JJNY : แนะอภ.ซื้อATK│พ่อป่วยโควิดโทร1669โดนว่า สุดท้ายเสียชีวิต│ร้านนวดดังโพสต์ฉีดไฟเซอร์เข็ม3แล้ว│ร้านอาหารนับถอยหลัง

ชมรมแพทย์ชนบท แนะ อภ.ซื้อ ATK โดยตรงจากอาลีบาบา ได้ราคาถูกกว่า
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2886199
  
 
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งข้อสงสัยว่า ไทยซื้อเอทีเค ของถูก ราคาแพง แนะองค์การเภสัชกรรมซื้อตรงจากอาลีบาบา พร้อมกับอ้างรายงานของเพจชมรมแพทย์ชนบท
โดยระบุว่า
 
ตกลงเราได้ของถูกราคาแพง องค์การเภสัชกรรมซื้อตรงอาลีบาบาดีกว่าไหม
 
Alibaba ขาย ATK ยี่ห้อ LEPU ที่ 1 ล้านชิ้นราคาหน้า web แบบที่ยังไม่มีการต่อรองราคาชิ้นละ 1 USD หรือ 33.32 บาทเท่านั้น ถ้าซื้อ 8.5 ล้านชิ้น ราคาน่าจะเหลือไม่ถึง 1 เหรียญ ในขณะที่ราคาประมูลขององค์การเภสัชกรรม คือ 70 บาท
 
ถ้าองค์การเภสัชกรรมมั่นใจใน LEPU ไปซื้อแบบเฉพาะเจาะจงจาก Alibaba ไม่ดีกว่าหรือ ประหยัดงบประมาณได้มากกว่าอีกเท่าตัว
 
ตกลงงานนี้ การประมูลขององค์การเภสัชกรรม ชัดเจนสุดๆว่า เราได้ของถูกราคาแพง ไม่ใช่ได้ของดีราคาถูก บริษัทนำเข้าฟันกำไรเต็มๆ
 
สินค้าชิ้นละ 33 บาท คุณภาพก็แบบ 33 บาท ที่ประชาชนกล้าใช้ก็เพราะแจกฟรี แต่ที่แน่ๆ “การควบคุมโรคโควิดคงไม่ได้ผล” “เสียดายงบ” “ภาษี-ู”
รัฐบาลนายกตู่ คิดให้ดี บางเรื่องก็ไม่ควรลอยตัว ลงมาจัดการบ้าง อย่าให้ ATK LEPU เป็นอีกบาดแผลสำคัญของรัฐบาล

เครดิตเพจ ชมรมแพทย์ชนบท

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4919461384747646&id=142436575783508
 

 
ลูกสาวร่ำไห้แทบขาดใจ พ่อป่วยโควิดอาการทรุด โทร 1669 ให้ช่วย กลับโดนต่อว่า สุดท้ายพ่อนอนรอจนเสียชีวิต
https://ch3plus.com/news/program/253382
 
กรณีผู้ป่วยโควิดที่รักษาตัวที่บ้านตามระบบ HI หรือโฮมไอโซเลชั่นซึ่งมีจำนวนมากในขณะนี้ แต่กลุ่มผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้านเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินหรืออาการทรุด ขอความช่วยเหลือไม่ได้ จนเสียชีวิต
 
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง ในชุมชนไปรษณีย์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน มูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างของคุณประเสริฐ์ อายุ 66 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเสียชีวิต แพคใส่ถุงซิปล็อก 3 ชั้นและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยมีคุณวันดี ลูกสาว ยืนมองร่างไร้วิญญาณของพ่อ และเดินตามเจ้าหน้ากู้ภัยไปขอกราบลาพ่อเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าหน้าที่นำศพใส่ท้ายกระบะ และปิดประตู คุณวันดี ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ มองร่างของพ่อผ่านกระจกรถบอกพ่อว่า "พ่อไปให้สบายนะ หนูขอโทษที่ไม่ได้มาดู พ่อไม่ต้องห่วงหนูนะ"
 
คุณวันดี เล่าว่า คุณพ่ออาศัยอยู่ในบ้านกับคุณยายและป้า ทั้งสามคนติดเชื้อโควิด คาดว่าคุณพ่อรับเชื้อมาจากเพื่อนบ้านที่พูดคุยกันประจำและไม่ใส่แมสก์เพราะคิดว่าบ้านใกล้เรือนเคียง และคุยกันในบ้าน คงไม่คิดเชื้อ แต่พอมารู้ว่าเพื่อนบ้านคิดโควิด พ่อก็เริ่มมีอาการป่วย ไอ ไข้ และเจ็บคอ จึงไปซื้อชุดตรวจ ATK จากร้านขายยามาให้ตรวจ และพบว่าติดเชื้อ ทั้งสามคน ส่วนตนเองไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันจึงไม่ติดเชื้อ
 
หลังจากนั้นก็ขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่ติดเชื้อก็บอกให้โทร 1330 ลงทะเบียน เจ้าหน้าที่ก็ให้คำแนะนำระหว่างรอยา ให้กินยาฟ้าทลายโจรและต้มสมุนไพรสูดดม แต่คุณพ่อมีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน ส่วนคุณยายอายุ80ปีก็มีโรค เบาหวานความดัน โรคไต เจ้าหน้าที่1330 จึงบอกรอติดต่อกลับ
 
จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้ตนไปรับยาที่คลินิกใกล้บ้าน เป็นยาสมุนไพรฟ้าทลายโจรและยาตามอาการ เช้าวันที่14 สิงหาคม เวลา 8 โมงเช้าคุณพ่อโทรบอกว่า อาการไม่ดี หายใจออก และกินข้าวไม่ได้ กินน้ำก็ไม่ได้ ช่วง 8 โมงถึง 10 โมง พ่อยังมีสติ และพูดคุยได้ แต่อ่อนเพลีย และหลัง 11 โมงพ่อเริ่มพูดก็ไม่มีประโยค ตนได้แต่บอกพ่อ รอก่อนนะ รถ รพ. กำลังจะมา แต่ก็ไม่ทัน 13.30 น. คุณพ่อเสียชีวิต ต่อหน้าต่อหน้าโดยที่ญาติก็ทำอะไรไม่ได้
 
คุณวันดีบอกว่า การช่วยเหลือพ่อ พอรู้อาการทรุด ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่ายโมง โทรประสาน 1669 แต่เจ้าหน้าที่รับสายแล้วบอกให้รอ จะแจ้งรถฉุกเฉินออกไปรับ แต่ก็ไม่มี จึงคอยโทรไปอีก และโทรวนไปเรื่อยๆ จนช่วงบ่ายโมงที่พ่อแน่นิ่งไป ก็ยังไม่มีรถของเจ้าหน้าที่ 1669 เข้ามา และคุณวันดีบอกว่า เจ้าหน้าที่ 1669 ที่รับสายเธอคนล่าสุด ยังตำหนิว่า อย่าโทรมาบ่อยได้ไหมรบกวนการทำงาน
 
คุณวันดีก็แจ้งไปว่า พ่ออาการหนักแล้ว นอนหายใจรวยริน ไม่มีใครมาช่วย และที่ต้องโทรซ้ำๆ เพราะไม่มีใครมาช่วย เจ้าหน้าที่ 1669 บอกว่าแจ้งรถไปแล้ว และหากแจ้งบ่อยๆจะเป็นเคสตกหล่น ตนจึงอยากถามว่า แล้วเวลาฉุกเฉิน จะต้องโทรหาที่ไหน ชีวิตของประชาชน ก็หวังพึ่งหน่วยงานรัฐ แต่ได้รับคำตอบแบบนี้ แล้วตอนที่พ่อเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ 1669 ยังโทรมาบอกว่าให้รอก่อน รถกำลังจะออกไปหา คุณวันดีตอบไปว่า ไม่ต้องแล้วค่ะ พ่อเสียชีวิตแล้ว
 
คุณวันดีบอกว่า พ่อของเธอมีโรคประจำตัว ก็ต้องรักษาตัวที่บ้าน แต่พอฉุกเฉินไม่มีใครช่วย ถ้ามีคนมาปฐมพยาบาลก็คงไม่ต้อบมาสูญเสียแบบนี้ และพอรู้ว่าเป็นโควิด ใครๆก็รังเกียจ อยากบอก พอติดเชื้อโรคนี้ ประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่างคือให้รอ อยากถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าเกิดผู้ป่วยเป็นพ่อเป็นแม่หรือคนในครอบครัวจะทำอย่างไร คนมีเงินเขาก็ไม่เดือดร้อน มีทางรักษาแต่ถ้าคนไม่มีเงินก็คงต้องทนรับกับการสูญเสียแบบนี้
 
สำหรับบ้านนี้ในบ้าน ยังมีคุณยายวัน 80 ปี ที่อาการไม่ค่อยดี แม้จะเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวแต่เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย และท้องเสียมา 2 วัน ประกอบกับมีโรคประจำตัว ทั้งโรคเบาหวานความดัน โรคไต และอาการข้างเคียงจากการผ่าตัดกระดูสันหลังทับเส้นประสาท ทำให้เดินไม่ถนัด ต้องใช้ไม้เท้าช่วย ทีมข่าวประสานอาสาเส้นด้ายเข้าช่วยเหลือ ส่งรักษาที่ รพ.สนามบุษราคัม
 
สำหรับชุมชนไปรษณีย์นี้ เมื่อวาน (14 ส.ค.) ช่วงที่ทีมข่างลงพื้นที่ ตัวแทนชุมชนไปรษณีย์ ก็แจ้งขอความช่วยเหลือ โดยระบุว่า ในชุมชน ยังมีชาวบ้านมีอาการและเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้ออีกหลายราย แต่ยังไม่มีที่ตรวจ และมีบ้าน 1 หลัง ที่มีผู้ป่วยไปรักษาตัวแล้วแต่สมาชิกในบ้านมีอาการ แต่ก็ออกไปในชุมชน เกรงว่าจะไปแพร่เชื้อ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานเขตบางเขน เข้ามาช่วยเหลือทั้งการตรวจเชื้อ และช่วยนำอาหารแห้ง มาช่วยชาวบ้านที่ต้องกักตัวด้วย เพราะตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ชุมชนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ
 


วิจารณ์เละ! ร้านนวดดังโพสต์ หมอฉีดไฟเซอร์เข็ม 3 แล้ว เรียกใช้บริการได้
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6564221

วิจารณ์เละ! ร้านนวดดังโพสต์ หมอฉีดไฟเซอร์เข็ม 3 แล้ว เรียกใช้บริการได้ ชาวเน็ตซัดเดือด ชี้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ายังไม่ได้ฉีด
  
จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการฉีดวัคซีนโควิด รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ที่ยังต้องการวัคซีนเข็ม 3 มาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
 
แต่ที่ผ่านมาเริ่มมีกลุ่มบุคคลวีไอพี ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ก่อนบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ทำให้มีคำถามตามมาถึงความเหมาะสมในสถานการณ์
  
ล่าสุดทวิตเตอร์ร้านนวดแห่งหนึ่งในจ.พิจิตร ที่เปิดรับนวดให้ประชาชนทั่วไป โดยทวีตข้อความว่า หมอฉีดเข็ม 3 แล้ว ไว้ใจหมอได้นะ เรียกใช้บริการหมอได้ พร้อมโชว์เอกสารการฉีดวัคซีนเข็ม 3 โดย 2 เข็มแรกเป็นวัคซีนซิโนแวค ส่วนเข็ม 3 เป็นวัคซีนไฟเซอร์
 
พร้อมอ้างถึงสถานที่ไปฉีดวัคซีนทั้ง 3 เข็ม เป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
 
หลังจากทวีตข้อความดังกล่าวเผยแพร่ไป มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงความเหมาะสมในสถานการณ์อย่างหนัก เนื่องจากตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ทั้งที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสี่ยง เช่นเดียวกับประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มแรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่