “มันจะเอาพลังงานจากไหนมาทำงาน ถ้าจะให้กาลอวกาศบิดเบี้ยวยุบตัวมันต้องใช้พลังงานมหาศาล ขนาดพลังงานทั้งหมดในโลก ทั้งระบบสุริยะ ยังไม่พอเชียวนะเพื่อน”

             “ก็จริงของนาย” เมธายิ้มกริ่ม ขณะเริ่มสาละวนอยู่กับการปรับโน่นนี่บนตัวเครื่อง

             “แต่ถ้าเป็นพลังงานมืดล่ะ หมายถึงว่าฉันพบวิธีใช้งานจากพลังงานมืดและสลารมืด โดยมีพลังงานไฟฟ้าเป็นตัวจุดชนวนเริ่มต้นเท่านั้น”

             “ไม่มีใครใช้พลังงานจากพลังงานมืด หรือสลารมืดมาก่อน”  ผมแย้งทันที

             “ฉันนี่ไงเพื่อน” เมธาเอามือชี้หน้าอกตัวเอง ผมได้แต่อึ้ง ฟังเขาพูดต่อไป

             “ไอนสไตน์ หรือนักฟิสิกส์ชื่อดังคนอื่น ๆ อัจฉริยะที่สุดในชาวโลกก็จริง แต่พวกเขายังรู้ไม่หมด ทฤษฎีของพวกเขายังมีช่องว่างของรายละเอียดทางคณิตศาสตร์ที่ใช้คำนวณ นั่นละคือหัวใจของเครื่องนี้”

             “เอาละ ถ้ามันจริง นายจะใช้เจ้าเครื่องนี้ทำอะไร”

             “ฉันจะใช้มันเดินทางไปในอนาคต ไปดูหวยงวดต่อไป และจะกลับมาซื้อในปัจจุบัน รวยเละกันแน่เพื่อนเอ๋ย...”

              ผมอ้าปากค้าง กับไอเดียของนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่

              คิดเครื่องท่องเวลามาเพื่อซื้อหวยนี่นะ...

             ถ้าเครื่องข้ามเวลาทำงานได้ ทำไมไม่ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ไปถล่มพวกเมียนมาในศึกบางระจัน เปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปเสียเลย  แต่ประวัติศาสตร์มันเป็นไปแล้ว จะไปแก้ไขอดีตได้อย่างไร มันย้อนแย้งกันชอบกล 

             แล้วนี่บังอาจไปจะรู้หวยในอนาคต

             เมธาดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของผมดี ผมยิ้มและอธิบายอย่างใจเย็นว่า   “ตอนนี้เครื่องข้ามเวลาทำงานได้ในระดับหนึ่ง ยังขนอะไรไปมาในช่วงเวลาไม่ได้มาก ต้องหาเงินทุนทำการวิจัยอีก แล้วเราจะหาเงินทุนมหาศาลที่ไหนง่าย ๆ ละเพื่อน ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น  วิถีทางแห่งเลขเด็ด ฉันจะเข้าไปในยานเวลา นายเป็นคนสังเกตการณ์ภายนอกเก็บข้อมูลเบื้องต้น ตกลงตามนี้นะเพื่อน”

             ผมพยักหน้า ยังพูดอะไรไม่ออก แม้ในใจจะรู้สึกถึงความไม่ถูกต้องบางอย่าง ถ้าการเดินทางไปมาในเวลาได้จริง ทำไมโลกของเราไม่เคยมีคนจากอนาคตมาเยือนเลย มีแต่ข่าวลวงในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ตรวจสอบก็พบว่าโกหกลวงโลกกันทั้งเพ

             เมธาหันมายิ้มอย่างมั่นใจ เอื้อมมือกดปุ่มด้านหน้าเครื่องข้ามเวลา ประตูเลื่อนเปิดออกให้เมธาก้าวเข้าไป จากนั้นประตูเลื่อนปิดตามเดิม
ไม่ถึงครึ่งนาที ประตูเครื่องข้ามเวลาเปิดออก เมธาเดินยิ้มออกมา ประกาศเลขเด็ดเสียงดัง

             “85 บน ล่างสองตัว 92 สามตัวหลัง 547 601”

             “นายแน่ใจนะ”   ผมถามพลางมองดูสภาพภายนอกว่าเจ้าเพื่อนรักมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่  แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ จากนั้นเมธาก็ลากผมออกไปจากบ้าน ตระเวนซื้อเลขเด็ดที่เขาได้มาเท่าที่จะหาได้ ดูท่าทางเขามั่นใจมาก เรียกว่าทุ่มกันไม่อั้นเลยทีเดียว ส่วนผมซื้อตามพอเป็นพิธี เพราะยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้

             เมธาพยายามอธิบายว่าจักรวาลในแบบของไอน์สไตน์นั้น ถือว่าทุกสิ่งอยู่ในโครงสร้างของปริภูมิ-เวลาเดียวกันโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตามแนวคิดนี้เวลาทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนแล้วแต่เป็นจริงเท่าเทียมกัน ซึ่งเท่ากับว่าเหตุการณ์ในทั้งสามช่วงเวลานั้นมีอยู่แล้วมาโดยตลอดในปริภูมิ-เวลา ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของจักรวาล ฟังด้วยความรู้ทางฟิสิกส์ขั้นเตาะแตะของผมได้แต่งง และเอออห่อหมกไปด้วยตามเรื่องตามราว

             ผมบอกให้เขาข้ามเวลาไปดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่เสียดายว่าเครื่องจะต้องใช้เวลาสะสมพลังงานอีกนาน เมธาบอกว่าครั้งเดียวก็เกินพอ อนาคตกำหนดไว้แล้ว จะต้องเป็นตามนั้น

             เดี๋ยวก็คงรู้กัน

             ผมถามว่า ทำไมไม่หาเลขรางวัลใหญ่เสียเลย  เมธาบอกว่าต้องรีบกลับมาให้ทันเวลา เครื่องยังไม่สมบูรณ์ และต่อให้ได้เลขรางวัลที่หนึ่งมา การหาซื้อก็คงยาก ไม่รู้ว่าลอตเตอรีหมายเลขนั้นจะอยู่แห่งหนตำบลใดของประเทศ สู้เก็บเล็กผสมน้อยไปทีละงวดก่อนดีกว่า

             เมธาทุ่มเงินไปกับสลากกินแบ่ง ชนิดแทบหมดเงินเก็บกันเลยทีเดียว

             วันหวยออก เราสองคนมานั่งลุ้นหวยกันอยู่หน้าไทม์แมชชีน ด้วยความหวัง หัวใจเต้นแรง ลุ้นระทึก เมธาเฝ้าแต่ย้ำว่าอนาคตก็คือปัจจุบันของอดีต มันต้องเป็นตามนั้น 

             ในที่สุดเวลาสำคัญก็มาถึง นั่นคือเวลาหวยออก

            ให้ตายเถอะ...เลขเด็ดของเมธาพลาดทุกตัว

             เขาเป็นลม สลบกลางอากาศ ล้มทั้งนั่ง

             จัดว่าเป็นการช็อกระดับ 9.0  ริกเตอร์แห่งความมั่นใจของเมธาโดยแท้จริง พอได้สติเขาก็จับไข้ นอนตัวสั่น พร่ำเพ้อถึงเลขเด็ดอย่างไม่เชื่อ  อนาคตที่เขาไปสัมผัสมาทำไมเปลี่ยนแปลง ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

             ส่วนตัวผมโดนเลขเด็ดกินเหมือนกัน แต่ไม่เจ็บตัวมาก  แม้ว่าคำพูดและหลักการที่เมธาเล่าให้ฟังจะน่าเชื่อถือปานใดก็ตาม แต่ลึก ๆ ผมคิดในใจว่า จักรวาลคงไม่ยอมให้การท่องเวลาเกิดขึ้น ด้วยสมการและเครื่องไม้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพราะมันจะทำให้กฏเทอร์โมไดนามิกและเอนโทรปีผิดเพี้ยน  เรื่องการท่องเวลาเป็นไปได้ในโลกของภาพยนตร์และนวนิยายเท่านั้น

             นี่คงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเอกสารสำคัญขนาดนี้ ถึงถูกนักวิทยาศาสตร์ไม่สนใจ บางทีพวกเขาอาจพบว่ามันไม่มีประโยชน์ 

             แต่ปัญหาหนึ่งที่ผมค้างคาใจคือ ทำไม เลขเด็ดมันเปลี่ยนไปได้  อนาคตเปลี่ยนแปลงเพราะอะไร

             หรือว่าเป็นกลไกป้องกันตัวของจักรวาล

             คนตอบข้อสงสัยได้ น่าจะเป็นเมธาผู้ปราดเปรื่อง  หลังจากเป็นไข้นอนซมเจ็ดวันเจ็ดคืน เขาก็เริ่มลุกขึ้นได้  คนอย่างเมธาต่อให้ล้มแค่ไหนก็ลุกขึ้นได้เสมอ นั่นคือข้อดีของเขา

             จากนั้น เขาก็ยุ่งอยู่กับการขีดเขียนคำนวณอะไรมากมายบนหน้ากระดาษ ละทิ้งความสนใจจากไทม์แมชชีนไปอย่างน้อยก็ชั่วขณะ

             ในช่วงที่เมธาเจ็บป่วย ผมไม่ได้มีเวลาไปดูแลเขาทั้งวัน  จึงจ้างให้สาวชาวเมียนมาคนหนึ่งที่กำลังตกงาน ที่ผมรู้จักดี ไปทำหน้าที่ดูแลเพื่อนรัก หลังจากครบเจ็ดวันเมธาก็ตัดสินใจจ้างหญิงสาวคนนั้นต่อ เพราะเห็นว่าเธอดูแลงานบ้านเป็นอย่างดี  และคนอย่างเมธาไม่ใช่คนเจ้าชู้  ไว้ใจได้ทุกสถานการณ์

             แล้วจากนั้นอีกสองเดือน เมธาก็โทรศัพท์มาหาอย่างตื่นเต้น บอกว่าเขาค้นพบความลับของไทม์แมชชีนแล้วว่าทำไมเลขเด็ดมันคลาดเคลื่อนไป
เมธาเล่าว่า อนาคต เหมือนระดับอนุภาคที่ต้องอธิบายด้วยกลศาสตร์ควอนตัม  อนาคต ปัจจุบัน  อดีต ไม่มีอยู่จริง จนกว่าเราจะสังเกต  หรือนัยหนึ่ง อนาคตมีความเป็นไปได้แบบอนันต์ อนาคตมีจริงเมื่อเมธาไปสังเกต แต่พอเขากลับมาปัจจุบัน อนาคตนั้นก็ไม่มีอีกต่อไป  สิ่งที่เขาไปเจอเป็นเพียง ‘ความน่าจะเป็น’ หนึ่งในจำนวนอนันต์ ที่ ‘เป็นจริงชั่วคราว’ เท่านั้น ที่โดนหวยกินก็เพราะมันไม่เป็นจริงในปัจุบัน และปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราสังเกตได้ในเวลานี้ ไม่ใช่อนาคต

             ถ้าเมธาขึ้นไทม์แมชชีนไปดูเลขเด็ดอีกครั้ง เขาก็จะพบว่ามันอาจเป็นเลขชุดอื่น ไม่เหมือนเดิม แล้วจะมีความหมายอะไร

             ส่วนเหตุการณ์ในอดีตก็เหมือนกัน จักรวาลก็ต้องมีกลไกป้องกันตัวเองเหมือนกัน  เพราะอดีตเป็นปัจจุบันของอนาคต นี่คงเป็นเหตุผลที่เมธาวางมือจากไทม์แมชชีน
 
             ฟังแล้วผมไม่ค่อยเข้าใจนักแต่นึกถึงวิวาทะระหว่างนีลส์ โบร์ กับ ไอน์สไตน์

.
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งเรื่องสั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่