"ขอขอบคุณเพจ ป ปืนอย่างสูงครับ"
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
เป็นอาวุธที่ออกแบบในช่วงยุค1930 ของโปแลนด์ ซึ่งถูกปดปิดเอาไว้เป็นความลับ ซึ่งมาจากโครงการ อาวุธเบาต่อต้านรถถังหรือ light anti-tank weapon ในช่วงยุค1920 ซึ่งได้อิทธิพลมาจากปืนต่อสู้รถถังแบบ 13mm Mauser T-Gewehr Mk.18
ในช่วงปี1931 Lt. Colonel Tadeusz Felsztyn ซึ่งทำงานใน Institute of Armament Technology กรุงวอร์ซอร์ ได้ศึกษาและออกแบบกระสุนขนาด 7.92มม. ซึ่งใช้พื้นฐานของกระสุนขนาด 7.92×57mm Mauser โดยการนำมายืดปลอกกระสุนให้ยาวขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างคงามเร็วให้สูงขึ้น ซึ่งกระสุนผลิตโดย National Ammunition Factory ที่ Skarżysko-Kamienna หัวกระสุนหนัก14.6 เกรน สามารถสร้างความเร็ว1,275 เมตรต่อวินาที มีการเปลี่ยนจากการใช้ทองแดงเป็นเปลือกของกระสุนมาเป็นทองเหลือง(ทองแดง 67% / สังกะสี 23%) ต่างจากกระสุนเจาะเกราะแบบอื่นๆที่ใช้แกนเป็นโลหะแข็ง กระสุนชนิดนี้มีใส้ในเป็นตะกั่วล้วน ซึ่งการเจาะนั้นอาศัยพลังงานจลน์ ณ.เป้าหมายในการเจาะซึ่งอยู่ราวๆ 11,850 J.
และต่อมามี Jozef Maroszek, ซึ่งจบจาก Warsaw University of Technology เขามาร่วมในโครงการนี้ซึ่งก็ได้พัฒนากระสุน ซึ่งก็คือกระสุนแบบ 7.92×107mm Maroszek /7.92×107mm DS ซึ่งมีการออกแบบปืนต่อสู้รถถังแบบ Karabinek KP-32 สำหรับทดสอบกระสุนแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเมื่อยิงไป30นัดลำกล้องจะเริ่มหมดสภาพ
Jozef Maroszek ได้พัฒนาปืนสำหรับใช้งานกระสุนขนาด 7.92×107mm ในปี1933-35 ซึ่ง ปืนเป็นระบบลูกเลื่อน(Bolt action) มีสามปีกขัดกลอน สองปีกท้ายรังเพลิง อีกหนึ่งปีกที่ท้ายโครงปืน ซึ่งเป็นระบบ Cock on Open แบบ Mauser บรรจุด้วยซองกระสุนแบบถอดได้ขนาด 4นัด ใช้ลำกล้องแบบ longer-than-normal barrel ยาว 1.2 เมตร ปลายลำลกล้องติดตั้งปลอกยั้งแรงถอย (muzzle brake) ระบบศูนย์เปิด ตั้งระยะไว้ที่ 300 เมตร มีระบบคันห้ามไกใช้ระบบห่วงพลิกที่ท้ายลูกเลื่อน
มีการทดสอบที่ Rembertów โดยมีการยิง 300 นัด ปืนสามารถเจาะแผ่นเหล็กหนา 33 มม. มุม90องศา ได้ในระยะ100 เมตร ส่วนการทดสอบที่ Pionki นั้นทดสอบยิงระยะ300 เมตร สามารถเจาะแผ่นเหล็กหนา 15 มม. ทำมุม 30 องศา ได้
ซึ่งกองทัพโปแลนด์ได้อนุมัติให้มีการผลิตออกมาใช้งานจำนวน 7,610 กระบอก ซึ่งได้ให้ชื่อว่า Karabin przeciwpancerny wzór 1935, หรือ "kb ppanc wz. 35" ซึ่งเขียนแบบอังกฤษ คือ Model 35 antitank rifle
โดยที่ wz. 35 มีแผนจะถูกบรรจุใช้งานในกองพันทหารราบเบา และ กองพันทหารม้า กองพันล่ะ 3กระบอก ซึ่งจะใช้พลยิง1นายและผู้ช่วยพลยิงอีก 1นาย รวามเป็น2นาย ปืนจะถูกส่งมาในหีบซึ่งจะมีลำกล้องสำรองมาให้ 3 อัน และซองกระสุน 3ซอง
wz. 35 อยู่ในชั้นความลับที่สูงมากซึ่งมีการใช้ชื่อเพื่อปกปิดคือ Kb UR, wz.35 ซึ่ง "Ur" มาจาก "Uruguay" หรือ อุรุกวัย (ซึ่งอาจจะเป็นการพรางว่าเป็นอาวุธส่งออกไปอุรุกวัย) การเปิดหับเพื่อนำอาวุธออกมาใช้จะต้องได้รับการอนุมัติจาก รมต.กลาโหม เท่านั้น ซึ่งทำให้มีนายทหารระดับสูงไม่กี่นายที่เข้าถึงข้อมูลนี้ได้ ซึ่งเมื่อถึงเดือนกันยายนปี 1939 มีการผลิตไปแล้วประมาณ 6,500 กระบอก
เมื่อถูกเยอรมันรุกรานในปี 1939 โปแลนด์มีการนำ wz. 35 มาใช้ในแนวหน้า ซึ่งผลการใช้งานในสนามรบนั้น สามารถตอกกรกับรถถัง Panzer ของเยอรมันได้ในระยะ 400 เมตร แต่ wz. 35 ก็มีการถูกนำมาใช้อย่างจำกัดเนื่องจากหน่วยรบต่างๆของโปแลนด์แทบไม่ทราบการมีอยู่ของอาวุธชนิดนี้ และ หีบบรรจุปืนหน่วยรับมอบก็ไม่สามารถเปิดกันเองได้(เพราะต้องให้ รมต.กห อนุมัติ)
เมื่อเยอรมันสามารถยึดครองโปแลนด์ได้ พวกเยอรมันสามารถยึด wz. 35 ได้เป็นจำนวนมาก และนำไปใช้ในกองทัพเยอรมันในชื่อ “Panzerbüchse 35(p)” หรือ PzB 35(p) Panzerbüchse หมายถึงปืนต่อสู้รถถัง ส่วน p หมายถึง Polish แต่มีการเรียกใหม่ว่า Panzerbüchse 770(p) เมื่อเยอรมันนำไปใชแนวรบด้านฝรั่งเศสในปี 1940
มีการนำไปขายให้อิตาลี จำนวน 800 กระบอกและอิตาลีเรียกว่า Fucile Anticarro Modello 35(P). ใช้งานร่วมกับ Solothurn S-18/1000
แต่เมื่อรถถังมีการพัฒนาเกราะดีขึ้นกระสุนขนาด 7.92×107mm ก็แทบไม่สามารถหยุดรถถังลงได้ จึงมีการนำไปใช้ยิงเป้าหมายอื่นๆแทน
มีการนำไปใช้งานโดย โปแลนด์,เยอรมัน,อิตาลี,ฟินน์แลนด์ ,ฮังการี่ และ โรมาเนีย
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดๆ มา .ณ ที่นี้ครับ
Cr.
https://www.cartridgecollector.net/792-x-107-maroszek
https://en.wikipedia.org/wiki/7.92%C3%97107mm_DS
https://en.wikipedia.org/wiki/Wz._35_anti-tank_rifle
#Wz35 #ป_ปืน
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 721 Wz. 35 anti-tank rifle
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
เป็นอาวุธที่ออกแบบในช่วงยุค1930 ของโปแลนด์ ซึ่งถูกปดปิดเอาไว้เป็นความลับ ซึ่งมาจากโครงการ อาวุธเบาต่อต้านรถถังหรือ light anti-tank weapon ในช่วงยุค1920 ซึ่งได้อิทธิพลมาจากปืนต่อสู้รถถังแบบ 13mm Mauser T-Gewehr Mk.18
ในช่วงปี1931 Lt. Colonel Tadeusz Felsztyn ซึ่งทำงานใน Institute of Armament Technology กรุงวอร์ซอร์ ได้ศึกษาและออกแบบกระสุนขนาด 7.92มม. ซึ่งใช้พื้นฐานของกระสุนขนาด 7.92×57mm Mauser โดยการนำมายืดปลอกกระสุนให้ยาวขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างคงามเร็วให้สูงขึ้น ซึ่งกระสุนผลิตโดย National Ammunition Factory ที่ Skarżysko-Kamienna หัวกระสุนหนัก14.6 เกรน สามารถสร้างความเร็ว1,275 เมตรต่อวินาที มีการเปลี่ยนจากการใช้ทองแดงเป็นเปลือกของกระสุนมาเป็นทองเหลือง(ทองแดง 67% / สังกะสี 23%) ต่างจากกระสุนเจาะเกราะแบบอื่นๆที่ใช้แกนเป็นโลหะแข็ง กระสุนชนิดนี้มีใส้ในเป็นตะกั่วล้วน ซึ่งการเจาะนั้นอาศัยพลังงานจลน์ ณ.เป้าหมายในการเจาะซึ่งอยู่ราวๆ 11,850 J.
และต่อมามี Jozef Maroszek, ซึ่งจบจาก Warsaw University of Technology เขามาร่วมในโครงการนี้ซึ่งก็ได้พัฒนากระสุน ซึ่งก็คือกระสุนแบบ 7.92×107mm Maroszek /7.92×107mm DS ซึ่งมีการออกแบบปืนต่อสู้รถถังแบบ Karabinek KP-32 สำหรับทดสอบกระสุนแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเมื่อยิงไป30นัดลำกล้องจะเริ่มหมดสภาพ
Jozef Maroszek ได้พัฒนาปืนสำหรับใช้งานกระสุนขนาด 7.92×107mm ในปี1933-35 ซึ่ง ปืนเป็นระบบลูกเลื่อน(Bolt action) มีสามปีกขัดกลอน สองปีกท้ายรังเพลิง อีกหนึ่งปีกที่ท้ายโครงปืน ซึ่งเป็นระบบ Cock on Open แบบ Mauser บรรจุด้วยซองกระสุนแบบถอดได้ขนาด 4นัด ใช้ลำกล้องแบบ longer-than-normal barrel ยาว 1.2 เมตร ปลายลำลกล้องติดตั้งปลอกยั้งแรงถอย (muzzle brake) ระบบศูนย์เปิด ตั้งระยะไว้ที่ 300 เมตร มีระบบคันห้ามไกใช้ระบบห่วงพลิกที่ท้ายลูกเลื่อน
มีการทดสอบที่ Rembertów โดยมีการยิง 300 นัด ปืนสามารถเจาะแผ่นเหล็กหนา 33 มม. มุม90องศา ได้ในระยะ100 เมตร ส่วนการทดสอบที่ Pionki นั้นทดสอบยิงระยะ300 เมตร สามารถเจาะแผ่นเหล็กหนา 15 มม. ทำมุม 30 องศา ได้
ซึ่งกองทัพโปแลนด์ได้อนุมัติให้มีการผลิตออกมาใช้งานจำนวน 7,610 กระบอก ซึ่งได้ให้ชื่อว่า Karabin przeciwpancerny wzór 1935, หรือ "kb ppanc wz. 35" ซึ่งเขียนแบบอังกฤษ คือ Model 35 antitank rifle
โดยที่ wz. 35 มีแผนจะถูกบรรจุใช้งานในกองพันทหารราบเบา และ กองพันทหารม้า กองพันล่ะ 3กระบอก ซึ่งจะใช้พลยิง1นายและผู้ช่วยพลยิงอีก 1นาย รวามเป็น2นาย ปืนจะถูกส่งมาในหีบซึ่งจะมีลำกล้องสำรองมาให้ 3 อัน และซองกระสุน 3ซอง
wz. 35 อยู่ในชั้นความลับที่สูงมากซึ่งมีการใช้ชื่อเพื่อปกปิดคือ Kb UR, wz.35 ซึ่ง "Ur" มาจาก "Uruguay" หรือ อุรุกวัย (ซึ่งอาจจะเป็นการพรางว่าเป็นอาวุธส่งออกไปอุรุกวัย) การเปิดหับเพื่อนำอาวุธออกมาใช้จะต้องได้รับการอนุมัติจาก รมต.กลาโหม เท่านั้น ซึ่งทำให้มีนายทหารระดับสูงไม่กี่นายที่เข้าถึงข้อมูลนี้ได้ ซึ่งเมื่อถึงเดือนกันยายนปี 1939 มีการผลิตไปแล้วประมาณ 6,500 กระบอก
เมื่อถูกเยอรมันรุกรานในปี 1939 โปแลนด์มีการนำ wz. 35 มาใช้ในแนวหน้า ซึ่งผลการใช้งานในสนามรบนั้น สามารถตอกกรกับรถถัง Panzer ของเยอรมันได้ในระยะ 400 เมตร แต่ wz. 35 ก็มีการถูกนำมาใช้อย่างจำกัดเนื่องจากหน่วยรบต่างๆของโปแลนด์แทบไม่ทราบการมีอยู่ของอาวุธชนิดนี้ และ หีบบรรจุปืนหน่วยรับมอบก็ไม่สามารถเปิดกันเองได้(เพราะต้องให้ รมต.กห อนุมัติ)
เมื่อเยอรมันสามารถยึดครองโปแลนด์ได้ พวกเยอรมันสามารถยึด wz. 35 ได้เป็นจำนวนมาก และนำไปใช้ในกองทัพเยอรมันในชื่อ “Panzerbüchse 35(p)” หรือ PzB 35(p) Panzerbüchse หมายถึงปืนต่อสู้รถถัง ส่วน p หมายถึง Polish แต่มีการเรียกใหม่ว่า Panzerbüchse 770(p) เมื่อเยอรมันนำไปใชแนวรบด้านฝรั่งเศสในปี 1940
มีการนำไปขายให้อิตาลี จำนวน 800 กระบอกและอิตาลีเรียกว่า Fucile Anticarro Modello 35(P). ใช้งานร่วมกับ Solothurn S-18/1000
แต่เมื่อรถถังมีการพัฒนาเกราะดีขึ้นกระสุนขนาด 7.92×107mm ก็แทบไม่สามารถหยุดรถถังลงได้ จึงมีการนำไปใช้ยิงเป้าหมายอื่นๆแทน
มีการนำไปใช้งานโดย โปแลนด์,เยอรมัน,อิตาลี,ฟินน์แลนด์ ,ฮังการี่ และ โรมาเนีย
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดๆ มา .ณ ที่นี้ครับ
Cr.
https://www.cartridgecollector.net/792-x-107-maroszek
https://en.wikipedia.org/wiki/7.92%C3%97107mm_DS
https://en.wikipedia.org/wiki/Wz._35_anti-tank_rifle
#Wz35 #ป_ปืน