ลบแผลเป็นด้วยสกินแคร์...ได้ด้วยเหรอ...
กระทู้นี้เกิดจากความเซอร์ไพรซ์ของตัวเองจริงๆ เพราะไม่คิดว่าการใช้สกินแคร์และวิตามินเสริมจะช่วยเรื่องรอยแผลสดและแผลเป็นได้จริงจังขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิดต้องล็อคตัวเองอยู่บ้านก็คงยังไม่รู้ เพราะเราคงต้องรีบแจ้นไปเลเซอร์ตั้งแต่วันแรกๆแล้ว เราพยายามลงรูปละเอียดในแต่ละช่วงให้ดูเลย เพราะนี่จริงๆก็ถ่ายเก็บไปเรื่อยๆ พยายามให้เป็นเวลาเดิม ยืนที่เดิม ทุกๆวัน เห็นหน้าตัวเองทุกวันมันก็ชินนะ แต่พอเวลาผ่านไปเอารูปเก่าๆมาไถดู แม่เอ้ยยย...ตกกะใจ จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้นี่แหละ
เอาล่ะ ขอเริ่มเลย หลังจากความซนเอาหน้าไปครูดกับพื้นซีเมนต์เล่น ดูท่าไม่ได้การเพราะแผลเหวอะมาก รีบแจ้นไปโรงพยาบาล เข้าแผนก ER พยาบาลมองหน้าปราดเดียวแล้วบอกว่า ไปแผนกศัลยกรรมเลยนะคะ อุ่ย...หมอเห็นหน้าปั๊บหันไปสั่งพยาบาล ขอ Blade ครับ เดี๋ยวผมขูดเอง เดี๋ยวววน้าาาา ขูดอะไรขูดทำไมคะหมอ หมอบอกผมต้องขูดแต่งแผลสดครับ ไม่อย่างนั้นแผลจะแย่กว่านี้ ฮือ...แม่จ๋าาาา เสียงใบมีดขูดเนื้อดังครึ่ดๆ เจ็บน้ำตาไหล ตรงใต้ปีกจมูกหมอบอกลึกมากเลยชั้น Dermis ไปอีก เดี๋ยว 5 วันมาดูแผลกัน โดยปกติกว่าแผลจะ Heal สนิทต้อง 40 กว่าวัน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องแผลเป็นอีกทีว่าจะรักษายังไง โดนแปะผ้าก๊อซกลับมาเป็นหัวมัมมี่ ทำซ่าขับรถออกไปคนเดียว ขากลับบ้านนี่มือสั่นขาสั่น เจ็บแผลเกือบกลับไม่ถึงบ้าน
คืนนั้นปวดจนต้องกินยาหลับไป วันนั้นและวันต่อมาแผลมีน้ำใสๆไหลออกมาเยอะมาก เยอะแบบหยดติ๋งเป็นหยดๆอ่ะ ต้องคอยซับ เหมือนแผลร้องไห้แล้วมีน้ำตาไหลเป็นหยดๆ บางทีพูดๆอยู่มีน้ำไหลเข้าปาก ฮือออ...คืออัลลัย ใจไม่ดีเลยยย ไม่เคยเป็นมาก่อน นึกในใจว่าเสียโฉมแหงๆ ไม่น่าเลยช้าน ได้แต่กินยาและทายาตามหมอสั่ง วันที่ 3 เอ้ย ตื่นมาทำไมแผลแห้งล่ะ เหมือนเหตุการณ์เมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตัดสินใจว่าเอาล่ะ เจ็บนี้ต้องพิสูจน์ เนื่องจากดูทรงแล้วศึกนี้ยาวไกลแน่ๆ ประกอบกับพื้นฐานผิวเราเป็นคนคล้ำ เม็ดสีเยอะ เป็นแค่สิวเม็ดจิ๋วก็ทิ้งรอยดำไว้แบบกระดำกระด่างมาตลอดชีวิต นี่โดนเข้าไปขนาดนี้ฉันต้องเป็นขวานฟ้าหน้าดำแหงๆ
ไหนๆก็ไหนๆ ของที่ใช้อยู่ทุกวันนี่แหละ ใช้มาตั้ง 6 ปีเข้าไปแล้ว ในเมื่อเราเชื่อว่ามันดี มันก็ต้องช่วยเรายามคับขันได้สิน่า ตั้งใจว่าครั้งนี้เราจะเก็บผลมาดูชัดๆ คือเห็นใครๆเขาถ่ายรูปรีวิวกันแต่เราไม่เคยทำเลยนึกสนุกอยากเล่นบ้าง หลังจากทายาตามหมอสั่งแล้วเราก็เริ่มแตะๆ Luxes ตัวที่ใช้ประจำอยู่เข้าไปเพิ่ม เน้นๆ ที่ตัว Swiss Bright ตัวนี้ซื้อเพราะคำเดียวเลยว่า Brightening ที่ไม่มีส่วนผสมเคมีเลย ความตั้งใจตอนแรกคือจะเอามาทาฝ้าบางๆตรงโหนกแก้ม คือสมัยก่อนเคยหาหมอแล้วโดน Hydroquinone เข้าไปแล้วพังคือหน้าด่างเป็นดวงๆชีช้ำมาก ส่วนกลุ่มวิตซีก็เคยมีแพ้และแสบ คำว่าไม่มีเคมีเลยนี่แหละที่ทำให้เราเลยกล้าเอาลงบนแผลสด แต่ยังแหยงๆอยู่ก็เลยแตะๆเอาเบาๆมือ
วันที่ 5 หมอนัดดูแผล แผลแห้งเกือบสนิทอาการต่างกับวันก่อนลิบลับ งงแฮะ แต่ตามรูปจะเห็นว่าเป็นหมูแดงละ รู้เลยเดี๋ยวรอยดำต้องมา หมอมองแล้วถึงกับชมเปาะว่าเนื้อแผลซ่อมแซมดีมาก ถือว่าเร็วมากสำหรับอายุเท่านี้ (ชมใช่ไหมค้าา) เลยถือโอกาสเล่าให้หมอฟังว่าใช้ Luxes มานานเลยเอามาใช้ร่วมกับยาหมอ ซึ่งแบรนด์นี้เขาเน้นเรื่องส่วนผสมที่ไม่มีเคมีและเน้นเรื่องความแข็งแรงของผิว หมอว่าอันนี้มันช่วยด้วยไหมคะ คือจริงๆแล้วอยากรู้แหละว่ามันเกี่ยวกันกับการที่แผลเราหายเร็วจริงหรือเปล่า หรือว่าเรามโนไปเอง หมอบอกว่าเป็นไปได้เพราะหลักการของแบรนด์นี้ที่คุณเล่ามาคือเขาเคลมว่าช่วยทำให้ผิวแข็งแรงและกระตุ้นการสร้าง Fibroblast และยิ่งคุณใช้มานานเป็นปีๆนี่แปลว่าเขาทำงานได้แบบนั้นจริงๆ เพราะผิวน่าจะแข็งแรงมากจึงซ่อมตัวเองได้เร็ว ดีใจด้วย ถ้าอยากทาก็ทาได้เลย
กลับบ้านมาก็ปรับปรุงตัวเป็นคนดีทันที จากที่เป็นคนไม่มีวินัยกับสกินแคร์ ทาบ้างไม่ทาบ้างก็ตั้งใจทาเช้า-เย็นทุกวัน ใช้ปริมาณปกติแหละแต่ทำสม่ำเสมอ ช่วงเดือนแรกๆแผลมันดำมากยิ่งกว่าโดนของ ไปไหนต้องคอยเมคอัพกลบ คอนซีลเลอร์ปิด โชคดีที่ใส่มาส์กตลอดเลยยังไม่ค่อยเห็นมาก เลยตัดสินใจละว่าฉันจะไม่ไปเลเซอร์ ฉันจะอดทนทา Luxes อย่างเดียวให้เห็นๆกันไป ผ่านมา 6 เดือนเอาภาพที่ถ่ายเก็บไว้มาเทียบดูว่าเหยยย มันหายจริงๆ ผลพวงอีกอย่างจากความมีวินัยนี้คือนอกจากรอยดำที่จางไปเลย เราได้ของแถมคือผิวทั้งหน้าบริเวณอื่นที่ดีขึ้นมากๆ ทั้งฝ้าบางๆ จุดด่างดำเล็กๆ รูขุมขน ความกระชับ ริ้วรอย มันดีขึ้นแบบเห็นได้ด้วยตาเปล่า ด้วยวัยนี้ได้ขนาดนี้โดยไม่พึ่งอย่างอื่นเลยและไม่มีสารเคมีมาเกี่ยวข้องเลยนี่มันน่าตื่นเต้นมาก
สรุปทุกวันที่ใช้จะมีอยู่ 4 ขวดตารูปเลยค่ะ
2 Seconds Stay Young
Lifter Elixirum
Swiss Bright
Hyalurone Intense
เน้นๆตรงรอยด้วย Swiss Bright ที่สำคัญคือทาสม่ำเสมอทุกวันเช้า-เย็นห้ามขี้เกียจ แต่มีช่วงนึงที่ Swiss Bright ขายดีจนขาดตลาด แต่ฉันขาดเขาไม่ด้ายยย ลงไปดิ้นๆๆๆ ที่แบรนด์เขาจึงแนะนำอีกตัวนึงมาใช้ระหว่างรอคือ Skin Regimen VitC ตัดสินใจลองเนื่องจากเขาเคลมว่าเขาเป็นวิตซีที่ไม่ระคายเคือง ไม่แสบ ไม่แดง ซึ่งก็จริงด้วย อันนี้ไม่แสบเลย แถมเป็นวิตซีแบบเป็นผงให้มาผสมในขวดเอง จึงได้ความสดและเข้มข้นที่คาดหวังเรื่องการลบรอยดำได้แบบที่เรากำลังต้องการ ความหน้าขาวอันนี้จึงต้องให้เครดิตเขาด้วย
นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องการสร้างจากข้างในละ ปกติเราดื่มน้ำผัก ผลไม้สกัดเย็นทุกเช้า ส่วนผสมวนเวียนไปเรื่อย แครอท บีตรูท แอปเปิ้ลแดง แอปเปิ้ลเขียว ส้ม ฝรั่ง สัปปะรด เสาวรส เซเลอรี่ เคล วอเตอร์เครส คือซื้ออะไรได้ก็หมุนๆวนไปแต่จะใส่ครั้งละไม่ต่ำกว่า 5 ชนิด ช่วงนั้นเน้นกินวิตามินซี 2,000 mg. มีวิตามิน Hair Skin Nails อีก 3 เม็ดตอนเช้า เลือกทานอาหารดีมีประโยชน์ กินสลัดทีกองเท่าภูเขา ผลที่ได้จึงคิดว่าน่าจะมาจากทุกองค์ประกอบช่วยกัน
สุดท้ายที่ดีใจที่สุดคือจากที่เห็นหน้าตัวเองในกระจกแล้วเครียด วันนี้ออกจากบ้านหน้าสดได้แล้ว มันดีจีจี...
[CR] [CR] รีวิวปฏิบัติการรักษาแผลสด – แผลเป็นไม่ง้อเลเซอร์ กับ LUXES Skincare
กระทู้นี้เกิดจากความเซอร์ไพรซ์ของตัวเองจริงๆ เพราะไม่คิดว่าการใช้สกินแคร์และวิตามินเสริมจะช่วยเรื่องรอยแผลสดและแผลเป็นได้จริงจังขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิดต้องล็อคตัวเองอยู่บ้านก็คงยังไม่รู้ เพราะเราคงต้องรีบแจ้นไปเลเซอร์ตั้งแต่วันแรกๆแล้ว เราพยายามลงรูปละเอียดในแต่ละช่วงให้ดูเลย เพราะนี่จริงๆก็ถ่ายเก็บไปเรื่อยๆ พยายามให้เป็นเวลาเดิม ยืนที่เดิม ทุกๆวัน เห็นหน้าตัวเองทุกวันมันก็ชินนะ แต่พอเวลาผ่านไปเอารูปเก่าๆมาไถดู แม่เอ้ยยย...ตกกะใจ จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้นี่แหละ
เอาล่ะ ขอเริ่มเลย หลังจากความซนเอาหน้าไปครูดกับพื้นซีเมนต์เล่น ดูท่าไม่ได้การเพราะแผลเหวอะมาก รีบแจ้นไปโรงพยาบาล เข้าแผนก ER พยาบาลมองหน้าปราดเดียวแล้วบอกว่า ไปแผนกศัลยกรรมเลยนะคะ อุ่ย...หมอเห็นหน้าปั๊บหันไปสั่งพยาบาล ขอ Blade ครับ เดี๋ยวผมขูดเอง เดี๋ยวววน้าาาา ขูดอะไรขูดทำไมคะหมอ หมอบอกผมต้องขูดแต่งแผลสดครับ ไม่อย่างนั้นแผลจะแย่กว่านี้ ฮือ...แม่จ๋าาาา เสียงใบมีดขูดเนื้อดังครึ่ดๆ เจ็บน้ำตาไหล ตรงใต้ปีกจมูกหมอบอกลึกมากเลยชั้น Dermis ไปอีก เดี๋ยว 5 วันมาดูแผลกัน โดยปกติกว่าแผลจะ Heal สนิทต้อง 40 กว่าวัน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องแผลเป็นอีกทีว่าจะรักษายังไง โดนแปะผ้าก๊อซกลับมาเป็นหัวมัมมี่ ทำซ่าขับรถออกไปคนเดียว ขากลับบ้านนี่มือสั่นขาสั่น เจ็บแผลเกือบกลับไม่ถึงบ้าน
คืนนั้นปวดจนต้องกินยาหลับไป วันนั้นและวันต่อมาแผลมีน้ำใสๆไหลออกมาเยอะมาก เยอะแบบหยดติ๋งเป็นหยดๆอ่ะ ต้องคอยซับ เหมือนแผลร้องไห้แล้วมีน้ำตาไหลเป็นหยดๆ บางทีพูดๆอยู่มีน้ำไหลเข้าปาก ฮือออ...คืออัลลัย ใจไม่ดีเลยยย ไม่เคยเป็นมาก่อน นึกในใจว่าเสียโฉมแหงๆ ไม่น่าเลยช้าน ได้แต่กินยาและทายาตามหมอสั่ง วันที่ 3 เอ้ย ตื่นมาทำไมแผลแห้งล่ะ เหมือนเหตุการณ์เมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตัดสินใจว่าเอาล่ะ เจ็บนี้ต้องพิสูจน์ เนื่องจากดูทรงแล้วศึกนี้ยาวไกลแน่ๆ ประกอบกับพื้นฐานผิวเราเป็นคนคล้ำ เม็ดสีเยอะ เป็นแค่สิวเม็ดจิ๋วก็ทิ้งรอยดำไว้แบบกระดำกระด่างมาตลอดชีวิต นี่โดนเข้าไปขนาดนี้ฉันต้องเป็นขวานฟ้าหน้าดำแหงๆ
ไหนๆก็ไหนๆ ของที่ใช้อยู่ทุกวันนี่แหละ ใช้มาตั้ง 6 ปีเข้าไปแล้ว ในเมื่อเราเชื่อว่ามันดี มันก็ต้องช่วยเรายามคับขันได้สิน่า ตั้งใจว่าครั้งนี้เราจะเก็บผลมาดูชัดๆ คือเห็นใครๆเขาถ่ายรูปรีวิวกันแต่เราไม่เคยทำเลยนึกสนุกอยากเล่นบ้าง หลังจากทายาตามหมอสั่งแล้วเราก็เริ่มแตะๆ Luxes ตัวที่ใช้ประจำอยู่เข้าไปเพิ่ม เน้นๆ ที่ตัว Swiss Bright ตัวนี้ซื้อเพราะคำเดียวเลยว่า Brightening ที่ไม่มีส่วนผสมเคมีเลย ความตั้งใจตอนแรกคือจะเอามาทาฝ้าบางๆตรงโหนกแก้ม คือสมัยก่อนเคยหาหมอแล้วโดน Hydroquinone เข้าไปแล้วพังคือหน้าด่างเป็นดวงๆชีช้ำมาก ส่วนกลุ่มวิตซีก็เคยมีแพ้และแสบ คำว่าไม่มีเคมีเลยนี่แหละที่ทำให้เราเลยกล้าเอาลงบนแผลสด แต่ยังแหยงๆอยู่ก็เลยแตะๆเอาเบาๆมือ
วันที่ 5 หมอนัดดูแผล แผลแห้งเกือบสนิทอาการต่างกับวันก่อนลิบลับ งงแฮะ แต่ตามรูปจะเห็นว่าเป็นหมูแดงละ รู้เลยเดี๋ยวรอยดำต้องมา หมอมองแล้วถึงกับชมเปาะว่าเนื้อแผลซ่อมแซมดีมาก ถือว่าเร็วมากสำหรับอายุเท่านี้ (ชมใช่ไหมค้าา) เลยถือโอกาสเล่าให้หมอฟังว่าใช้ Luxes มานานเลยเอามาใช้ร่วมกับยาหมอ ซึ่งแบรนด์นี้เขาเน้นเรื่องส่วนผสมที่ไม่มีเคมีและเน้นเรื่องความแข็งแรงของผิว หมอว่าอันนี้มันช่วยด้วยไหมคะ คือจริงๆแล้วอยากรู้แหละว่ามันเกี่ยวกันกับการที่แผลเราหายเร็วจริงหรือเปล่า หรือว่าเรามโนไปเอง หมอบอกว่าเป็นไปได้เพราะหลักการของแบรนด์นี้ที่คุณเล่ามาคือเขาเคลมว่าช่วยทำให้ผิวแข็งแรงและกระตุ้นการสร้าง Fibroblast และยิ่งคุณใช้มานานเป็นปีๆนี่แปลว่าเขาทำงานได้แบบนั้นจริงๆ เพราะผิวน่าจะแข็งแรงมากจึงซ่อมตัวเองได้เร็ว ดีใจด้วย ถ้าอยากทาก็ทาได้เลย
กลับบ้านมาก็ปรับปรุงตัวเป็นคนดีทันที จากที่เป็นคนไม่มีวินัยกับสกินแคร์ ทาบ้างไม่ทาบ้างก็ตั้งใจทาเช้า-เย็นทุกวัน ใช้ปริมาณปกติแหละแต่ทำสม่ำเสมอ ช่วงเดือนแรกๆแผลมันดำมากยิ่งกว่าโดนของ ไปไหนต้องคอยเมคอัพกลบ คอนซีลเลอร์ปิด โชคดีที่ใส่มาส์กตลอดเลยยังไม่ค่อยเห็นมาก เลยตัดสินใจละว่าฉันจะไม่ไปเลเซอร์ ฉันจะอดทนทา Luxes อย่างเดียวให้เห็นๆกันไป ผ่านมา 6 เดือนเอาภาพที่ถ่ายเก็บไว้มาเทียบดูว่าเหยยย มันหายจริงๆ ผลพวงอีกอย่างจากความมีวินัยนี้คือนอกจากรอยดำที่จางไปเลย เราได้ของแถมคือผิวทั้งหน้าบริเวณอื่นที่ดีขึ้นมากๆ ทั้งฝ้าบางๆ จุดด่างดำเล็กๆ รูขุมขน ความกระชับ ริ้วรอย มันดีขึ้นแบบเห็นได้ด้วยตาเปล่า ด้วยวัยนี้ได้ขนาดนี้โดยไม่พึ่งอย่างอื่นเลยและไม่มีสารเคมีมาเกี่ยวข้องเลยนี่มันน่าตื่นเต้นมาก
สรุปทุกวันที่ใช้จะมีอยู่ 4 ขวดตารูปเลยค่ะ
2 Seconds Stay Young
Lifter Elixirum
Swiss Bright
Hyalurone Intense
เน้นๆตรงรอยด้วย Swiss Bright ที่สำคัญคือทาสม่ำเสมอทุกวันเช้า-เย็นห้ามขี้เกียจ แต่มีช่วงนึงที่ Swiss Bright ขายดีจนขาดตลาด แต่ฉันขาดเขาไม่ด้ายยย ลงไปดิ้นๆๆๆ ที่แบรนด์เขาจึงแนะนำอีกตัวนึงมาใช้ระหว่างรอคือ Skin Regimen VitC ตัดสินใจลองเนื่องจากเขาเคลมว่าเขาเป็นวิตซีที่ไม่ระคายเคือง ไม่แสบ ไม่แดง ซึ่งก็จริงด้วย อันนี้ไม่แสบเลย แถมเป็นวิตซีแบบเป็นผงให้มาผสมในขวดเอง จึงได้ความสดและเข้มข้นที่คาดหวังเรื่องการลบรอยดำได้แบบที่เรากำลังต้องการ ความหน้าขาวอันนี้จึงต้องให้เครดิตเขาด้วย
นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องการสร้างจากข้างในละ ปกติเราดื่มน้ำผัก ผลไม้สกัดเย็นทุกเช้า ส่วนผสมวนเวียนไปเรื่อย แครอท บีตรูท แอปเปิ้ลแดง แอปเปิ้ลเขียว ส้ม ฝรั่ง สัปปะรด เสาวรส เซเลอรี่ เคล วอเตอร์เครส คือซื้ออะไรได้ก็หมุนๆวนไปแต่จะใส่ครั้งละไม่ต่ำกว่า 5 ชนิด ช่วงนั้นเน้นกินวิตามินซี 2,000 mg. มีวิตามิน Hair Skin Nails อีก 3 เม็ดตอนเช้า เลือกทานอาหารดีมีประโยชน์ กินสลัดทีกองเท่าภูเขา ผลที่ได้จึงคิดว่าน่าจะมาจากทุกองค์ประกอบช่วยกัน
สุดท้ายที่ดีใจที่สุดคือจากที่เห็นหน้าตัวเองในกระจกแล้วเครียด วันนี้ออกจากบ้านหน้าสดได้แล้ว มันดีจีจี...
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้