แพทย์ชนบท เตือน 4 หน่วยงานสธ. ต้องรับผิดชอบ หากเดินหน้าจัดซื้อ ATK ที่ยังถูกกังขา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2884246
ชมรมแพทย์ชนบท เตือน 4 หน่วยงาน สธ. ต้องรับผิดชอบ หากเดินหน้าจัดซื้อ ATK ที่ยังถูกกังขา
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท ฉบับที่ 2 ระบุว่า “องค์การเภสัชกรรม อย. รพ.ราชวิถี และกระทรวงสาธารณสุข ต้องรับผิดชอบในการยืนยันจัดซื้อ ATK ที่มีมาตรฐานที่เป็นที่กังขา” แถลงโดย นายแพทย์
สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ วันที่ 14 สิงหาคม 2564
ตามที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกมาแถลงชี้แจง ยืนยันที่จะเดินหน้าจัดซื้อตามผลการประมูล ATK จำนวน 8.5 ล้านชิ้น โดยได้ผู้ชนะการประมูลคือบริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเสนอ ATK ยี่ห้อ LEPU ซึ่งมีข้อกังขามากมายถึงคุณภาพและความแม่นยำนั้น
ชมรมแพทย์ชนบทยังขอยืนยันว่า ATK (Antigen Test Kid) คือหัวใจของการควบคุมโรคโควิด จึงควรใช้ ATK ที่มีความแม่นยำและคุณภาพสูง ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในการให้การรักษาในทันทีโดยไม่ต้องรอทำ RT-PCR ซ้ำ ซึ่งหากรักษาได้เร็ว ก็จะสามารถลดอัตราป่วย อัตราเสียชีวิตลง
สำหรับ ATK ยี่ห้อ LEPU ทางชมรมแพทย์ชนบทมีข้อสังเกตที่น่าห่วงกังวลให้กับสาธารณะได้รับทราบ ดังนี้
1. แม้ว่า ATK LEPU จะผ่านเกณฑ์ อย.รวมทั้งผ่านการประเมินเทคโนโลยีจากรามาธิบดี (ด้วยจำนวนทดสอบ 150 ตัวอย่าง) แต่งานวิจัยในวารสารระดับโลกหลายชิ้นมีข้อสรุปถึงความไม่มีประสิทธิภาพของ LEPU อาทิ งานวิจัยในวารสาร Virologt Journal ที่ศึกษาในปากีสถาน ในผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ LEPU 33,000 คน พบว่า LEPU มีความไวน้อยมาก พบผลลบเทียมสูงถึง 48% (มีเชื้อเป็นบวก แต่ผลการตรวจเป็นลบไม่มีเชื้อ) ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลที่ LEPU นำมาเสนอต่อ อย.ไทย ที่มีความไวถึง 90%
2. การที่บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ชนะการประมูลด้วยสินค้า LEPU ราคา 70 บาทนั้น แท้จริงประเทศไทยได้ของถูกที่ราคาแพง เพราะราคาขายส่งอยู่ที่ 1 USD หรือไม่เกิน 35 บาท ส่วน ATK มาตรฐาน WHO นั้น ทาง UNICEF ซื้อแจกจ่ายทั่วโลกที่ราคา 160 บาท คณะกรรมการต่อรองราคาของ สปสช.ต่อรองได้ที่ 120 บาทรวมค่าส่ง ซึ่งถือว่าได้ของคุณภาพดีราคาถูก เราต้องการ ATK คุณภาพสูง ที่แม่นยำที่สามารถนำมาทดแทนหรือลดการทำ RT-PCR ได้ ก็จะลดภาพรวมงบประมาณการสู้ภัยโควิดลดลง
หากองค์การเภสัชกรรม อย. รพ.ราชวิถี และกระทรวงสาธารณสุข ยังยืนยันจะจัดซื้อ LEPU ต่อไป ก็ขอให้รีบดำเนินการอย่ารอช้า รีบลงนามจัดซื้อ ให้ความผิดสำเร็จ ทางชมรมแพทย์ชนบทที่มีเครือข่ายทั่วประเทศจะได้ช่วยตรวจสอบว่า ATK ชุดนี้มี sensitivity และ specificity ตรงตามที่กล่าวอ้างมาหรือไม่ และขอให้ทั้ง 4 องค์กรแถลงให้ชัดว่าจะรับผิดอย่างไรหากมีความเสียหายเกิดขึ้น เพื่อให้สาธารณชนสามารถตามเช็กบิลในภายหลังได้ ซึ่งจะเป็นมาตรฐานธรรมาภิบาลภาครัฐใหม่ที่ควรจะเป็น
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4915625495131235&id=142436575783508
หมอทศพรจี้ รพ.ภูมิพลฯ 'ไฟเซอร์' ไม่ถึงด่านหน้า บุคลากรแฉเอง เงื่อนไขกีดกัน รายชื่อผิดปกติ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6563360
หมอทศพรจี้ รพ.ภูมิพลฯ ‘ไฟเซอร์’ ไม่ถึงด่านหน้า บุคลากรแฉเอง เงื่อนไขกีดกัน รายชื่อผิดปกติ ทั้งใส่ตัวเลขแทนชื่อ เปลี่ยนคำนำหน้า ชื่อซ้ำ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ส.ค.64 ที่ รพ.ภูมิพลฯ นพ.
ทศพร เสรีรักษ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมาพบกลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน นักศึกษา ประชาชน หลังได้รับเรื่องร้องเรียนการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับบุคลากร แพทย์ พยาบาล ในโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ถึงมือเจ้าหน้าที่ด่านหน้าใน รพ.ดังกล่าว
นพ.
ทศพร เปิดเผยว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนบุคคลากรด่านหน้ามีความเคลือบแคลงสงสัย กรณีการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่ได้รับวัคซีนมา โดยตอนแรกประกาศรายชื่อมา สามารถตรวจสอบมีการจัดทำรายชื่อหลายร้อยคน ทำงานหน่วยงานไหน มีวันเดือนปีเกิดระบุ แต่กลับมีรายชื่อเพิ่มขึ้นมา ทำงานหน่วยงานที่เป็นนักศึกษาแพทย์จบไปแล้ว ทำงานหน่วยงานอื่น บุคลากรที่เกษียณไปแล้ว เป็นต้น
นพ.
ทศพร กล่าวต่อว่า พนักงานทุกคนในโรงพยาบาลควรได้รับวัคซีนทั้งหมด แต่บุคลากรด่านหน้าควรได้รับวัคซีนก่อน อย่างไรก็ตาม อยากให้การจัดวัคซีนไม่ใช่เฉพาะแค่โรงพยาบาลนี้ อยากให้ทุกโรงพยาบาลจัดสรรวัคซีนให้โปร่งใส่ ให้ตัวแทนแต่ละแผนกในโรงพยาบาลมาหารือการจัดสรรวัคซีนให้เกิดความโปร่งใส ไม่ใช่การงุบงิบทำ หรือมีบุคคลวีวีไอพีได้ก่อน ยังมีอีกหลายโรงพยาบาลที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากลเช่นนี้ ทั้งนี้ วัคซีนได้รับบริจาคมานั้น 1.5 ล้านโดส แต่กลับจัดสรรไม่เพียงพอกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด ประชาชนทั่วไปต้องการให้หมอ-พยาบาลด่านหน้าได้รับวัคซีนก่อน แต่กลับเกิดปัญหาขึ้นมา
ด้านตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวว่า ประเด็นต่อมาผู้ที่ได้รับวัคซีนจะต้องเป็นบุคคลที่ทำงานในด่านหน้า คัดกรอง อยู่แผนกไอซียู ภายหลังมีการตั้งเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ ทำให้พยาบาลด่านหน้าตัวจริงรายชื่อตกหล่นเกินกึ่งหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขต่างๆ กีดกันออกไป เช่น ฉีดซิโนแวค 2 เข็มถึงได้ฉีด ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็มไม่ได้รับการพิจารณา ทำให้วัคซีนเหลือ จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่าเอาวัคซีนให้ใคร ที่ผ่านมาได้สอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาแต่ไม่ได้รับคำตอบ อยากให้มีการตรวจสอบว่ารายชื่อที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นบุคคลากรด่านหน้าหรือไม่ หรือไม่ใช่บุคลากรที่นี่
ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวอีกว่า เรารวบรวมรายชื่อเป็นแผนก 100-200 คน จากทั้งหมด 800 คน หมอ พยาบาล เวรเปล แม่บ้าน โดย รพ.ภูมิพลฯ ได้รับการจัดสรร 1,680 โดส จากที่เคยขอให้กระทรวงสาธารณสุขไป 3,000 โดส จากการตรวจสอบบัญชีรายชื่อพบว่า มีทั้งหมด 1,611 รายชื่อ ฉีดให้วันที่ 13-14 ส.ค. เมื่อตรวจสอบรายชื่อดังกล่าว กลับพบว่ามีความผิดปกติรายชื่อซ้ำ เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ และใช้สัญญลักษณ์ตัวเลขเป็นชื่อบุคคล 172 รายชื่อ แทนที่จะเรียงลำดับความสำคัญ ไปเรียงลำดับตามตัวอักษรทำให้บุคลากรด้านหน้าไม่ได้รับการพิจารณา
ส่วนเหตุผลที่ออกมาเปิดเผยนั้น เพราะต้องการให้สังคมรับรู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้จริง และไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงยอมดับเครื่องชน เพราะเป็นสิทธิ์ที่ควรได้ โดยไม่ยอมฉีดวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร แต่ยอมเสียเงินจองวัคซีนทางเลือก ทั้งที่เป็นด่านหน้าผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด
สุดยื้อ เมรุวัดโกรกกราก เผาศพโควิด จนปล่องแตกร้าว สมุทรสาคร ติดเชื้อรายวันยังพุ่งสูง
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6562763
สุดยื้อ ต้องรื้อถอน เมรุวัดโกรกกราก เผาศพโควิดจนปล่องแตกร้าวเกินเยียวยา ขณะที่สมุทรสาคร ยอดติดเชื้อรายวันยังพุ่งสูง 1,819 ราย เสียชีวิต 14 ราย
เมื่อเวลา 08.09 น. วันที่ 14 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดโกรกราก ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามที่ได้รับทราบจาก
พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ เจ้าคณะตำบลโกรกกราก เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก ว่าวันนี้จะมีการรื้อถอนปล่องเมรุเผาศพของวัด เนื่องจากเกิดแตกร้าวจนยากเกินที่จะบูรณะซ่อมแซม หลังจากนั้นก็จะมีการสร้างใหม่ทั้งปล่องเมรุเดิม กับเมรุเผาศพใหม่เพิ่มอีก 1 เตา
ส่วนสาเหตุก็ด้วยในช่วงนี้รับเผาศพผู้เสียชีวิตมากเกินไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อด้วยโรคโควิด 19 จึงทำให้ปล่องเมรุเดิมที่เป็นปูนเกิดการแตกร้าว ไม่สามารถที่จะปล่อยไว้ให้นานเกินไปกว่านี้ เพราะจะพังทลายลงมาได้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงวัด พบ พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก กำลังดูการรื้อถอนปล่องเมรุเผาศพเตาเดิม โดยทางช่างผู้รับเหมาได้ต่อนั่งร้านขึ้นไป แล้วค่อยๆ ใช้อุปกรณ์เครื่องมือสกัดส่วนบนยอดเมรุออกก่อน จากนั้นจึงค่อยเป็นส่วนล่างของปล่อง โดยสภาพปล่องเมรุที่เห็นก็พบว่ามีรอยแตกร้าวและเริ่มแยกออกอย่างชัดเจนทั่วทั้งปล่อง
พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากนั้น ในส่วนของวัดโกรกกรากได้รับเผาศพผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากการติดเชื้อโควิด 19 จึงทำให้เตาเผาศพที่สร้างมานาน 15 – 20 ปี เกิดการชำรุดโดยเฉพาะปล่องเมรุนั้น มีรอยแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัดเจน
ทำให้ต้องรีบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากการที่ให้ช่างรับเหมาตรวจสอบแล้วก็พบว่า ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมได้แล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการรื้อถอนเพื่อสร้างปล่องเมรุเดิมขึ้นมาใหม่ โดยจะเปลี่ยนเป็นปล่องเมรุแบบแสตนเลส พร้อมกันนี้ก็ได้มีการสร้างเมรุเผาศพขึ้นใหม่อีก 1 เตาด้วย เพื่อให้สามารถใช้ควบคู่กันไปได้ ซึ่งหากสร้างเสร็จเรียบร้อยทั้ง 2 เมรุ ก็จะรับเผาศพผู้เสียชีวิตได้มากขึ้น รวมกันวันละประมาณ 5 – 6 ศพ
โดยทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 20 วัน ซึ่งในช่วงระหว่างการซ่อมแซมและสร้างใหม่นั้น หากมีศพเข้ามาก็อาจจะใช้วิธีการสลับช่วงเวลาให้หยุดการทำงานเพื่อทำการเผาศพให้เสร็จสิ้น เพราะทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตเข้ามาที่วัดอย่างต่อเนื่อง ทางวัดก็ต้องพร้อมที่จะรับเผาศพผู้เสียชีวิตทุกรายเพื่อส่งดวงวิญญาณไปสู่สุคติ เพราะเมรุหรือเตาเผาศพนี้คือบ้านหลังสุดท้ายของคนตาย
ขณะที่เรื่องของค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดนั้น ก็ได้มาจากผู้ใจบุญใจกุศลที่ได้ร่วมกันบริจาค โดยทางวัดก็ยังคงรับบริจาคอย่างต่อเนื่อง เพราะมิใช่แค่การนำมาสร้างเมรุเผาศพใหม่เท่านั้น แต่ในส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้เป็นค่าน้ำมันที่ต้องใช้ในการเผาศพผู้เสียชีวิตที่ยากไร้ต่อไป ซึ่งพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมสมทบทุนให้กับวัดโกรกกรากได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ 727-0-72661-2 หรือสามารถทำบุญได้ที่ท่านเจ้าอาวาสโดยตรง
พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ครั้งนี้ น่ากลัวมากจึงขอให้ทุกคนอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาท ต้องรู้จักระวังตนอยู่เสมอ ทุกคนต้องรู้ที่จะป้องกันตนเอง หากมีวัคซีนก็ให้รีบไปฉีด และต้องสวมแมสตลอดเวลาเพราะโรคนี้สามารถคร่าชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 จังหวัดสมุทรสาคร จากการรายงานข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเวลา 24.00 น. ของวันที่ 13 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงอีก 1,819 ราย จำแนกเป็นพบผู้ติดเชื้อจากค้นหาเชิงรุก 223 ราย และพบผู้ติดเชื้อที่มาจากการเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลอีก 1,596 ราย
ในจำนวนนี้เป็นคนที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร 1,211 ราย ที่เหลือเป็นคนนอกจังหวัดอีก 385 ราย ด้านผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดรวม 69,025 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 47,784 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 20,965 ราย และผู้เสียชีวิตรายวันจำนวน 14 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 276 ราย
JJNY : แพทย์ชนบท เตือน4หน่วยงานสธ.│หมอทศพรจี้ รพ.ภูมิพลฯ│เมรุวัดโกรกกรากปล่องแตก│'ทีดีอาร์ไอ'จี้ใช้เงินกู้ฯพยุงจ้างงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2884246
ชมรมแพทย์ชนบท เตือน 4 หน่วยงาน สธ. ต้องรับผิดชอบ หากเดินหน้าจัดซื้อ ATK ที่ยังถูกกังขา
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท ฉบับที่ 2 ระบุว่า “องค์การเภสัชกรรม อย. รพ.ราชวิถี และกระทรวงสาธารณสุข ต้องรับผิดชอบในการยืนยันจัดซื้อ ATK ที่มีมาตรฐานที่เป็นที่กังขา” แถลงโดย นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ วันที่ 14 สิงหาคม 2564
ตามที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกมาแถลงชี้แจง ยืนยันที่จะเดินหน้าจัดซื้อตามผลการประมูล ATK จำนวน 8.5 ล้านชิ้น โดยได้ผู้ชนะการประมูลคือบริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเสนอ ATK ยี่ห้อ LEPU ซึ่งมีข้อกังขามากมายถึงคุณภาพและความแม่นยำนั้น
ชมรมแพทย์ชนบทยังขอยืนยันว่า ATK (Antigen Test Kid) คือหัวใจของการควบคุมโรคโควิด จึงควรใช้ ATK ที่มีความแม่นยำและคุณภาพสูง ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในการให้การรักษาในทันทีโดยไม่ต้องรอทำ RT-PCR ซ้ำ ซึ่งหากรักษาได้เร็ว ก็จะสามารถลดอัตราป่วย อัตราเสียชีวิตลง
สำหรับ ATK ยี่ห้อ LEPU ทางชมรมแพทย์ชนบทมีข้อสังเกตที่น่าห่วงกังวลให้กับสาธารณะได้รับทราบ ดังนี้
1. แม้ว่า ATK LEPU จะผ่านเกณฑ์ อย.รวมทั้งผ่านการประเมินเทคโนโลยีจากรามาธิบดี (ด้วยจำนวนทดสอบ 150 ตัวอย่าง) แต่งานวิจัยในวารสารระดับโลกหลายชิ้นมีข้อสรุปถึงความไม่มีประสิทธิภาพของ LEPU อาทิ งานวิจัยในวารสาร Virologt Journal ที่ศึกษาในปากีสถาน ในผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ LEPU 33,000 คน พบว่า LEPU มีความไวน้อยมาก พบผลลบเทียมสูงถึง 48% (มีเชื้อเป็นบวก แต่ผลการตรวจเป็นลบไม่มีเชื้อ) ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลที่ LEPU นำมาเสนอต่อ อย.ไทย ที่มีความไวถึง 90%
2. การที่บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ชนะการประมูลด้วยสินค้า LEPU ราคา 70 บาทนั้น แท้จริงประเทศไทยได้ของถูกที่ราคาแพง เพราะราคาขายส่งอยู่ที่ 1 USD หรือไม่เกิน 35 บาท ส่วน ATK มาตรฐาน WHO นั้น ทาง UNICEF ซื้อแจกจ่ายทั่วโลกที่ราคา 160 บาท คณะกรรมการต่อรองราคาของ สปสช.ต่อรองได้ที่ 120 บาทรวมค่าส่ง ซึ่งถือว่าได้ของคุณภาพดีราคาถูก เราต้องการ ATK คุณภาพสูง ที่แม่นยำที่สามารถนำมาทดแทนหรือลดการทำ RT-PCR ได้ ก็จะลดภาพรวมงบประมาณการสู้ภัยโควิดลดลง
หากองค์การเภสัชกรรม อย. รพ.ราชวิถี และกระทรวงสาธารณสุข ยังยืนยันจะจัดซื้อ LEPU ต่อไป ก็ขอให้รีบดำเนินการอย่ารอช้า รีบลงนามจัดซื้อ ให้ความผิดสำเร็จ ทางชมรมแพทย์ชนบทที่มีเครือข่ายทั่วประเทศจะได้ช่วยตรวจสอบว่า ATK ชุดนี้มี sensitivity และ specificity ตรงตามที่กล่าวอ้างมาหรือไม่ และขอให้ทั้ง 4 องค์กรแถลงให้ชัดว่าจะรับผิดอย่างไรหากมีความเสียหายเกิดขึ้น เพื่อให้สาธารณชนสามารถตามเช็กบิลในภายหลังได้ ซึ่งจะเป็นมาตรฐานธรรมาภิบาลภาครัฐใหม่ที่ควรจะเป็น
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4915625495131235&id=142436575783508
หมอทศพรจี้ รพ.ภูมิพลฯ 'ไฟเซอร์' ไม่ถึงด่านหน้า บุคลากรแฉเอง เงื่อนไขกีดกัน รายชื่อผิดปกติ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6563360
หมอทศพรจี้ รพ.ภูมิพลฯ ‘ไฟเซอร์’ ไม่ถึงด่านหน้า บุคลากรแฉเอง เงื่อนไขกีดกัน รายชื่อผิดปกติ ทั้งใส่ตัวเลขแทนชื่อ เปลี่ยนคำนำหน้า ชื่อซ้ำ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ส.ค.64 ที่ รพ.ภูมิพลฯ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมาพบกลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน นักศึกษา ประชาชน หลังได้รับเรื่องร้องเรียนการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับบุคลากร แพทย์ พยาบาล ในโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ถึงมือเจ้าหน้าที่ด่านหน้าใน รพ.ดังกล่าว
นพ.ทศพร เปิดเผยว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนบุคคลากรด่านหน้ามีความเคลือบแคลงสงสัย กรณีการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่ได้รับวัคซีนมา โดยตอนแรกประกาศรายชื่อมา สามารถตรวจสอบมีการจัดทำรายชื่อหลายร้อยคน ทำงานหน่วยงานไหน มีวันเดือนปีเกิดระบุ แต่กลับมีรายชื่อเพิ่มขึ้นมา ทำงานหน่วยงานที่เป็นนักศึกษาแพทย์จบไปแล้ว ทำงานหน่วยงานอื่น บุคลากรที่เกษียณไปแล้ว เป็นต้น
นพ.ทศพร กล่าวต่อว่า พนักงานทุกคนในโรงพยาบาลควรได้รับวัคซีนทั้งหมด แต่บุคลากรด่านหน้าควรได้รับวัคซีนก่อน อย่างไรก็ตาม อยากให้การจัดวัคซีนไม่ใช่เฉพาะแค่โรงพยาบาลนี้ อยากให้ทุกโรงพยาบาลจัดสรรวัคซีนให้โปร่งใส่ ให้ตัวแทนแต่ละแผนกในโรงพยาบาลมาหารือการจัดสรรวัคซีนให้เกิดความโปร่งใส ไม่ใช่การงุบงิบทำ หรือมีบุคคลวีวีไอพีได้ก่อน ยังมีอีกหลายโรงพยาบาลที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากลเช่นนี้ ทั้งนี้ วัคซีนได้รับบริจาคมานั้น 1.5 ล้านโดส แต่กลับจัดสรรไม่เพียงพอกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด ประชาชนทั่วไปต้องการให้หมอ-พยาบาลด่านหน้าได้รับวัคซีนก่อน แต่กลับเกิดปัญหาขึ้นมา
ด้านตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวว่า ประเด็นต่อมาผู้ที่ได้รับวัคซีนจะต้องเป็นบุคคลที่ทำงานในด่านหน้า คัดกรอง อยู่แผนกไอซียู ภายหลังมีการตั้งเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ ทำให้พยาบาลด่านหน้าตัวจริงรายชื่อตกหล่นเกินกึ่งหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขต่างๆ กีดกันออกไป เช่น ฉีดซิโนแวค 2 เข็มถึงได้ฉีด ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็มไม่ได้รับการพิจารณา ทำให้วัคซีนเหลือ จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่าเอาวัคซีนให้ใคร ที่ผ่านมาได้สอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาแต่ไม่ได้รับคำตอบ อยากให้มีการตรวจสอบว่ารายชื่อที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นบุคคลากรด่านหน้าหรือไม่ หรือไม่ใช่บุคลากรที่นี่
ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวอีกว่า เรารวบรวมรายชื่อเป็นแผนก 100-200 คน จากทั้งหมด 800 คน หมอ พยาบาล เวรเปล แม่บ้าน โดย รพ.ภูมิพลฯ ได้รับการจัดสรร 1,680 โดส จากที่เคยขอให้กระทรวงสาธารณสุขไป 3,000 โดส จากการตรวจสอบบัญชีรายชื่อพบว่า มีทั้งหมด 1,611 รายชื่อ ฉีดให้วันที่ 13-14 ส.ค. เมื่อตรวจสอบรายชื่อดังกล่าว กลับพบว่ามีความผิดปกติรายชื่อซ้ำ เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ และใช้สัญญลักษณ์ตัวเลขเป็นชื่อบุคคล 172 รายชื่อ แทนที่จะเรียงลำดับความสำคัญ ไปเรียงลำดับตามตัวอักษรทำให้บุคลากรด้านหน้าไม่ได้รับการพิจารณา
ส่วนเหตุผลที่ออกมาเปิดเผยนั้น เพราะต้องการให้สังคมรับรู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้จริง และไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงยอมดับเครื่องชน เพราะเป็นสิทธิ์ที่ควรได้ โดยไม่ยอมฉีดวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร แต่ยอมเสียเงินจองวัคซีนทางเลือก ทั้งที่เป็นด่านหน้าผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด
สุดยื้อ เมรุวัดโกรกกราก เผาศพโควิด จนปล่องแตกร้าว สมุทรสาคร ติดเชื้อรายวันยังพุ่งสูง
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6562763
สุดยื้อ ต้องรื้อถอน เมรุวัดโกรกกราก เผาศพโควิดจนปล่องแตกร้าวเกินเยียวยา ขณะที่สมุทรสาคร ยอดติดเชื้อรายวันยังพุ่งสูง 1,819 ราย เสียชีวิต 14 ราย
เมื่อเวลา 08.09 น. วันที่ 14 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดโกรกราก ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามที่ได้รับทราบจาก พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ เจ้าคณะตำบลโกรกกราก เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก ว่าวันนี้จะมีการรื้อถอนปล่องเมรุเผาศพของวัด เนื่องจากเกิดแตกร้าวจนยากเกินที่จะบูรณะซ่อมแซม หลังจากนั้นก็จะมีการสร้างใหม่ทั้งปล่องเมรุเดิม กับเมรุเผาศพใหม่เพิ่มอีก 1 เตา
ส่วนสาเหตุก็ด้วยในช่วงนี้รับเผาศพผู้เสียชีวิตมากเกินไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อด้วยโรคโควิด 19 จึงทำให้ปล่องเมรุเดิมที่เป็นปูนเกิดการแตกร้าว ไม่สามารถที่จะปล่อยไว้ให้นานเกินไปกว่านี้ เพราะจะพังทลายลงมาได้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงวัด พบ พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก กำลังดูการรื้อถอนปล่องเมรุเผาศพเตาเดิม โดยทางช่างผู้รับเหมาได้ต่อนั่งร้านขึ้นไป แล้วค่อยๆ ใช้อุปกรณ์เครื่องมือสกัดส่วนบนยอดเมรุออกก่อน จากนั้นจึงค่อยเป็นส่วนล่างของปล่อง โดยสภาพปล่องเมรุที่เห็นก็พบว่ามีรอยแตกร้าวและเริ่มแยกออกอย่างชัดเจนทั่วทั้งปล่อง
พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากนั้น ในส่วนของวัดโกรกกรากได้รับเผาศพผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากการติดเชื้อโควิด 19 จึงทำให้เตาเผาศพที่สร้างมานาน 15 – 20 ปี เกิดการชำรุดโดยเฉพาะปล่องเมรุนั้น มีรอยแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัดเจน
ทำให้ต้องรีบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากการที่ให้ช่างรับเหมาตรวจสอบแล้วก็พบว่า ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมได้แล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการรื้อถอนเพื่อสร้างปล่องเมรุเดิมขึ้นมาใหม่ โดยจะเปลี่ยนเป็นปล่องเมรุแบบแสตนเลส พร้อมกันนี้ก็ได้มีการสร้างเมรุเผาศพขึ้นใหม่อีก 1 เตาด้วย เพื่อให้สามารถใช้ควบคู่กันไปได้ ซึ่งหากสร้างเสร็จเรียบร้อยทั้ง 2 เมรุ ก็จะรับเผาศพผู้เสียชีวิตได้มากขึ้น รวมกันวันละประมาณ 5 – 6 ศพ
โดยทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 20 วัน ซึ่งในช่วงระหว่างการซ่อมแซมและสร้างใหม่นั้น หากมีศพเข้ามาก็อาจจะใช้วิธีการสลับช่วงเวลาให้หยุดการทำงานเพื่อทำการเผาศพให้เสร็จสิ้น เพราะทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตเข้ามาที่วัดอย่างต่อเนื่อง ทางวัดก็ต้องพร้อมที่จะรับเผาศพผู้เสียชีวิตทุกรายเพื่อส่งดวงวิญญาณไปสู่สุคติ เพราะเมรุหรือเตาเผาศพนี้คือบ้านหลังสุดท้ายของคนตาย
ขณะที่เรื่องของค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดนั้น ก็ได้มาจากผู้ใจบุญใจกุศลที่ได้ร่วมกันบริจาค โดยทางวัดก็ยังคงรับบริจาคอย่างต่อเนื่อง เพราะมิใช่แค่การนำมาสร้างเมรุเผาศพใหม่เท่านั้น แต่ในส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้เป็นค่าน้ำมันที่ต้องใช้ในการเผาศพผู้เสียชีวิตที่ยากไร้ต่อไป ซึ่งพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมสมทบทุนให้กับวัดโกรกกรากได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ 727-0-72661-2 หรือสามารถทำบุญได้ที่ท่านเจ้าอาวาสโดยตรง
พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ครั้งนี้ น่ากลัวมากจึงขอให้ทุกคนอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาท ต้องรู้จักระวังตนอยู่เสมอ ทุกคนต้องรู้ที่จะป้องกันตนเอง หากมีวัคซีนก็ให้รีบไปฉีด และต้องสวมแมสตลอดเวลาเพราะโรคนี้สามารถคร่าชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 จังหวัดสมุทรสาคร จากการรายงานข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเวลา 24.00 น. ของวันที่ 13 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงอีก 1,819 ราย จำแนกเป็นพบผู้ติดเชื้อจากค้นหาเชิงรุก 223 ราย และพบผู้ติดเชื้อที่มาจากการเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลอีก 1,596 ราย
ในจำนวนนี้เป็นคนที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร 1,211 ราย ที่เหลือเป็นคนนอกจังหวัดอีก 385 ราย ด้านผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดรวม 69,025 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 47,784 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 20,965 ราย และผู้เสียชีวิตรายวันจำนวน 14 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 276 ราย